รัฐบาลพาเหรดตีปี๊บผลงานรวบ “ชนินทร์” อดีตซีอีโอสตาร์ค “จักรพงษ์” บอกต้องดอดไปดูไบถึง 2 รอบกว่าจะได้ตัว “ทวี” เผยเตรียมส่งฟ้องจันทร์นี้ 6 ข้อหาหนักหลายกรรม ทนายขอความเป็นธรรมฟ้องอย่างเท่าเทียม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัวนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK จำเลยสำคัญในคดีทุจริตบริษัท สตาร์คฯ จากอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายจักรพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค. เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้ โดยใช้เวลากว่า 8 เดือน ตั้งแต่กระบวนการหาตัว หลบหนีไปที่ไหน อยู่ประเทศใดบ้าง มีการดำเนินการอย่างละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย โดยเป็นความร่วมมือหลายหน่วยงาน กระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอัยการสูงสุด เพราะกรณีนี้เป็นบทเรียนสำคัญต่อตลาดทุนไทยที่ ก.ล.ต.จะนำไปปรับปรุงเรื่องการดำเนินการให้โปร่งใสและตรวจสอบได้
นายจักรพงษ์กล่าวอีกว่า ช่วงนายเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ หยิบยกเรื่องนี้มามอบหมายให้ตนในขณะดำรงตำแหน่ง รมช.การต่างประเทศ ให้ดำเนินการอย่างเป็นความลับ เพื่อนำตัวนายชนินทร์กลับไทยโดยเร็วที่สุด โดยได้เดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 2 รอบ เพื่อติดตามเรื่องนี้ เพราะทราบดีว่ามีความยากลำบากเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยนายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก จึงได้เดินทางเป็นการส่วนตัวถึง 2 ครั้ง เพื่อแจ้งกับรัฐบาลยูเออีว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
“กระบวนการหลังจากนี้จะนำตัวนายชนินทร์ไปดีเอสไอ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นภารกิจลับ ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานราชการของดูไบ ช่วยอำนวยความสะดวกส่งข้อมูลกลับมา และดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูไบเพื่อนำตัวนายชนินทร์กลับมา” นายจักรพงษ์กล่าว และว่า การใช้ชีวิตของนายชนินทร์ ไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ถือพาสปอร์ตนักท่องเที่ยว ส่วนใครให้ความช่วยเหลือขณะอยู่ต่างประเทศนั้นไม่ทราบ คงต้องสอบสวนกันต่อไป
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวถึงกระบวนการหลังจากนี้ว่า จะนำตัวผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถพบทนายได้ มีสิทธิได้รับการเข้าเยี่ยมตามกฎหมาย จากนั้นจะพิมพ์มือ ควบคุมตัว ก่อนจะนำส่งอัยการในช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีสิทธิคัดค้านการประกันตัว แต่อำนาจการพิจารณาอยู่ที่ศาล
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการควบคุมตัวและสอบสวนนายชนินทร์ว่า คดีนี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นคดีสำคัญที่นายกฯ ติดตาม สำหรับการสอบสวนนายชนินทร์เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องในวันพรุ่งนี้จำนวน 6 ข้อหาคือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ลงบัญชีเท็จ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ระมัดระวัง เป็นผู้บริหารทุจริต และฟอกเงิน โดยแต่ละข้อหามีหลายกรรม ทั้งนี้ อัยการเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้วในหลักการ และเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาว่าจะให้การหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เสียหาย 4,072 ราย มูลค่าความเสียหาย 14,778 ล้านบาท แต่ปัจจุบันสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามได้เพียงกว่า 3 พันล้านบาท ส่วนจำนวนที่เหลือต้องติดตามต่อไป
“ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี ไม่ได้แสดงความเครียดออกมา ส่วนเรื่องความปลอดภัยที่ผู้ต้องหากังวล ก็มีการพูดถึงบ้าง ซึ่งหลังจากนี้หากผู้ต้องหาต้องการร้องขอความเป็นธรรม จะต้องไปยื่นคำร้องที่อัยการสูงสุดต่อไป” พ.ต.ท.ทวีกล่าว
เเหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวว่า นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้สั่งการให้อัยการผู้รับผิดชอบสำนวนได้เตรียมร่างฟ้องไว้เเล้ว หากมีการนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนมา ทางพนักงานอัยการคดีพิเศษที่รับผิดชอบสำนวนก็สามารถนำตัวผู้ต้องหาพร้อมคำสั่งฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาได้ทันที เเล้วค่อยไปขออนุญาตศาลรวมคดีกับจำเลยที่ฟ้องไปก่อนหน้านี้
ขณะที่ นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความของนายชนินทร์ กล่าวว่า นายชนินทร์ไม่ได้อยากหนีเลย และอยากกลับไทยเพื่อมาสู้คดี ส่วนที่ลือกันว่ามีเงิน 8,000 ล้านบาทส่งไปที่อังกฤษ ไม่เป็นความจริงเลย ซึ่งเคยไปดูสำนวน ทุกคนบอกนายชนินทร์ทำผิดทั้งนั้นเลย ยังสงสัย ถ้านายชนินทร์ทำผิดจริง มีบางคนทำผิดแบบนายชนินทร์ทำไมสั่งไม่ฟ้อง
“อยากฝากถึงทุกคนที่อยู่ในกระบวนการสอบสวนสืบสวน ขอให้ความเป็นธรรมด้วย ในชั้นอัยการก็เช่นกัน ถ้าเห็นเหตุผลของนายชนินทร์ที่ยื่นเข้าไป ถ้าสมควรสั่งไม่ฟ้องได้ก็สมควรจะสั่งไม่ฟ้อง แต่ถ้าฟ้องก็จะต่อสู้คดี อันนี้ก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา” นายเรืองศักดิ์กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอชื่นชมนายกฯ รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จริงจังต่อนโยบายปราบปรามการทุจริตในตลาดทุนและทุกระดับ และขอฝากรัฐบาลเดินหน้านโยบายการปราบปรามทุจริตในทุกแวดวงทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การใช้งบประมาณของทุกกระทรวง ทุกกรม ข้าราชการประจำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะตลาดทุนของไทย และขอฝาก ก.ล.ต.ตรวจสอบเข้มงวดเกี่ยวกับบริษัทในตลาดทุน ให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ และป้องกันการทุจริต
“คดีหุ้น STRAK คดีนี้ ต้องใช้เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหานานถึง 8 เดือน ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นคดีที่มีผลกระทบกับนักลงทุนทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อตลาดทุนไทย หากเข้มงวดกวดขันให้รัดกุม จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนได้มากขึ้น” นายธนกรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท