บิ๊กต่อซุ่มเข้าสตช. นายกฯตีมึนผลสอบ

งง! นายกฯ เซ็นส่ง "บิ๊กต่อ" กลับ ตร.  แต่กลับขอดูผลสอบสวนในคำสั่งก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ วอนอย่าเพิ่งสรุปใครผิดถูก บอกปัญหาวงการสีกากีมีมานาน พยายามสะสางไม่ได้ทิ้ง  "ผบ.ตร." ใช้ฤกษ์ 17.09 น. เข้า ตร.โบกมือไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ "โจ๊ก" ขยับปรับเพจส่วนตัวรับเรื่องร้องทุกข์ ระบุได้กลับมาทำงานอีกครั้งจะสะสางให้ทุกเรื่อง "สส.ปชป." จี้ "เศรษฐา" เปิดผลสอบสองบิ๊กให้ชัด เชื่อ ปชช.ต้องการคำตอบ "วิรุตม์" ผิดหวังบทสรุปกำปั้นทุบดิน

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณียังไม่มีใครเห็นเอกสารการส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งประชาชนคาดหวังการสอบสวนที่มีการลงโทษว่า ขอดูคำสั่งก่อนที่สามารถออกไปสู่สาธารณชนได้ ว่ามีลักษณะอย่างไร ตนขออ่านผลสอบดูก่อน อย่าเพิ่งไปหาบทสรุปเร็วอย่างนั้นเลย

นายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหาในองค์กรมีอยู่นานแล้ว มีมาหลายสิบปีแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ตนเข้ามาก็พยายามจะสะสางและบริหารจัดการในหลายๆ เรื่องอยู่ เรื่องนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมาระหว่างเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ทะเลาะกัน เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมาก็มีการจัดการไป โดยตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ววันนี้มันก็เกือบมาถึงจุดจะจบแล้วว่ามันต้องทำอะไรบ้าง

"ขอให้คอยอีกนิดนึง ให้ผลมันออกมาแล้วค่อยมาพูดคุยกันใหม่ดีไหม ซึ่งปัญหาเราทราบดีอยู่แล้ว เราไม่ได้ละทิ้ง ไม่ได้ปล่อยปละละเลย" นายเศรษฐากล่าว

ถามว่า จะเรียกศรัทธาคืนกลับมาได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องใช้เวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ท่านด้วยเหมือนกัน แต่เรามีกระบวนการอยู่แล้วตามกฎหมายที่ต้องทำ

"ไม่ใช่ว่าเป็นนายกฯ แล้วทำได้ทุกอย่าง ต้องให้เกียรติกับทางคู่กรณีหรือคนที่ถูกกล่าวโทษด้วยเหมือนกัน ต้องมีการให้ความเป็นธรรมกับเขา โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาให้ถูกต้อง แน่นอนว่าถ้าพบว่ามีความผิด ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด" นายกฯ กล่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ใช้ฤกษ์เวลา 17.09 น. เดินทางเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยรถยนต์โตโยต้า vellfire สีเทา ทะเบียน 3 ขณ 1973 กรุงเทพฯ มาจอดบริเวณลานจอดรถอาคาร 1 ตร. โดยสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ก่อนจะเดินเข้าในอาคารด้วยท่าทางรีบร้อน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทักทาย โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์แค่โบกมือให้แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งอยู่ระหว่างถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เพจเฟซบุ๊ก 'สุรเชษฐ์ หักพาล' ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความการเปิดพื้นที่เว็บไซต์ให้ประชาชนได้ส่งเรื่องร้องเรียน พร้อมข้อความระบุว่า "สวัสดีครับ แฟนเพจทุกท่าน จากที่ผมได้เปิดเว็บไซต์ในการรวบรวมรายชื่อเพื่อกล่าวหา ถอดถอน ป.ป.ช. ในปฏิบัติการกวาดบ้านให้ ป.ป.ช. ขณะนี้ได้ดำเนินการยื่นรายชื่อให้กับประธานรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีคนร้องเรียนเรื่องราวร้องทุกข์เข้ามาเป็นจำนวนมากในหลากหลายช่องทาง ผมจึงได้ปรับเปลี่ยนเว็บไซต์  Hakparn.com ให้เป็นพื้นที่เพื่อรับเรื่องราวร้องเรียนของทุกท่าน เพื่อสะดวกกับทุกท่านในการแจ้งเรื่องราวร้องเรียน

"ทุกๆ เรื่องราวร้องเรียนของท่านจะถูกรวบรวม และเมื่อผมได้กลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ผมจะดำเนินการทุกเรื่องร้องเรียนของท่านต่อไปครับ ท่านสามารถแจ้งเรื่องราวร้องเรียนได้ที่ www.hakparn.com โดยคลิกที่แจ้งเรื่องราวร้องเรียนครับ ขอบคุณครับ #hakparn.com"

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการฯ ยังไม่แถลงคือผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร โดยต้องรอคณะกรรมการฯ แถลงผลอีกครั้งว่าผลในการสอบเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร นายกฯ แค่แถลงว่าให้กลับไป แต่ไม่ทราบผลในการตรวจสอบ ดังนั้นก็รอผลตรวจสอบข้อเท็จจริง  เท่าที่จำได้นายกฯ บอกว่าในส่วนคดีอาญาให้ไปว่ากันอีกครั้ง

"ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ประชาชนรอคอยคือผลที่คณะกรรมการฯ ไปทำงานมาตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนนี้ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้จะเป็นอย่างไร ประชาชนต้องการทราบเรื่องนี้มากกว่า" นายชัยชนะกล่าว

ถามว่า ผลการตรวจสอบที่ออกมาดูไม่ค่อยมีความชัดเจน และไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด จะมองว่าเป็นการเกี้ยเซียะกันได้หรือไม่ สส.ปชป.รายนี้ระบุว่า ไม่ใช่การเกี้ยเซียะ แต่มองว่าคณะกรรมการชุดนี้ ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้ทราบ เชื่อว่าสังคมติดตามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร คิดว่าเร็วๆ นี้คณะกรรมการฯ จะออกมาแถลงให้ทราบ เพราะว่าถ้าตรวจสอบไปแล้วไม่แถลงจะตรวจสอบทำไม

ซักว่าการจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในองค์กรตำรวจควรทำอย่างไร นายชัยชนะกล่าวว่า ความขัดแย้งทุกองค์กรมีหมด แต่หลังจากเมื่อวานนี้มีคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติราชการได้ กำชับห้ามสร้างความขัดแย้งภายในองค์กรอีก ซึ่งเมื่อเวลาขัดแย้งกัน บุคคลก็จบที่เกษียณราชการ แต่องค์กรยังอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าทำลายองค์กร เพราะเป็นองค์กรที่ต้องอยู่ไปอีกนาน ตนคิดว่าความขัดแย้งในองค์กรตำรวจที่เกิดขึ้นก็ต้องยุติ สิ่งที่ตำรวจต้องทำคือเป็นที่พึ่งให้ประชาชน

ส่วน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวว่า การที่นายกฯ ได้ส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เพราะไม่มีอะไรจะสอบสวนต่อแล้วนั้น การสรุปดังกล่าวเหมือนใช้กำปั้นทุบดิน เพราะที่ไหนๆ ก็มีความขัดแย้งกันทั้งนั้น ถ้าสรุปแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เสียเวลา และไม่สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่านายกฯ ตั้งขึ้นมาทำไม ถ้าต้องการคำตอบเพียงเท่านี้ ปัญหาทั้งปวงเกิดจากความเข้าใจผิดของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการไปตั้งข้อสังเกตเรื่องการที่ รรท.ผบ.ตร.สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน ว่ากระบวนการยังไม่สมบูรณ์ในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพราะจะต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอความเห็นก่อน แต่แท้จริงการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนกรณีดังกล่าว เนื่องจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 131 และมีตำรวจอีก 4 นายที่ถูกสั่งให้ออกไว้ก่อนไปแล้วในคำสั่งเดียวกัน ถือเป็นกระบวนการทางปกครอง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการระหว่างรอผลการสอบสวนความผิดทางวินัยที่จะต้องสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก

 "การอ้างมาตรา 120 ว่าจะต้องให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอความเห็นก่อน และจะกระทำการใดที่กระทบสิทธิประโยชน์ของผู้ถูกสอบสวน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะนั่นเป็นกรณีทำผิดวินัยร้ายแรงโดยไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาอะไร" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง