กรุงเทพฯ ๐ แจงยิบถังน้ำมันหลังบ้านพักตำรวจน้ำสัตหีบเป็นถังน้ำมันสำรอง ไว้ใช้ภารกิจสำคัญ ไม่ใช่ของกลางเรือ 3 ลำ แต่ซื้อจาก ปตท.ผ่านท่อ คาดสัปดาห์หน้ามีความชัดเจนในเรื่องคดี ส่วนเรือน้ำมันยังหาไม่พบ
ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ล่าสุด วันที่ 15 มิถุนายน 2567 พ.ต.อ.ขจรยศ ทรงประดิษฐ์ ผบ.เรือ (สบ 4) กรต.บก.รน. รักษาการผู้กำกับสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (ตำรวจน้ำศรีราชา) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงกรณีถังน้ำมัน ท่อน้ำและท่อน้ำมันที่ปรากฏหลังบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบ
พ.ต.อ.ขจรยศเผยว่า สำหรับถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่หลังบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบนั้น เป็นถังน้ำมันที่เป็นถังน้ำมันสำรองของตำรวจน้ำเอาไว้ใช้ในภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะการเดินเรือในระยะไกลหรือไปหลายวัน และไม่ใช่น้ำมันของกลางของเรือ 3 ลำ ซึ่งในส่วนของหน่วยที่มีท่าเทียบเรือใกล้ๆ ก็จะขอติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15,000 ลิตร เพื่อเอาไว้เป็นถังรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำส่งจากคลังน้ำมันมายังตำรวจน้ำ ก่อนนำส่งต่อผ่านท่อไปยังท่าเทียบเรือ เข้ามิเตอร์ที่ติดตั้งบริเวณท่าเทียบเรือ ก่อนจะส่งต่อลงเรือตามลำดับ ทั้งนี้ หากมิเตอร์เสียก็ซ่อมบำรุงปกติ และหากจะเปลี่ยนตำรวจน้ำไม่สามารถเปลี่ยนเองได้ จะต้องทำหนังสือแจงไปที่ ปตท. เพื่อให้ ปตท.ดำเนินการติดตั้งให้ใหม่ ส่วนภาพที่ปรากฏเกี่ยวกับการขนน้ำมันเข้ามาต้นทางน้ำมันที่ขนมานั้น เมื่อมีการจัดซื้อน้ำมันจาก ปตท. เขาจะโอนน้ำมันมาให้กับสถานี โดยจะมีรถน้ำมันวิ่งจากคลังน้ำมัน นำมาส่งที่ตัวถังของสถานี เมื่อน้ำมันอยู่ในถังแล้วก็จะเป็นกระบวนการส่งต่อน้ำมันมาที่มิเตอร์บริเวณสะพานก่อนนำจ่ายต่อไป
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำมันของกลางแต่อย่างใด ด้วยพื้นที่ที่ดูแลของกลางมีกล้องวงจรปิด หากมีการน้ำมันของกลางออกไป ก็จะถูกบันทึกด้วยกล้องวงจรปิด อีกทั้งการตรวจสอบตำรวจน้ำในการดูแลรักษาของกลางก็จะมีหน่วยงาน ปอศ.และกรมศุลกากร มาตรวจสอบว่าน้ำมันของกลางยังอยู่ในสภาพเดิม และจำนวนครบตามบัญชีของกลางหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้ดังมีความคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าก็จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะนี้รอผลสรุปข้อมูลของตำรวจกองปราบฯ ที่เดินทางลงทำงานในพื้นมาให้ทราบก่อน ส่วนเรื่องการติดตามเรือทั้ง 3 ลำนั้น ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.ได้ประสานความร่วมมือไปยังต่างประเทศเพื่อติดตามเรือทั้ง 3 ลำอยู่อย่างเร่งด่วนแล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจากการลงพื้นที่สัตหีบของตำรวจกองปราบฯ นั้น ได้มีการสืบสวนสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปก่อนที่จะมีเหตุเกิดขึ้น เพื่อดูว่าลูกเรือทั้งหมดมีการเตรียมการล่วงหน้าอย่างไร ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาในรูปแบบต่างๆ นั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีมูลความจริง ซึ่งผลการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดจะรวบรวมรายงานให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อจะได้แถลงความคืบหน้าเป็นไปในทางเดียวกันต่อไป
มีรายงานจาก บช.ก. ชี้แจงกรณีพบท่อน้ำ-ท่อน้ำมันปลายสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ และถังน้ำมันหลายถัง และปั๊มสูบน้ำมัน บริเวณบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบว่า สำหรับท่อพลาสติกสีฟ้าคือท่อน้ำประปา ส่วนท่อเหล็กคือท่อน้ำมัน แต่เนื่องจากหัวจ่ายน้ำมันบริเวณสะพานชำรุด จึงต้องใช้วิธีการนำถังสีขาวขนาด 1,000 และ 2,000 ลิตร ที่พบอยู่บริเวณบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบนั้น เป็นถังสำหรับบรรจุน้ำมันเพื่อไปรับน้ำมัน แล้วนำไปเติมเรือที่สะพานท่าเทียบเรือเมื่อต้องออกปฏิบัติภารกิจ
ทั้งนี้ กรณีการกักเก็บน้ำมันและการเบิกใช้น้ำมันนั้น เนื่องจากจำนวนเรือสำหรับปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของ ส.รน.3 มีจำนวน 3 ลำ ซึ่งน้ำมันที่ใช้ในภารกิจ มาจากหลายงบประมาณ
แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ 1.ได้รับเป็นบัตรเติมน้ำมัน (Feed Card) ต้องใช้ถังไปรับจากปั๊มน้ำมันแล้วนำมาเติมเรือ 2.เมื่อได้รับเป็นน้ำมันมาแล้ว จะเก็บไว้ที่แท็งก์บริเวณหลังบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบ และเมื่อมีภารกิจจะเติมน้ำมันใส่ถังขนถ่ายไปเติมเรือที่สะพานท่าเทียบเรือ
ส่วนที่พบปั๊มที่ใช้ในการสูบน้ำมันนั้น ปั๊มดังกล่าวใช้สำหรับดูดน้ำมันจากแท็งก์ใส่ถังแบ่ง และดูดน้ำมันจากถังแบ่งไปใส่เรือสำหรับปฏิบัติภารกิจดังกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บูมเศรษฐกิจ 2 ชาติ ! “อนุทิน” เร่งสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว
วันที่ 21 พย. บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์
ถึงบางอ้อ ดร.เสรี เผยเหตุ 'กัมพูชา' ยอมตกลง MOU44
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงนาม MOU44 มีหรือจะพูดว่า MOU44 ไม่ดีสำหรับประเทศไทย เขาย่อมพูดว่าเป็นผลดี
เปิดกล้องวงจรปิด จับตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าตัดนิ้ว ชิงทรัพย์ 'แม่ยายอัยการ'
จากกรณี เกิดเหตุสะเทือนขวัญฆ่าชิงทรัพย์ สืบเนื่อง น.ส.วรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี มีสามีเป็นอัยการสำนักงานอัยการแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.พัฒนนันท์ สมนวล สารวัตรสอบสวนสภสัตหีบ ว่าผู้เป็นมารดา คือ นางวรรณา คีอเนอร์ อายุ 67 ปี
'หมอวรงค์' อัด 'ภูมิธรรม' ยังสับสนเรื่องเกาะกูด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานทราปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายภูมิธรรมยังสับสนเรื่องเกาะกูด
ปรบมือ! อำเภอสัตหีบ ติดป้ายห้ามลอยกระทงในทะเล รณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในเขตพื้นที่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้มีการติดป้ายความว่า “ห้าม! ลอยกระทงลงทะเลเด็ดขาด” ไว้ตลอดแนวชายหาด อ่าวดงตาลสัตหีบ ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นแลนด์มาร์ค ที่มีความสวยงามอย่างมาก
'ธีระชัย' เผย MOU44 จุดแข็งคือจุดอ่อน มาถึงบัดนี้ไทยย่อมจะไม่ใช้สิทธิที่จะทักท้วงอีกแล้ว
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังปร