จับตาถกงบฯ68 สภารับหลักการ แก้กม.ประชามติ

นายกฯ พักป่วยโควิดวันที่ 2   พร้อมเข้าสภาแจงงบฯ 68 วันที่ 19 มิ.ย.นี้  รบ.เชื่อวาระ 1 ผ่านฉลุย คมนาคมพร้อมชี้แจงปมส่วย 20 ล้านได้ “อนุทิน” บอกงบ มท. 5 หมื่นล.ไม่ได้หาย แต่ให้ท้องถิ่นเสนอตรง  “ทวี” ไม่ห่วงถูกใช้เป็นเวทีดิสเครดิต รองโฆษก รบ.ซัดกลับ “ฝ่ายค้าน” หยุดให้ข้อมูลบิดเบือน ปชช. ขณะที่สภารับหลักการแก้ กม.ประชามติ ปลดล็อกโหวต 2 ชั้น “ชัยเกษม-ปิยบุตร-ศุภชัย” โผล่นั่ง กมธ.

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังคงพักรักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เป็นวันที่สอง โดยในวันที่ 19 มิ.ย. สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นวันแรก ซึ่งนายกฯ เปิดเผยผ่านสำนักข่าวเนชั่นทีวีว่า ในวันที่ 19 มิ.ย. จะเดินทางเข้าสภาเพื่อร่วมประชุม โดยอาการป่วยตอนนี้หายดีแล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวล เพียงแค่ต้องกักตัวให้ครบ 5 วันตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ในการประชุม ครม. วันที่ 18 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนนายกฯ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ติดภารกิจช่วงเช้าในการเข้าร่วมประชุมสภาสมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ โดยเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่สภาจะเข้าร่วมการประชุม ครม.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการเตรียมอภิปรายงบประมาณร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และมั่นใจว่าการอภิปรายงบฯ ครั้งนี้จะสามารถผ่านวาระ 1 ไปได้อย่างแน่นอน เพราะเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย (มท.1) กล่าวถึงความสงสัยว่าเหตุใดงบของกระทรวงมหาดไทยจึงหายไป 50,000 ล้านบาทว่า ไม่ต้องสงสัย  50,000 ล้านบาทที่หายไปเป็นไปตามนโยบายกระจายอำนาจ โดยสมัยก่อนงบดังกล่าวต้องผ่านกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในอนาคตก็จะลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ อบจ.ลงไปถึงเทศบาลก็มีการเสนองบตรงที่สำนักงบประมาณ จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่งบปี 2568 พอปี 2569-2570 อาจจะหายไปเป็นแสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกระจายอำนาจ ซึ่งต่อไปกระทรวงมหาดไทยก็มีหน้าที่แค่ดำเนินการเมื่อถูกร้องขอมา

ไม่ห่วงถูกใช้เวทีงบดิสเครดิต รบ.

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความพร้อมในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ของกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.ว่า ไม่ได้มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะการของบเป็นไปตามกระบวนการปกติ และที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้รับความเห็นใจจาก สส.ทุกครั้ง ในเรื่องของงบยาเสพติด ที่มองว่าได้รับงบน้อยไป และในส่วนกรมราชทัณฑ์ สถานที่คุมขัง และเรือนจำ มีสภาพเก่าเป็นร้อยปี ซึ่งอยากจะให้มีการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ หากฝ่ายค้านจะใช้เวทีการอภิปรายงบเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มีความเป็นห่วง เพราะเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องการบริหารประเทศ ซึ่งกระทรวงไม่ได้ขออะไรที่เป็นเรื่องเกินเลย และการอภิปรายถือเป็นเรื่องดีที่เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีและกระทรวงยุติธรรมได้ตอบคำถาม ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้คือ วาระที่ 1 หากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม สามารถแก้ไขในวาระที่ 2-3 ได้

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสัดส่วน สส.พรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า สัดส่วนพรรคเพื่อไทยจะมี สส.จำนวน 20 คน อภิปรายสนับสนุน โดยฝ่ายรัฐบาลได้เวลา 20 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง และสัดส่วนของรัฐมนตรีและประธานสภาอีก 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในวันที่ 19 มิ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมการอภิปรายงบฯ ได้ทั้ง 3 วัน ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาลเตรียมพร้อมในการอภิปราย คาดว่าจะใช้เวลาอภิปรายครบทั้ง 3 วัน และจะสามารถลงมติได้ก่อนเวลา 24.00 น. ของวันที่ 21 มิ.ย.

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคไทยสร้างไทยจะอภิปรายเรื่องข้าราชการในกระทรวงคมนาคม ที่มีการเรียกรับส่วย 20 ล้านบาท นางมนพรกล่าวว่า ถ้าพูดถึงในสิ่งที่สมาชิกบางคนได้หยิบยกมา รัฐมนตรีก็ต้องชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา แต่ทั้งนี้ ต้องมีพยานหลักฐานให้แน่ชัดว่ารับกับใคร จะกล่าวหากันลอยๆ ไม่ได้ ส่วนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่ทราบว่าพรรคไทยสร้างไทยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่าหากจะมาร้องว่าเป็นใคร ที่ไหน เราก็จะตั้งคณะกรรมการสอบ  หากผิดว่ากันไปตามผิด

ซัด 'ฝ่ายค้าน' หยุดให้ข้อมูลบิดเบือน

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระแรก ในระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ว่า การที่ฝ่ายค้านมองว่างบประมาณที่สำคัญกับการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดนเบียดบังด้วยงบประมาณของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ตนคิดว่าฝ่ายค้านน่าจะอ่านงบประมาณทั้งหมดไม่ครบถ้วน อาจจะจงใจอ่านเพียงแค่ประเด็นที่ต้องการนำมาโจมตีรัฐบาลเท่านั้น รวมถึงมีความพยายามในการสื่อสารให้ประชาชนผู้รับข่าวสารเข้าใจการทำหน้าที่ของรัฐบาลผิดไป ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศชาติได้  และประชาชนก็รอความหวังนี้จากรัฐบาลด้วย

 “การที่ฝ่ายค้านระบุว่างบประมาณปี 68 ไม่สามารถแก้ไขความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้นั้น คือการมโนภาพ พูดด้วยความอคติทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง วันนี้คนไทยเขารองบประมาณปี 68 เพื่อที่จะมาแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องระบบสาธารณูปโภค การหมุนเวียนเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบและวิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาลได้ แต่ควรจะเป็นการติเพื่อก่อ ไม่ใช่วิจารณ์เพียงแค่ต้องการให้ประชาชนรับรู้แบบผิดๆ แค่นั้น" น.ส.เกณิกากล่าว

นอกจากนี้ น.ส.เกณิกายังเปิดเผยว่า   นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบกำหนดจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 ณ จังหวัดนครราชสีมา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์) ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2567

 เวลา 09.30 น. วันที่ 18 ที่รัฐสภา มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... จำนวน 4 ฉบับ ในชั้นรับหลักการ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทย

สภารับหลักการแก้ กม.ประชามติ

สำหรับสาระสำคัญของร่างทั้ง 4 ฉบับ มีเนื้อหาคล้ายคลึงกันคือ ขอแก้ไขผลการออกเสียงประชามติที่ถือเป็นข้อยุติ จากเดิมที่มีเงื่อนไขกำหนดล็อกไว้ 2 ชั้น คือ 1.ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ 2.ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ให้มีขั้นตอนผ่านการทำประชามติได้ง่ายขึ้น แต่ละฉบับเสนอแก้ไขให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์คะแนนเสียงที่ผ่านประชามติแตกต่างกันไป อาทิ ร่างของรัฐบาล ขอให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง และคะแนนเสียงข้างมากต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง และสูงกว่าคะแนนโหวตโน

 จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ สส.แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง สส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอภิปรายแสดงความเห็นด้วยกับการแก้ไขขั้นตอนการทำประชามติให้มีหลักเกณฑ์ที่ผ่านการทำประชามติง่ายขึ้น ไม่ต้องยึดเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น โดยมองว่า หลักเกณฑ์เดิมที่ใช้อยู่เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติในการผ่านประชามติ เนื่องจากการออกเสียงประชามติเป็นเพียงการสอบถามความเห็นประชาชนในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง บางประเด็นอาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของประชาชนโดยทั่วไป จึงไม่ออกมาใช้สิทธิ์ จึงไม่ควรนำจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงมามีผลต่อการออกเสียง รวมถึงเสนอให้เพิ่มรูปแบบการทำประชามติในแบบอื่นๆ เช่น ไปรษณีย์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม

นอกเหนือจากช่องทางการใช้บัตรลงคะแนน โดยให้ กกต.ออกแบบระบบป้องกันการทุจริตด้วย นอกจากนี้ สส.บางส่วนยังเสนอให้สามารถทำประชามติได้ในวันเดียวกับการเลือกตั้ง สส. หรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อประหยัดงบประมาณด้วย

กระทั่งเวลา 14.30 น. ภายหลัง สส.อภิปรายครบถ้วน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ทั้ง 4 ฉบับ ด้วยคะแนน 451 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 31 คน ตามสัดส่วน ครม. และพรรคการเมืองต่างๆ โดยมีรายชื่อ กมธ.ที่น่าสนใจคือ ศ.พิเศษชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย, นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่, นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกฯ และอดีต สส.พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ชวนคนไทยเชียร์ตัวแทนทีมชาติไทยในโอลิมปิกปารีส 2024

นายกฯ ส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งที่ 33 วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ เชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์และรับชมถ่ายทอดสด