ถุงขนมภาค2พ่นพิษ บิ๊กศาลสั่งตรวจสอบด่วน/‘เสี่ยนิด’ลั่นไม่ยุบสภา-ไม่ลาออก

"ผู้บริหารศาลยุติธรรม" เต้น! สั่งตรวจสอบปม "หมอวรงค์" ปูดถุงขนมภาค 2 สั่งบริษัทกาสิโนเตรียมเงิน 2,000 ล้าน เคลียร์ 2 คดีใหญ่ "เชาว์" แนะจับตา อสส.ใช้ดุลพินิจสั่งคดี 112 ทักษิณ หวั่นใช้เทคนิคกฎหมายปล่อยผู้ต้องหาหลุดซ้ำรอย"อิทธิพล คุณปลื้ม" วิโรจน์เสียงแข็งไม่หวั่น "แม้ว" ทวงคืน สส.ปทุมฯ-นนท์ "ประวิตร" สวมบทเตมีย์ใบ้ไม่ตอบปมโยงคนบ้านป่าทำวุ่น "เศรษฐา" ยื่นพยานเพิ่ม 1 ปาก สู้คดี 40 สว.ยื่นถอดถอน "ปดิพัทธ์" เผยยังไม่ได้ข้อสรุปผลสอบไอโอโหวตคว่ำร่าง กม.นิรโทษฯ ฉบับ ปชช. เมินเสียงให้พ้นเก้าอี้รอง ปธ.สภาฯ

 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. มีรายงานข่าวจากศาลยุติธรรมแจ้งว่า ภายหลังจาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงขบวนการถุงขนมภาค 2 ที่จะเกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์ โดยเนื้อหาระบุจะมีการให้บริษัทกาสิโนเตรียมเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเชื่อมโยงคดีใหญ่คดีหนึ่ง โดยให้มีการทำสำนวนอ่อนๆ ของอัยการ เพื่อชงให้ศาลตบง่ายๆ ในการให้ประกัน รวมถึงคดีแต่งตั้งทนายความถุงขนมมาเป็นเสนาบดีด้วย เเละยังระบุว่าเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา  มีระดับอธิบดีของหน่วยงานตุลาการ เดินทางไปฮ่องกงเพื่อภารกิจนี้ โดยได้รับการประสานงานจากอดีตประมุขใหญ่ของตุลาการและอดีตอัยการใหญ่

"ทางผู้บริหารศาลยุติธรรมได้ทราบเรื่องที่มีบุคคลโพสต์เรื่องดังกล่าวเเล้ว  อยู่ระหว่างสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง" แหล่งข่าวจากศาลยุติธรรมระบุ

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง คดี 112 ของทักษิณกับการประกันตัว  ระบุว่า ช่วงนี้มีคนนำมาตรา 112 มาเป็นประเด็นบนสื่อโซเชียลกันจำนวนมาก โดยเฉพาะคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง มาถึงประเด็นร้อน เกี่ยวกับการติดสินบนถุงขนมรอบสอง ทำนองว่ามีการติดสินบนศาลเพื่อให้ได้ประกันตัว ในฐานะทนายความที่ติดตามคดีมาตรา 112 มาโดยตลอด เห็นว่าความผิดตามมาตรา 112 ถ้าจำเลยกระทำผิดครั้งแรก และพฤติการณ์ไม่ร้ายแรงจริงๆ ส่วนใหญ่ ศาลจะให้ประกันตัวทุกราย ฉะนั้นข้อมูลที่มีการพูดกันในสื่อโซเชียล อาจจะสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอำนาจการปล่อยตัวชั่วคราวของศาล อย่าเอาคดี 112 มาโยงกับศาลเลย คาดการณ์ได้ว่าถ้านายทักษิณไปรายงานตัวก็น่าจะได้รับการประกันตัว

นายเชาว์ระบุว่า ประเด็นที่สังคมควรโฟกัสคือการใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อยื้อหรือทำให้ตัวเองหลุดคดี โดยใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นเป็นเครื่องมือต้องไม่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้นายทักษิณวางกลยุทธ์ ใช้แผนเดิมคือ ขอความเป็นธรรมซ้ำอีก อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง คนทำคดีในขณะนั้นถูกกดดัน ซึ่งก็มีคำยืนยันจากผู้เกี่ยวข้องแล้วว่าข้อกล่าวอ้างของนายทักษิณไม่เป็นความจริง การที่นายทักษิณเพิ่งออกมาเปิดประเด็นใหม่หลังใช้อาการป่วยมาเป็นเหตุผลให้การส่งฟ้องเลื่อนออกไป เห็นได้ชัดว่าเป็นเทคนิคทางกฎหมาย ที่จะอ้างว่ามีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างไปจากเดิม เพื่อให้มีการรับเรื่องขอความเป็นธรรม สอบสวนเพิ่มเติม

ห่วงใช้เทคนิคสั่งคดีทักษิณ

"ในวันที่ 18 มิ.ย. ถ้ามีการรับเรื่องขอความเป็นธรรม ต่อลมหายใจให้นายทักษิณ อัยการสูงสุดต้องมีคำชี้แจงที่ชัดเจนต่อสาธารณะว่ามีหลักฐานพยานใหม่อย่างไร ถ้าผู้ต้องหาใช้วิธีการแบบนี้ ยื้อ ประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ความเป็นธรรมจะอยู่ตรงไหน ดังจะเห็นได้จากกรณีบอส อยู่วิทยา ที่ทำให้องค์กรอัยการได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาแล้ว ให้จับตาการใช้ดุลพินิจของอัยการให้ดี เผลอๆ อาจจะหลุดในชั้นอัยการเป็นไปได้ ดูคดีของนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นตัวอย่าง  ส่งสำนวนกระชั้น ส่งฟ้องช้า จนเป็นเหตุให้นำตัวจำเลยส่งฟ้องไม่ทัน ทั้งอัยการและ ป.ป.ช. ทำขึงขังขอออกหมายจับใหม่ สุดท้ายก็ไปหลุดในชั้นศาล เทคนิคทางกฎหมายเหล่านี้คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ มีแต่คนที่มีอำนาจวาสนาเท่านั้น ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นบิดเบี้ยวได้” อดีตรองโฆษกพรรค ปชป.ระบุ

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายทักษิณระบุเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะขอกวาด สส.นนทบุรีคืนทั้งจังหวัดว่า คนเลือก สส.นนทบุรีไม่ใช่นายทักษิณ แต่เป็นคนนนทบุรีที่เลือกมา ดังนั้นจะไปหวั่นไหวกับเรื่องนี้ทำไม เพราะ สส.ของพวกเราก็ตั้งใจทำงานเช่นเดิม เราก็โฟกัสกับการทำงานต่อไป นายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่ในการเลือก สส.ไม่ใช่หรือ และไม่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่นี้ อย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย

 “ตกลงที่คุณทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน ตอนนี้จะไม่เลี้ยงแล้วหรือ ทุกคนก็บอกว่าการที่คุณทักษิณกลับประเทศไทย ก็เพราะวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่เอาเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย เป็นนายกฯ ก็ไม่ใช่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ ก็ถือว่าเป็นแค่หนึ่งเสียงจากคนหนึ่ง ที่รักษาอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง" นายวิโรจน์กล่าว

ถามว่า มองการที่ทักษิณตระเวนเดินสายลงพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี ที่มี สส.ก้าวไกลชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ถือเป็นการส่งสัญญาณ เดินหน้าทวงคืน สส.หรือไม่ สส.พรรคก้าวไกลกล่าวว่า กว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังอีกนาน นายทักษิณก็อาจจะลงพื้นที่เพื่อพบเพื่อนเก่า แล้วแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของตนเองก็แค่นั้น หากเรามองว่านายทักษิณเป็นประชาชนคนหนึ่ง เราก็น้อมรับความคิดเห็น ซึ่งการตอบโต้ที่ดีที่สุด ก็คือการตั้งใจทำงานของเราต่อไป

ที่ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย   เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเมืองเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33

ภายหลังเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตร ถึงกรณีนายระบุคนในป่าวุ่นวาย ซึ่งมีการเชื่อมโยงว่าเป็น พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธทุกคำถาม และพยายามเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเดินทางกลับไปทันที

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาลในการทำงานหลังมีการพาดพิง พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร.และพี่ชายพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ว่า ตนไม่ได้เป็นคนพาดพิง และไม่เคยมีการคุยกันในเรื่องนี้ด้วย ตนให้ความเคารพท่านในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกฯ และเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก และไม่เคยเจอกัน เคยเจอหนเดียวในงาน ตนก็สวัสดีท่าน แค่นั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่น ไม่มีอะไรเลย ยืนยันได้

นายเศรษฐายังกล่าวถึงการหารือทีมที่ปรึกษากฎหมายเพื่อเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในคดี 40 สว.ร้องให้ตรวจสอบอำนาจการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า มีขอพยานเพิ่มเติมก็ต้องส่งรายชื่อพยานไป แต่ขอให้ส่งก่อนค่อยบอกจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเป็นการก้าวล่วง ไม่ค่อยดี

นายกฯ เพิ่มพยาน 1 ปากสู้คดี

ถามย้ำว่า แสดงว่ามีการขอให้ส่งพยานเพิ่มเติม นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ  มีการส่งพยานเพิ่มเติม เมื่อถามว่าเป็นการขอให้ไต่สวนเพิ่มเติมด้วยหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า มีพยานเพิ่มเติม 1 คน แล้ว แต่ท่านจะไต่สวนหรือไม่ไต่สวน อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข่าวลือว่านายกฯ จะชิงลาออกก่อนที่ศาลจะตัดสิน นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินและไม่เคยคิดด้วย ซักเรื่องยุบสภาก็ไม่เคยคิดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยคิดครับ เมื่อถามว่าทุกอย่างให้ว่าไปตามกระบวนการใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการใช้วิธีการพิสดารในการหนี อย่างที่ตนเรียน เรามาในฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีข้อข้องใจ  หน้าที่ของตนก็ต้องเสนอและน้อมรับคำตัดสิน

"ผมคิดว่าตำแหน่งนี้ก็ลำบากทุกเรื่อง เอาเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลักดีกว่า อย่าไปดูเรื่องความขัดแย้งว่าตนจะเป็นกันชนหรือเป็นตัวช่วย หรือเป็นอะไรเลยดีกว่า ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับกันไป มีข้อคิดเห็นไม่ตรงกันก็ต้องพยายามชี้แจง" นายกฯกล่าว

นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “18 มิ.ย. วันโลกาวินาศ…ใครจะวินาศกันแน่ !!” โดยกล่าวถึง 4 คดีสำคัญ ไม่เห็นมีอะไรแต่ถูกสร้างขึ้นจนเลอะเทอะกันไปใหญ่

"18 มิ.ย. วันโลกาวินาศ ใครจะวินาศกันแน่ พูดยังกับว่าบ้านเมืองจะถล่มทลายวันที่ 18 มิ.ย.นี้ เป็นวันโลกาวินาศ รัฐบาลจะพัง ก้าวไกลจะโดนยุบ เลือก สว.ก็จะเป็นโมฆะ นายทักษิณไม่หนีก็ติดคุก เลอะเทอะกันไปใหญ่ อะไรกันนักหนา ผมเห็นว่าไม่มีอะไรเลย" นายวันชัยกล่าว

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีการเมือง พ.ศ. (ฉบับประชาชน) ซึ่งรวมมาตรา 112 ผ่านเว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งหมด 90,533 ราย โดยมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย 64.66% ส่วนที่เห็นด้วยเพียง 35.34 % ว่า ส่วนใหญ่เสียงที่ออกมา สะท้อนถึงเจตจำนงในการยึดหลักกฎหมายที่ควรจะเป็น

"ผลที่ออกมาสะท้อนภาพใหญ่ถึงความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศที่ต้องการบอกเจตจำนงว่า การพิจารณา กฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรม ต้องอยู่ในกรอบที่เป็นคดีการเมืองจริงๆ แม้ว่าบางคดีอาจจะมีการอ้างเรื่องแรงจูงใจทางการเมือง แต่ไปเกี่ยวโยงกับคดีมาตรา 112 กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ควรเปิดรับฟังความเห็นทุกฝ่ายรอบด้าน เช่นเดียวกับฉบับประชาชน ที่สภาผู้แทนราษฎรได้เปิดให้แสดงความเห็นตลอด 1 เดือนเต็ม" นายธนกรกล่าว

ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา  รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1  กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบ IP Address กรณีการแสดงความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม พ.ศ…. ที่เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน ที่พบความผิดปกติว่า เราแบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่ร้องเรียนว่าเมื่อใช้บริการเว็บไซต์แล้วเกิดการเออเรอร์  เช่น การคัดลอกยูอาร์แอลแล้วสามารถลงชื่อซ้ำได้ ซึ่งเราได้ทำการแก้ไขแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ประชาชนเขาร้องเรียนมาว่า ผู้ที่ลงชื่อมีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบในการยืนยันตัวตน ซึ่งหากมีการให้ยืนยันตัวตนมากเกินไป ก็จะทำให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น โดยเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมายต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน  ขณะที่เว็บไซต์ที่เปิดให้แค่แสดงความเห็นนั้น ก็ต้องสมดุลกันระหว่างความเห็นเสรีกับความปลอดภัย ซึ่งจะต้องมีการคุยกันในระดับนโยบายอีกครั้งว่าจะชั่งตวงวัดกันอย่างไร

นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องที่สองคือ เรื่อง IP Address เมื่อเช็กแล้วพบว่าในวันที่ 11-12 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น มีการใช้ IP Address ซ้ำกันในการเข้ามาให้ความเห็น ซึ่งมีปริมาณสูงมาก และสูงกว่าร่างกฎหมายอื่นหลายเท่า โดยสามารถแปลความได้หลายอย่าง ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่เราต้องเข้าไปศึกษาในรายละเอียดว่า IP Address มาจากไหน อย่างไร เป็นในรูปแบบของการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyeber Attack) หรืออาจจะเกิดขึ้นโดยปกติ ซึ่งเรายังไม่ได้สรุปในส่วนนี้

ยังไม่สรุปไอโอโหวตคว่ำ 112

ถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเกณฑ์ไอโอมาลงชื่อนั้น นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ แต่เรายังสรุปไม่ได้ตราบใดที่เรายังไม่รู้ที่มาที่ไปที่ชัดเจน ย้ำว่าความพีกขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 มิ.ย. ที่มี IP Address ซ้ำๆ เข้ามาลงชื่อ

เมื่อถามกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลังปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว แต่ยอดที่ไม่เห็นด้วยกลับลดลง นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะเรายังไม่ได้ข้อสรุปเป็นช่วงเวลาเช่นนั้น แต่เนื่องจากเว็บไซต์เราไม่ได้นำผลไปใช้ทางกฎหมาย เป็นแค่เว็บไซต์ที่หยั่งเสียงเพื่อรับฟังความคิดเห็นประกอบรายงานเท่านั้น การที่จะทำให้เว็บไซต์เจาะไม่ได้เลยก็ต้องแลกมาด้วยการที่ประชาชนต้องลงทะเบียนอีกเยอะ ในส่วนนี้ต้องขอไปปรับปรุงในเชิงโครงสร้างอีกครั้ง ทั้งนี้ หากมีการร้องเรียนเพิ่มเติม ก็จะต้องนำไปปรับปรุงครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อทำให้ถูกต้อง

"ต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความรัดกุม อันดับแรกต้องน้อมรับว่ามีความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ปรามาสว่าเสียงไหนมาจากไอโอ เสียงไหนที่ไม่ใช่ไอโอ แค่เราเจอเรื่องที่เป็นข้อสังเกตที่เราต้องตรวจสอบ ส่วนข้อผิดพลาดต่างๆ ก็จะต้องนำไปปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีที่สุด แต่ที่เราต้องทำให้เกิดความสมดุลคือเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น และความมั่นคงของข้อมูลผู้ที่มาลงชื่อแสดงความเห็น ส่วนจะแข็งไปหรืออ่อนไป ต้องดูความสำคัญของแต่ละเว็บไซต์" นายปดิพัทธ์กล่าว

ถามว่า มีการเปิดลงชื่อเพื่อถอดถอนนายปดิพัทธ์ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เห็นโพสต์ผ่านๆ ก็ไม่มีอะไร เวลาคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีข้อที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์แล้วอยากขอให้มีการพิจารณาด้านจริยธรรม ก็สามารถเรียกร้องให้เกิดขึ้นได้ ตนไม่ได้ติดขัดอะไร

ที่พรรคอนาคตไกล นายณัษฐพล ทิพย์อักษร ทนายความคนดัง และมือกฎหมายพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงกรณีนายปกรณ์ มหรรณพ กกต. พร้อมคณะ ได้ออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสังคมถึงการยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่า ตนขอให้ความรู้กฎหมายอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชน เห็นว่าการที่มีผู้ร้องยื่นคำร้องโดยตรงตามความในความมาตรา 92 และความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ในความมาตรา 93 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แยกต่างหากจากกันอย่างชัดเจน ระหว่างการที่มีคนร้องและมีพยานหลักฐานชัดแจ้ง กับ นายทะเบียน กกต.พบเห็น หรือมีผู้ร้องแต่ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัด ต้องตรวจสอบ ดังนั้น โดยผู้ร้องยื่นคำร้องตามมาตรา 92 หาก กกต.เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการล้มล้างการปกครองฯ กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมืองนั้นได้ โดยไม่จำต้องไต่สวน

ถามว่า ที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอ้างและออกมาตอบโต้ กกต. มีความเห็นว่าอย่างไร  มือกฎหมายพรรคอนาคตไกลกล่าวว่า ช่วงระยะเวลาใกล้เข้ามาที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาวันที่ 18 มิ.ย. ความระทึกตื่นเต้น ทำให้หัวใจเต้นถี่รัวๆ  โดยเฉพาะนายชัยธวัช ให้สังเกตว่าจะมีอาการเมาหมัด มึน ที่ประดังเข้ามา ออกอาการมวยให้เห็นขั้นโคม่า แนวโน้มจะถูกยุบพรรคก้าวไกลสูง ออกอาการรั่ว โวยวายคู่กรณีคือ กกต. ให้ประชาชนพิจารณาว่าการอ่านกฎหมายและตีความกฎหมาย ใครเป็นศรีธนญชัย 

"ผมเห็นว่าที่ กกต.ออกมาชี้แจงเพื่อป้องกันการสับสนของประชาชน ไม่ใช่เล่นขายของ เพราะ กกต.เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนตามอำนาจและหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม คนที่อ่านรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองเป็น จะมีความรู้ความเข้าใจได้ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ การเซาะกร่อนบ่อนทำลาย เป็นการล้มล้างการปกครอง ศาลสั่งห้ามการกระทำตามมาตรา 49 ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในมาตรา 211 วรรคท้าย ไม่ใช่ผูกพันเฉพาะคู่ความให้หยุดกระทำ  แต่ข้อเท็จจริงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ในคำวินิจฉัยที่ 3/2567 เสร็จเด็ดขาดและผูกพันทุกองค์กร ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการที่ผู้ร้องหยิบมายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ยุบพรรคก้าวไกล ตามที่นายชัยธวัชดิ้นและอ้างว่าผูกพันคู่ความนั้น ไม่ใช่ เป็นการอธิบายข้อกฎหมายที่เอาใจผู้สนับสนุน แต่เป็นการคลาดเคลื่อน ทำให้สังคมเข้าใจผิด

ถามว่า ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล โพสต์อ้าง 3 ข้อโต้ กกต. มือกฎหมายพรรคอนาคตไกลกล่าวว่า คำวินิจฉัยกรณีล้มล้างการปกครองและกระทำปฏิปักษ์การปกครอง ที่ศาลเคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว การยุบพรรคไทยรักษาชาติสามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานได้ ส่วนการยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีกู้ยืมเงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้น เป็นกรณีความปรากฏแก่นายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นคนละกรณีกัน ดังนั้น เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าได้พรรคก้าวไกลเข้าหลักเกณฑ์มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) สามารถยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลได้ทันที โดยไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 93 ทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนหรือไม่ ไม่ใช่เป็นประเด็นแห่งคดี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง