‘ชัยธวัช’เซ็ง‘ไอซ์รักชนก’ ดรามากลบอภิปรายงบฯ

ไทยโพสต์ ๐ “ชัยธวัช” ให้คะแนนลูกพรรค 8 เต็ม 10 อภิปรายงบฯ 68 ดีมีคุณภาพ มั่นใจสมัยหน้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแน่ รับดรามา “ไอซ์ รักชนก” ทำคนเบี่ยงเบนประเด็นอภิปราย ถือเป็นบทเรียนของเจ้าตัว ขณะที่ "ปชป." ถาม "เศรษฐา"  ทำไมไม่รู้จักรดน้ำพรวนดินเศรษฐกิจ อัดกู้มาใช้เหมือนเทน้ำลงทราย ห่วงหากประเทศเกิดวิกฤตใหญ่ซ้ำรอยโควิดไม่มีเงินกู้สถานการณ์

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ตลอด 3 วันที่ผ่านมาว่า สส.ทำหน้าที่ได้ดี มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือเป็นที่น่าพอใจ   เพราะไม่ใช่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์เพียงอย่างเดียว แต่มองเห็นว่าประเด็นสำคัญของประเทศควรจะมีวาระอะไรบ้าง และมีข้อเสนอควบคู่ไปกับการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นทิศทางที่พรรคก้าวไกลให้ไว้ ว่าจะต้องเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ไม่ใช่ค้านอย่างเดียว แต่ต้องมีข้อเสนอเชิงนโยบายเปรียบเทียบที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า รัฐบาลก็มีส่วนทำให้บรรยากาศและเนื้อหาในการอภิปรายเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น โต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลและข้อมูล เพราะมองว่าจะส่งผลดีกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยก็ยังออกมาพูดว่าฝ่ายค้านยังใช้วาทกรรมในการอภิปรายก็คงจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต นายชัยธวัชระบุว่า เรายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะเป็นรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า ให้คะแนนพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายเท่าไร นายชัยธวัชระบุว่า ก็คงจะ 8 เต็ม 10 และยังสามารถทำดีกว่านี้ได้อีก ส่วนมองเห็นใครเป็นดาวดวงใหม่ในสภา มองว่าก็มีหลายคนที่สื่อมวลชนหรือประชาชนได้รู้จักจากการอภิปรายในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฟัง คงต้องรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือวาระสำคัญในช่วงสภาเปิด ส่วนอีก 2 คะแนน คิดว่าถ้าเราทำหนักกว่านี้ มีข้อมูลหนักแน่นและผลักดันนโยบายที่ควรจะเป็นลงลึกในรายละเอียด ก็สามารถดีขึ้นกว่านี้ได้อีก

“หลายคนทำได้ดีมากแล้วในการอภิปรายครั้งนี้ เพราะมีการลงรายละเอียด ไม่ได้พูดแค่ตัวเลขกว้างๆ คำพูดใหญ่ๆ ซึ่งครั้งนี้ลงรายละเอียดทุกคน แต่หลายคนทำดีได้มากกว่านั้นอีก  สามารถมีข้อเสนอด้วยซ้ำ”

ถามว่า กรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณปี 2568 มีชื่อของนายวีระ ธีรภัทร นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ ในสัดส่วนพรรคก้าวไกลด้วยนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ทางพรรคคงเห็นว่าแม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่ก็เป็นสื่อมวลชนที่มีความสนใจเรื่องมิติเศรษฐกิจและงบประมาณ  โดยเอาตัวเนื้อหาเป็นหลัก ทำงานอย่างมีคุณภาพ เราก็น่าจะชวนมาร่วมในกรรมาธิการด้วย ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจ ที่มีสื่อมวลชนสามารถมีบทบาทและถ่ายทอดเนื้อหา เพราะถือว่ามีประสบการณ์โดยตรง

“อาจารย์วีระเองก็เคยเอ่ยปากออกอากาศว่าสนใจ และหากมีพรรคการเมืองไหนมีประโยชน์ในการร่วมพิจารณางบประมาณด้วยท่านก็ยินดี  จึงคิดว่าน่าสนใจ เป็นมิติใหม่ๆ อย่าไปมองว่าอาจารย์วีระเป็นสื่อมวลชนอย่างเดียว ท่านก็มีบทบาทในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ท่านก็มีบทบาทในฐานะคนที่สนใจเศรษฐกิจ”

ซักว่า ในการอภิปรายวันสุดท้าย มีดรามาเรื่อง น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล กรณีที่ออกมาโวยก่อนอภิปรายว่าสภาไม่ยอมให้ขึ้นรูปนายกรัฐมนตรีนั้น มองอย่างไร นายชัยธวัชระบุว่า ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเข้าใจผิดของ น.ส.รักชนก ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ซึ่งนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว พร้อมยอมรับดรามาดังกล่าวนี้เป็นการกลบเนื้อหาในการอภิปราย ซึ่งถือเป็นบทเรียนของ น.ส.รักชนก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนเนื้อหาสาระ เพราะตนมองว่าเนื้อหาดีมาก สามารถอภิปรายข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของไทยในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

“จริงๆ ก็อยากให้มาฟังข้อเสนอในการอภิปรายของคุณไอซ์ มากกว่าจะเป็นเรื่องดรามาตรงนั้น” นายชัยธวัชกล่าว

เทน้ำลงทราย

ด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  และอดีต สส.กทม. กล่าวว่า จากการอภิปรายกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 พรรคประชาธิปัตย์และหลายฝ่ายได้แสดงความเป็นห่วง พูดถึงการกู้เงินจนเกินตัวของรัฐบาลจะก่อให้เกิดปัญหาฐานะการคลัง และจะก่อให้เกิดหายนะของประเทศได้ แต่จริงๆ แล้วอยากเน้นย้ำขีดเส้นใต้ 10 เส้นว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขการกู้ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่กู้มาแล้วจะใช้อย่างไร และจะมีหนทางหารายได้กลับมาชดเชยเงินกู้ได้อย่างไร ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเศรษฐาไม่ได้รู้จักคำว่ารดน้ำพรวนดินเศรษฐกิจ แต่เน้นการใช้เงินตอบสนองทางด้านการเมือง เหมือนเทน้ำลงในทราย หายไปไม่ได้คืนมา

"สิ่งที่ต้องเป็นห่วงคือกู้เพิ่ม แต่รัฐบาลไม่มีรายได้เพิ่มชัดเจนแน่นอน ซึ่งเกิดจากการกู้มาใช้ในลักษณะเทน้ำลงทราย จึงอยากถามไปถึงรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ เศรษฐา รู้จักไหมการใช้นโยบายเศรษฐกิจแก้ไขแบบรดน้ำพรวนดิน ไม่ใช่เทน้ำลงทรายหายไปไม่เกิดดอกผล อย่างเช่นการกู้มาเพื่อแจก 5 แสนล้าน จริงอยู่เป็นเรื่องดีที่ประชาชนมีเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมในการใช้ ไม่ว่าจะเป็นซื้อของไม่จำเป็นซึ่งมาจากต่างประเทศ  ที่สำคัญคือร้านค้าจากกลุ่มทุนใหญ่จะได้ประโยชน์เต็มๆ ร้านข้าวแกง ร้านขายหมูปิ้ง ร้านโชห่วยในชุมชนหมู่บ้านไม่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ การใช้จ่ายส่วนใหญ่ของประชาชนที่ได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องซื้อใช้อยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการต้องซื้อเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้ไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะคุ้มค่ากับการกู้มาใช้ในอนาคต"

รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า  นายเศรษฐาพูดว่าจากการคาดการณ์โครงการดิจิทัล 5 แสนล้าน จะทำให้จีดีพีของประเทศโตขึ้น แต่ที่สำคัญคือไม่สามารถบอกได้ว่าจะกลับมาเป็นรายได้เข้ารัฐมากน้อยชัดเจนอย่างไร อยากจะฝากรัฐบาลให้ไปคิดเป็นการบ้านว่า ถ้าหากคิดแก้เศรษฐกิจโดยการรดน้ำพรวนดิน ก็ควรจะต้องนึกถึง 3 สิ่งที่คิดจะนำเงินกู้ไปใช้ 1.ปฏิเสธไม่ได้จะต้องมีการเยียวยากลุ่มเปราะบาง 2.การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นด้วย จะเป็นโครงการเล็กโครงการใหญ่ เพื่ออนาคตในการสร้างงานสร้างอาชีพ เช่นการพัฒนาแหล่งน้ำ และ 3.สำคัญที่สุดคือใช้ในการเตรียมการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อการทำมาหากินของผู้คนในอนาคตและรายได้ของประเทศที่จะกลับคืนมา

ไม่มีพื้นที่การคลังเหลือมากพอ

นายชนินทร์กล่าวต่อว่า อีกประการที่เป็นผลกระทบ คือการที่ไม่มีพื้นที่การคลังเหลือมากพอ ก็จะเสี่ยงเมื่อประเทศเกิดวิกฤตขึ้นมาจริงๆ เหมือนช่วงโควิด ซึ่งต้องกู้เงินเพิ่มเติมถึง 1.9 ล้านล้านมาแก้ไขเยียวยา และที่สำคัญเมื่อสถานะทางการคลังมีปัญหา ประเทศจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของประเทศ ดอกเบี้ยขึ้นก็จะกระทบกับประชาชนลูกหนี้รายย่อย สุดท้ายอยากแนะนำรัฐบาลให้ฟังความให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน นักวิชาการ โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพัฒน์หรือแบงก์ชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่าเขามีความรู้ความสามารถ แต่ไม่สามารถหาเสียงหลอกประชาชนจนมามีอำนาจบริหารประเทศได้เหมือนกับรัฐบาล

ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ให้ความเห็นชอบรับหลักการ เพราะเห็นแก่พี่น้องประชาชนที่จะได้รับการช่วยเหลือดูแลผ่านโครงการต่างๆ ของทุกหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งทำให้รัฐบาลเดินหน้าการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวงเงินงบประมาณ 3.75 ล้านล้านบาท โดยเชื่อว่าในวาระ 2 ในชั้นกรรมาธิการ และวาระ 3 จะผ่านความเห็นชอบ ไม่มีสะดุดหรือเกิดสถานการณ์ทางการเมืองใดๆ ตามที่มีการปล่อยข่าว

ทั้งนี้ มองการทำหน้าที่ในสภาของ สส.และรัฐมนตรีฝ่ายรัฐบาล ทำการบ้านมาดี ได้ชี้แจงด้วยข้อมูลที่ชัดเจน และใช้เวลากระชับไม่ยืดเยื้อ   ส่วนฝ่ายค้านแม้ว่าอาจจะมีการใช้วาทกรรมอยู่บ้าง ก็ถือว่าเป็นปกติสีสันทางการเมือง ซึ่งคำพูดก็ยังไม่รุนแรง เป็นการรักษาบรรยากาศที่ดีของการอภิปรายงบประมาณ ก็ต้องขอชื่นชมทั้งสองฝ่ายที่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในสภาตามระบอบประชาธิปไตย

“และมีการปล่อยข่าวว่างบปี 68 อาจจะสะดุดเพราะสถานการณ์ทางการเมือง แต่ผมเชื่อว่าจะเกิดความราบรื่นเรียบร้อยเป็นไปด้วยดี ผ่านวาระแรกแล้ว ในส่วนของชั้นกรรมาธิการวาระ 2 และ 3 ก็จะผ่านความเห็นชอบของสภาเช่นกัน ขอขอบคุณทั้ง สส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ รักษาบรรยากาศและรักษาเวลา ทำให้การพิจารณางบครั้งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนเวลาที่กำหนดด้วย  เชื่อว่าหลังจากนี้ประเทศจะเห็นความสามัคคีปรองดอง มีบรรยากาศทางการเมืองที่ดี ที่ยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง" นายธนกรกล่าว

น.ส.ผกามาศ เจริญพันธ์ รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคในการลงคะแนนรับหลักการพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดยผลการลงคะแนนไม่มีชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคภูมิใจไทย

"คิดว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคในการลงคะแนนอย่างแน่นอน เพราะขนาดนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย อยู่ในที่ประชุม และเป็นผู้ลุกขึ้นเสนอชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย ทุกคนก็เห็นอยู่ ในส่วนดิฉันก็อยู่ในที่ประชุมเช่นเดียวกัน และลงคะแนน แต่ไม่ปรากฏคะแนน น่าจะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค แบบที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งที่ผ่านมา" รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว

รายชื่อ 72 กมธ.งบประมาณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 72 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี จำนวน 18 คน คือ 1.นายพิชัย ชุณหวชิร 2.นายจักรพงษ์ แสงมณี 3.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ 4.นางมนพร เจริญศรี 5.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6.นายพงศกร อรรณนพพร 7.นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ 8.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ 9.นางนันทนา สงฆ์ประชา 10.นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ 11.นายอลงกต มณีกาศ 12 นางสาวกุลวลี นพอมรบดี 13.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 14.นายไผ่ ลิกค์ 15.นายวราเทพ รัตนากร 16.นายซูการ์โน มะทา 17.นายวสวรรธน์ พวงพรศรี 18.นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร

พรรคก้าวไกล จำนวน 16 คน คือ 1.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 2.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ 3.นายวรภพ วิริยะโรจน์ 4.นายศุภโชติ ไชยสัจ 5.นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ 6.นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ 7.นายอิทธิพล ชลธราศิริ 8.น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ 9.น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ 10.นายเอกราช อุดมอำนวย 11.น.ส.รักชนก ศรีนอก 12.นายสหัสวัต คุ้มคง 13.นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร 14.น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา 15.นายวีระ ธีระภัทรานนท์  16.นายวิจักขณ์ฤทธิ์ จิวจินดา

พรรคเพื่อไทย จำนวน 15 คน คือ 1.นายทรงยศ รามสูต 2.นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล 3.นายวารุจ ศิริวัฒน์ 4.นายพัฒนา สัพโส 5.นายวัชระพล ขาวขำ 6.นายวิรัช พิมพะนิตย์ 7.นายพชร จันทรรวงทอง 8.นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย 9.นายธเนศ เครือรัตน์ 10.น.ส.ธัญธารีย์ สันตพันธุ์ 11.นายวรวงศ์ วรปัญญา 12.นายพนม โพธิ์แก้ว 13.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด 14.นายสุรเกียรติ เทียนทอง 15.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ

พรรคภูมิใจไทย จำนวน 8 คน คือ 1.นายเอกราช ช่างเหลา 2.นายภราดร ปริศนานันทกุล 3.นายพลพีร์ สุวรรณฉวี 4.น.ส.ผกามาศ เจริญพันธ์ 5.นายอดิพงษ์ ฐิติพิทยา 6.นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน 7.นางสุขสมรวย วันทนียกุล 8.นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์

พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 5 คน คือ 1.นายองอาจ วงษ์ประยูร 2.นายวิริยะ ทองผา 3.นายอนุรัตน์ ตันบรรจง 4.น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ 5.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ

พรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน 4 คน คือ 1.นายวิชัย สุดสวาสดิ์ 2.นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง 3.นายปรเมษฐ์ จินา 4.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ, พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 3 คน คือ 1.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร 2.นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ 3.นายพิทักษ์เดช เดชเดโช, พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวน 1 คนคือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ, พรรคประชาชาติ จำนวน 1 คนคือ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ และพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คนคือ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' ปลื้มผลโพลนิด้า 'ก้าวไกล' เนื้อหอมสุด

'พิธา' ยกความดีความชอบให้ทุกคนในพรรค หลังผลโพลนิด้า 'ก้าวไกล' เนื้อหอมสุด พร้อมให้กำลังใจ 'นายกฯเศรษฐา' ได้คะแนนที่สาม บอกถ้าเป็นตัวเองคงไม่เสียกำลังใจ-ตั้งหน้าพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก

จ่อสอบผู้สมัครสว.กว่า4หมื่นคน

เลขาฯ กกต.ยกคำพิพากษาศาลวินิจฉัยสมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มอาชีพไม่ผิด สิทธิการรับสมัครเป็นคนละส่วนกับเอกสารรับสมัครเป็นเท็จ

เลขาฯกกต. อ้างคำพิพากษาศาล สมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มอาชีพไม่ผิด

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกสมัครเป็นเท็จ รับจ้างสมัคร