‘แสวง’ ยื่นหลักฐาน เดินหน้ายุบก้าวไกล

กรุงเทพฯ ๐ "แสวง" เผย กกต.ส่งพยานหลักฐานคดียุบพรรคก้าวไกลให้ศาล  รธน.เพิ่มเติมแล้ว ยืนยันไร้ใบสั่ง โต้ "ชัยธวัช" ไม่ได้ลุอำนาจ ตอกไม่ได้รับผลร้ายหรือผลดีจากการตัดสินของ กกต. แต่ได้รับผลร้ายจากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ      ปฏิเสธไม่ได้ยื้อคดียุบพรรคภูมิใจไทย  อยู่ในขั้นตอนหน่วยงานตรวจสอบเงินบริจาค

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณียุบพรรคก้าวไกลว่า กกต. ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นพยานบุคคลหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า คำวินิจฉัยเพียงพอแล้ว (ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินพรรคก้าวไกล) กกต.จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย

ส่วนการที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็นว่า กกต.ตีความเป็นศรีธนญชัยนั้น นายแสวงกล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ขอให้รอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ถามว่า กรณีที่คู่กรณีออกมาแสดงความเห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจ หรือลุแก่อำนาจ จะทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อ กกต.หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำผิดทำเกินทำน้อยคงไม่ได้   ทุกเรื่องมีการกระทำมีข้อเท็จจริง คนที่ได้รับผลดีผลร้าย สิ่งนี้เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่าลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต.ก็ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ท่านไม่ได้รับผลร้ายหรือผลดีจากการตัดสินของ กกต.  ท่านได้รับผลร้ายจากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ

“เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ส่วนความเชื่อมั่นผมว่าเราก็ทำตามกฎหมาย ประชาชนจะสงสัยก็เป็นจุดที่ทำให้เรา ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นหน้าที่ เราก็ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่กฎหมายให้เราทำ”

ขณะเดียวกัน นายแสวงยืนยันว่า ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ไม่มีใบสั่งหรือคำชี้นำจาก กกต. หรือจากข้างนอก

นายแสวงยังกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยว่า เรื่องที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวกับการยื่นยุบพรรคเสมอไป เพียงแต่ว่าคนจะนำมาโยงว่าสามารถยุบพรรคได้หรือไหม และเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องของการอำพรางหุ้น  ไม่ได้เป็นเหตุของการยุบพรรคตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แต่คนการเมืองที่ถูกร้องจึงตีความว่าต้องเป็นเรื่องยุบพรรค

ทั้งนี้ เมื่อเรื่องถูกร้องเรียนมาว่าเงินที่บริจาคมีที่มาหรือเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งใครจะมาบริจาค หรือยืมเงินใครมาบริจาคตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองยังทำได้ เพียงแต่ว่าเราต้องพิสูจน์ว่าเงินที่เขานำมาบริจาคเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่   และเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ตัดสินที่คน แต่ตัดสินที่กฎหมาย ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ ไม่ใช่ กกต.หรือนายทะเบียนที่เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบอยู่ และสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะได้ข้อยุติ

เมื่อถามว่า กรณีนี้ไม่ได้เป็นการยื้อ หรือยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่ได้ยื้อ แต่เป็นกระบวนการ เรื่องนี้มาในช่องของการยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และเป็นความปรากฏ นายทะเบียนก็ตรวจตามมาตรา 93 ว่าด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการจับตามองสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงวันที่ 18 มิ.ย. ในคดี 40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่าน้อมรับและพร้อมเข้าสู่กระบวนการถูกตรวจสอบ ไม่มีแนวคิดที่จะชิงลาออกไปก่อนมีคำตัดสิน หรือชิงยุบสภา เป็นธรรมดาของการถูกตรวจสอบ เมื่อมีผู้ร้อง ผู้ถูกร้องก็ต้องชี้แจงไป  นายกรัฐมนตรียังคงมุ่งมั่นทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และไม่เสียสมาธิการทำงานจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน ในส่วน สส.พรรคเพื่อไทย มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถชี้แจงได้ และจะรอดพ้นจากการถูกร้องถอดถอนในครั้งนี้

“นอกเหนือจากการส่งกำลังใจ สส.พรรคเพื่อไทยมั่นใจอย่างเต็มที่ว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถชี้แจงได้ และรอดพ้นจากการถูกถอดถอน” นายอนุสรณ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กป้อม' เปิดบ้านป่ารอยต่อ คุย สส.พปชร. ย้ำทำหน้าที่ กมธ.งบ 68 อย่างรอบคอบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค