"จุลพันธ์" รับทักท้วงปมเงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อ "สมาร์ทโฟน" คาด 1-2 สัปดาห์คณะกรรมการฯ พิจารณาได้ข้อสรุป "คลัง" ชี้หุ้นไทยเด้งรับหลังข่าว "ทักษิณ" ชัดเจน เชื่อหลังจากประเด็นการเมืองทยอยคลี่คลายความเชื่อมั่นตลาดทุนจะกลับมาเป็นปกติ หุ้นไทยปิดที่ 1,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด "นักวิเคราะห์" ชี้ภาพการเมืองยังไม่แน่นอนกดดันตลาดต่อไป แนวโน้มยังเป็นขาลง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 18 มิถุนายน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ทบทวนเงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าว่า ตนและนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เคยทักท้วงประเด็นนี้ไป เพราะอยากจะให้เป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก แต่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติจริงบางส่วน ทั้งเรื่องร้านค้าบางร้านขาย และของอีกหลายประเภท ซึ่งข้อกังวลนี้เป็นข้อกังวลจากผู้ปฏิบัติจริง กระทรวงพาณิชย์เลยเสนอมาที่คณะอนุกรรมการกำกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สุดท้ายมีมติยืนตามเดิม
"นายกฯ ค่อนข้างห่วงเรื่องนี้ เพราะกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นกลไกที่ต้องการให้มีการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการผลิตและการจ้างงานในประเทศเป็นหลัก จึงให้ทบทวน ซึ่งกลไกในการทบทวนไม่เพียงแค่ตนเท่านั้น แต่ต้องเข้าพิจารณาในคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยได้ส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการฯ ทบทวนแล้ว และให้ส่งเรื่องกลับมาอีกครั้ง ส่วนข้อสรุปคาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์ และจะมีการนัดประชุมปลายสัปดาห์หน้า"
เมื่อถามถึงแหล่งเงินที่จะใช้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะสอบถามกฤษฎีกาเมื่อใด นายจุลพันธ์กล่าวว่า เมื่อถึงเวลา มั่นใจว่าทัน และดูกรอบเวลาอยู่ เพราะยังไม่มีข้อกังวล จึงยังไม่ได้สอบถาม ซึ่งยังไม่ได้คิดแผนรองรับหากไม่ได้เงินจาก ธ.ก.ส. เนื่องจากตอนนี้ใช้ 2 แหล่งคือ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 แต่ต้องดูความเหมาะสม องค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งการลงทะเบียนนำมาประกอบกันด้วย ทั้งนี้ การจะใช้เงิน ธ.ก.ส. ต้องจ่ายผ่านช่องทางบัญชีของเกษตรกร ซึ่งคนเป็นเกษตรจะได้รับ ก็ต้องมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ
เมื่อถามถึงกรณีหุ้นตกต่ำสุดในรอบ 14 ปี จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนอย่างไร รมช.การคลังกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่ามาจากปัจจัยการเมืองด้วย ซึ่งกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเดือน มิ.ย. มี 3-4 คดีใหญ่ แต่ไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน เพราะฉะนั้นสภาพตลาดยังคงความแข็งแกร่ง รวมถึงกลไกของรัฐบาล ได้ผลักดันการลงทุนต่างประเทศ การพัฒนาคุณภาพแรงงาน เชื่อว่าทั้งหมดจะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดพื้นฐานได้
"อีกไม่กี่วันเรื่องที่เกิดความลังเลและสงสัยของตลาด สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีความกระจ่างชัด เชื่อว่าตลาดจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ย้ำว่าเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการออกมาช่วยภายหลัง"
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมายืนในแดนบวกแล้ว เชื่อว่าเป็นผลมาจากความชัดเจนมากจากข่าวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมา ตลาดก็ตอบสนองดีขึ้น หลังจากนี้หากประเด็นการเมืองมีการเคลียร์ไปทีละเรื่อง เชื่อว่าความมั่นใจของตลาดก็จะกลับมาเป็นปกติ จึงไม่ได้เป็นห่วงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมากนัก
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังในฐานะที่เป็นภาครัฐ ได้เร่งพิจารณามาตรการและกลไกเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในระยะยาว เพื่อจะเข้ามาเติมการหมุนเวียนในตลาดทุน ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศ (Thai ESG) ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด โดยคงเลือกดำเนินการเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่ทำทั้ง 2 มาตรการ เพราะพื้นฐานโครงสร้างของกองทุนคือแบบเดียวกัน ซึ่งยืนยันว่าคลังจะเร่งพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
“มาตรการเรียกความเชื่อมั่นมี ตอนนี้คลังกำลังคิดอยู่ และคงไม่ได้ออกมาภายใน 1-2 วันนี้ ที่พิจารณาอยู่มี 2 เรื่อง คือ LTF และ Thai ESG ก็ต้องมาดูให้มีความเหมาะสม มีผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ที่คุ้มค่าที่จะลงไปในตลาดทุน และถ้าทำก็คงทำแค่อันใดอันหนึ่ง ไม่ทำทั้ง 2 อัน เพราะโครงสร้างมันคือแบบเดียวกัน อย่าง Thai ESG ก็ตรงกับนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนเรื่อง ESG แต่ว่าหากจะทำรอบนี้ก็ต้องพิจารณาวางกรอบ วางกลไกให้กว้างขึ้น เหมาะสมมากขึ้น เช่น ระยะเวลาถือครอง จะสั้นกว่า 10 ปี เพราะการถือครองที่ยาวเกินไปก็ไม่ได้จูงใจนักลงทุน โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การพิจารณาของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ซึ่งเชื่อว่าจะมีความชัดเจนเร็วที่สุด” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการแต่งตั้งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนใหม่นั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เพียงแต่เห็นตามข่าวบ้าง และอยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่กระทรวงจะเข้าไปกำหนดตัวบุคคลไม่ได้ เพราะมีกลไกในการสรรหาที่เป็นไปตามกรอบวิธี ไม่ใช่ว่ากระทรวงการคลังอยากให้นาย ก. หรือ นาย ข. มาเป็น มันไม่ได้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก และกระทรวงการคลังก็รับทราบตามนั้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า จะมีการหารือร่วมกับ ธปท.เรื่องกรอบเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่แล้ว โดยจะต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่ากรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่
ส่วนมาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทย นายพิชัยยืนยันว่า หลังจากนี้จะมีออกมาอีกหลายๆ มาตรการ เช่น มาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะมีการปรับปรุงเงื่อนไขใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น ส่วนระยะเวลาการถือครองก็ต้องมาพิจารณาด้วยว่าอยากให้เป็นการออมเงินหรือไม่ หากต้องการให้เป็นการออมเงิน การถือครองก็ต้องยาว แต่ก็คงจะไม่ยาวมาก ทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณา ขอเวลาอีกนิด
ขณะที่ ตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ปิดที่ 1,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด (+0.06%) มูลค่าซื้อขาย 38,066.87 ล้านบาท ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ารีบาวด์ขึ้นมาสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค จากปัจจัยเทคนิคเข้าเขตขายมากเกินไป (Oversold) ขณะที่คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ศาลประทับรับฟ้องแต่ให้ประกันตัวไม่มีผลต่อตลาดหุ้นเท่าไร ขณะที่เปิดภาคบ่ายตลาดตอบรับข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล และคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยนัดพิจารณาต่อไปในเดือน ก.ค. ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองยังมีความไม่แน่นอน จึงมีแรงขายทำกำไรออกมามาก ส่งผลให้ดัชนีช่วงบ่ายพลิกมาไหลลงจนปิดตลาดเหลือบวกได้เล็กน้อย แต่หลุดระดับ 1,300 จุดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ประเด็นการรื้อฟื้นมาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับเงื่อนไข และมองว่ายังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งมาตรการกำกับควบคุม Short Sell ที่ออกมาช่วงบ่ายตลาดรับรู้กรอบเวลาการประกาศใช้มาก่อนแล้ว
"แนวโน้มพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งตัว แต่ภาพทางเทคนิคยังเป็นขาลง หลังจากวันนี้ไม่สามารถทะลุผ่าน 1,310 จุดไปได้อย่างแข็งแกร่ง สถานการณ์ตลาดโดยรวมยังไม่ค่อยดี ไร้ปัจจัยหนุน ประเด็นการเมืองยังยืดเยื้อ อีกทั้งในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ จะมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,310 จุด" นายศราวุธกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร.บวงสรวง เรือพระที่นั่ง นำลงน้ำ4ก.ค.
สิริมงคล "กองทัพเรือ" บวงสรวงเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค
ไฟเขียวรบ.ก่อหนี้ใหม่ กู้ทะลุ1ล้านล้านบาท
ครม.อนุมัติปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะครั้งที่สอง ปีงบ 67
ครม.สัญจรหนีม็อบ ทุ่มงบเอาใจอีสาน
"เศรษฐา" หลบม็อบเหมืองโปรแตช เปลี่ยนเส้นทางพร้อมเลิกชมนิทรรศการ
กฤษฎีกาเบรกชาญนายกอบจ.
เลขาฯ ป.ป.ช.แจงปมชี้มูล “ชาญ” ทุจริตอยู่ขั้นสืบพยานในชั้นศาล
วุ่น!เลื่อนรับรองสว. กกต.ไม่ทันแห่ร้องฮั้วอื้อ จับตาเลือก‘ปปช.-ตศร.’
"กกต." วุ่น! เจอแห่ร้องเรียนเลือก สว.รายวัน ต้องเพิ่มเวลาตรวจสอบ
ดันไทยสารพัดศูนย์กลาง จับตากวาดล้างยาเสพติด
"เศรษฐา" ร่อนอีสานตีปี๊บโคราชโมเดล มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต