กำนันลุ้นศาลอุทธรณ์ชี้ชะตา

"กำนันสุเทพ" นำเเกนนำ  กปปส.ชุดใหญ่ รวม 39 คน ตบเท้าฟังคำพิพากษาคดีก่อการร้าย ชัตดาวน์ กรุงเทพฯ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุกไม่รอลงอาญาระนาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 27 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ  อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ,   ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ   ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ,   บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ

คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า  เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2556-1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1  ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพ เป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่

อีกทั้งก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง สส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. จากนั้นจะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน            นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13  ม.ค.-2 มี.ค.2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน นายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
ต่อมาวันที่ 24 ก.พ.2564 ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกจำเลยรายสำคัญ  โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกบฏและก่อการร้าย พฤติการณ์ชุมนุมไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลใด เพื่อล้มล้างการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ อำนาจบริหาร จึงไม่เป็นความผิดฐานกบฏ และก่อการร้าย เเต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และจำเลยอื่นรวม 26 คน ศาลตัดสินจำคุกในความผิดฐานยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา, ร่วมกันมั่วสุม 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันบุกรุกสำนักงานผู้อื่นในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาจำคุกนายสุเทพ เป็นเวลา 5 ปี, จำคุกนายชุมพล จุลใส เป็นเวลา 9 ปี 24 เดือน, จำคุกนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นเวลา 7 ปี, จำคุกนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 6 ปี 16 เดือน, จำคุกนายอิสสระ สมชัย 7 ปี 16 เดือน, จำคุกนายถาวร เสนเนียม 5 ปี, จำคุกนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ 4 ปี 8 เดือน และจำคุก ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 4 ปี 16 เดือน รวมทั้งสิ้น 8 คน

ส่วนจำเลยที่เหลือศาลเห็นว่า เป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม หรือบางคนเป็นแกนนำ แต่กระทำความผิดน้อยกว่าบุคคลอื่น และไม่เคยปรากฏพฤติการณ์รุนแรง และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ควรให้โอกาสปรับตัวเป็นคนดี จึงให้รอการลงโทษ 2 ปี

รวมทั้งให้เพิกถอนสิทธิทางการเมือง นายชุมพล จุลใส สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายอิสสระ สมชัย สส.พรรรคประชาธิปัตย์ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์, นายสำราญ รอดเพชร และนางทยา ทีปสุวรรณ คนละ 5 ปี ต่อมาอัยการโจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์

ทางด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 มิ.ย. นายสุเทพจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในส่วนจำเลยคนอื่นก็ยังไม่มีการแจ้งจะขอเลื่อนหรือบอกว่ามีอาการป่วยเเต่อย่างไร วันที่ 27 มิ.ย. เป็นหน้าที่จำเลยที่จะต้องเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนจำเลยรายสำคัญอื่นๆ เช่น นายถาวร เสนเนียม ก็จะเดินทางไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อจำเลยทั้งหมดในคดี กปปส.ชุดใหญ่ มี 39 ราย อาทิ 1.นายสุเทพ 2.นายสาทิตย์ 3.นายชุมพล 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 14.นายถนอม อ่อนเกตุพล 15.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 16.นายสาธิต เซกัล 17.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี 18.พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี 19.พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ 20.นายถวิล เปลี่ยนศรี 21.นายแก้วสรร อติโพธิ 22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ชาญ’นำ‘แจ๊ส’นายกอบจ.ปทุม

ลุ้นมันหยด ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กกต.ปทุมฯ ตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 70 ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ "บิ๊กแจ๊ส" กับ "ลุงชาญ" คะแนนเบียดกันสูสี ก่อนที่ลุงชาญจะขึ้นนำในช่วงท้าย