ก.ตร.เอกฉันท์ปลด‘โจ๊ก’ถูกกม.

"ก.ตร." ดับฝัน "บิ๊กโจ๊ก" มติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 คำสั่งออกราชการไว้ก่อนถูกต้องแล้ว โจ๊กดิ้นพล่านงัดดาบสองร้อง ก.พ.ค.ไว้แล้ว พุ่งเป้าเขย่าเก้าอี้ "เศรษฐา" ถอนคำสั่ง "วินัย" โวยลั่นโดนไล่บี้ฟ้องปิดปาก ด้าน ป.ป.ช.ขยายเวลาสอบ "นายกฯ" ตั้ง "บิ๊กต่อ" มิชอบ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2567 โดยก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางถึง  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยรอง ผบ.ตร. มารอต้อนรับบริเวณประตูทางเข้า โดยทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มและทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี

โดยเฉพาะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้พูดคุยกับสื่อมวลชนด้วยท่าทียิ้มแย้ม อารมณ์ดี ส่งมินิฮาร์ตให้ และได้สอบถามสื่อมวลชน ว่าอากาศบริเวณห้องโถงเย็นดีแล้วหรือไม่  ตนมาเช็กให้สื่อมวลชนทุกวัน อากาศตรงนี้เย็นแล้วแต่ข้างบนร้อน จากนั้นผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าตรงนี้เย็นแล้วอากาศข้างบนเป็นอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐยิ้มพร้อมกล่าวว่า อบอุ่น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางถึง ได้รับไหว้และทักทายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มารอต้อนรับ โดยเฉพาะเมื่อเดินผ่าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นายกรัฐมนตรีได้เอามือแตะไหล่ให้กำลังใจ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ไหวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีหันมายิ้มพร้อมชู 2 นิ้วให้สื่อมวลชน ก่อนเดินขึ้นห้องประชุม

จี้นายกฯ ถอนคำสั่ง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ระบุก่อนการประชุม ก.ตร.ว่า เชื่อว่าการประชุมในวันนี้จะไม่มีผลอะไรต่อตัวเองทั้งสิ้น เพราะที่ประชุม ก.ตร.จะโยนเรื่องดังกล่าวไปที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมให้เป็นผู้พิจารณา เพราะตอนนี้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมาก เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาลงมติมีความเห็น 10 : 0 ว่าการออกคำสั่งให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อนของอดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ชอบและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับตนเดินหน้าฟ้องร้อง จึงทำให้หลายคนไม่อยากเข้ามามีส่วนในเผือกร้อนดังกล่าว

"ผมมองว่าในเวลานี้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้นำจะต้องออกมาแก้ไขปัญหา หากผู้นำยังคงเพิกเฉย ปัญหาความขัดแย้งไม่มีวันจบสิ้น เพราะความเสียหายยังตกและคงอยู่กับผมคนเดียว ทางออกสำหรับเรื่องนี้ มันง่ายนิดเดียว เมื่อคำสั่งดังกล่าวมันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ผู้นำองค์กรซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี ก็แค่แก้ไขให้มันถูกต้อง ยกเลิกคำสั่งเสีย ทุกอย่างก็จบแล้ว" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ประชุม ก.ตร.ในวันนี้ ที่ประชุมก็ได้ถอนวาระ เรื่องตนเองออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่า ณ เวลานี้ทุกคนต่างวิ่งหนี เพราะกลัวผลที่ตามมา จึงผลักเรื่องดังกล่าวให้กับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ซึ่งเป็นศาลปกครองชั้นต้น ส่วนตัวยังเชื่อว่าจะได้กลับเข้าไปทำงานรับใช้ประชาชนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง แต่อาจต้องใช้เวลารอคอยนานอีกนิด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุด้วยว่า                   ทั้งนี้ ในวันศุกร์นี้ เวลา 10.00 น. จะยื่นฟ้องดำเนินคดี ตำรวจยศ พล.ต.อ. อักษรย่อ  ต. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และในสัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้องกูรูอดีตตำรวจยศนายพลอีก 1 คน ผู้รู้มาก แต่ไม่รู้จริง ทำให้ตนเองเสื่อมเสีย

ซัดโจ๊กฟ้องปิดปาก

ขณะที่ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุว่า ที่ผ่านมายังเคยให้สัมภาษณ์เตือนสติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์   หลายครั้ง เช่น กรณีการแฉงบลับ แต่สุดท้ายตนเองกลับถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ฟ้องดำเนินคดี เพราะการทำหน้าที่เป็นประธานอนุ ก.ตร.ด้านวินัย ซึ่งมีมติชี้ว่าคำสั่งที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายแล้ว

"เชื่อว่าการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินสายฟ้อง ก.ตร. หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณานั้น เป็นการฟ้องปิดปาก โดยเฉพาะกรณีฟ้องผม ซึ่งถูกฟ้องก่อนประชุม ก.ตร. ที่ต้องนำผลอนุ ก.ตร. รายงานต่อที่ประชุม ก.ตร.เพียง 1 วัน ก็เพื่อไม่ให้ผมหรือใครก็ตามได้แสดงความเห็นในเวทีประชุม ก.ตร. ไม่ว่าวันนี้ผลของ ก.ตร.จะชี้ออกมาแนวทางใด สุดท้ายเป็นเพียงเรื่องการบริหารงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ผลสิ้นสุดอยู่ที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งจะชี้ขาดว่าคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ออกราชการไว่ก่อนนั้น ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย" พล.ต.อ.วินัยระบุ

มีรายงานว่า การประชุม ก.ตร.ส่อเค้าวุ่นเนื่องจากที่ประชุม ก.ตร.ประกอบด้วยคณะกรรมการ 16 คน รวมทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่านายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. ติดภารกิจต่างประเทศ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีสภาพร้ายแรงเป็นคู่ขัดแย้ง เข้าร่วมประชุมไม่ได้

เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนคดีเว็บพนัน และเกี่ยวพันกับการออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ก็จะถูกตัดสิทธิ์ประชุมเช่นกัน

ส่วน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยังก้ำกึ่ง เนื่องจาก พล.ต.อ.วินัยเพิ่งถูกฟ้องต่อศาลฐานหมิ่นประมาทเมื่อวานนี้ โดยพล.ต.อ.เอกมีแนวโน้มว่าอาจถูกฟ้องสัปดาห์หน้า ซึ่งคณะกรรมการ ก.ตร.ที่เหลือจะต้องมีการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ทั้งคู่ร่วมประชุมและออกเสียงในมติร้อนดังกล่าวได้หรือไม่

 เมื่อเวลา 17.43 น. หลังใช้เวลาในการประชุม ก.ตร.กว่า 2 ชั่วโมง นายเศรษฐาได้เดินทางออกจากห้องประชุม ในขณะที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น โดยเมื่อเจอผู้สื่อข่าวนายกฯ ได้โบกมือ พร้อมกับระบุว่าให้เลขาฯ ก.ตร.เป็นคนแถลง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกฯ ไม่แถลงข่าวด้วยหรือ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงว่า “ไม่ครับ ให้เลขาฯ เป็นคนแถลง  เพราะการประชุมยังไม่จบ”

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถเดินทางกลับออกไปทันที โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินมาส่งถึงรถ จากนั้น ผบ.ตร.และรอง ผบ. ตร.ได้เดินกลับเข้าไปประชุมต่อ

ก.ตร.เอกฉันท์ 12 ต่อ 0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2567 มีวาระการประชุมสำคัญ โดยเฉพาะวาระที่ 4 คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่หลังจากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ยื่น ก.ตร.พิจารณายกเลิกคำสั่ง โดยแนบบันทึกความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อนุ ก.ตร.ด้านวินัย ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร.เป็นประธาน มีความเห็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ได้นำเข้าที่ประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่ที่มีนายกฯ เป็นประธานชี้ขาดวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมในวาระดังกล่าวกว่า 3 ชม. คณะกรรมการ ก.ตร.มีตติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เสียง คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ร้องขอความเป็นธรรมจาก ก.พ.ค.ตร.ไว้แล้ว ซึ่งต้องรอมติอีกครั้ง เพื่อให้คำสั่งสมบูรณ์ ก่อนถึงขั้นตอนขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

ทั้งนี้ รายงานแจ้งว่า มีการถกเถียงประเด็นดังกล่าว สุดท้ายนายกฯ ให้โหวตลงความคิดเห็นของ ก.ตร. ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 12 ต่อ 0 ให้ความเห็นชอบคำสั่ง รรท.ผบ.ตร. ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน

ยืดสอบปมตั้ง 'บิ๊กต่อ'

วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการหารือกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกร้องเรียนว่าแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ป.ป.ช.ได้มีการเชิญเลขาฯ ก.ตร.เข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดแล้ว ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความสงสัยเรื่องของผลงานด้านการสืบสวนสอบสวน เพราะยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่าผลงานด้านการสืบสวนสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีการกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบการให้คะแนนไว้อย่างไร

"รวมถึงคำว่าสืบสวนสอบสวน ตาม พ.ร.บ. มีความหมายว่าอย่างไร ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยขั้นตอนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ว่าในระหว่างที่มีการพิจารณาคัดเลือก ผบ.ตร. ในขั้นตอนของ ก.ตร. มีการเสนอผลงานหรือไม่อย่างไร" นายนิวัติไชยระบุ

เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการตรวจสอบ นายนิวัติไชยกล่าวว่า กรณีนี้มีการตรวจสอบเพียงประเด็นเดียว น่าจะไม่ล่าช้า โดยหากตรวจสอบเสร็จสิ้นและพบว่ามีมูล ก็จะมีการเสนอสั่งไต่สวน แต่หากไม่มีมูล ป.ป.ช.ก็จะไม่รับเรื่องไว้พิจารณา     

เมื่อถามว่า ประเด็นนี้จะเป็นเหตุให้นายเศรษฐาพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่า ยังอีกไกล เพราะขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ได้มีการสั่งไต่สวนเลยด้วยซ้ำ

เมื่อถามถึงคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. นายนิวัติไชยกล่าวว่า มีอยู่ 2 คดี คือ 1.คดีเว็บพนันมินนี่ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ป.ป.ช.มีการขอสำนวนคืนจากพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้รับกลับมา อยู่ในระหว่างติดตาม และ 2.คือคดีที่ สน.เตาปูน ป.ป.ช.มีมติรับไว้พิจารณาเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนคดีทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการเล่นพนัน ได้มีการส่งคืน สน.เตาปูนไปแล้ว โดย ป.ป.ช.จะนำทั้ง 2 สำนวนมาพิจารณาร่วมกัน เพราะทั้งสองคดีเป็นโครงข่ายที่มีความเชื่อมโยงกันทางด้านบัญชี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง