ขึงขัง!ฟัน‘วินัย-อาญา’ เรือน้ำมันเถื่อนล่องหน

"บิ๊กต่าย" บอกรับไม่ได้เรือขนน้ำมันเถื่อนหาย ลั่นหากเจ้าหน้าที่เอี่ยวโดนอาญา-วินัย ขณะที่ "รอง ผบช.ก." เร่งประสานทางการกัมพูชาช่วยค้นหาเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ  ลั่นฟันไม่เลี้ยง! ส่วนผู้การตำรวจน้ำบินด่วนประสานกลุ่มโค้ชการ์ดออกล่า    คาดอาจลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากลย่านประเทศเวียดนาม

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการ ผบ.ตร.   ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร ของกลางในคดี ที่จอดไว้ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี  หายว่า กำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ที่มีการเร่งโยกย้ายไปเกี่ยวข้องกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐตอบว่า อยู่ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็ตั้งคณะกรรมการแล้ว ซึ่งขณะนี้รอการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

"เรื่องเรือหายกระทบต่อความเชื่อมั่นพอสมควร เป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้เช่นกัน เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลของกลางก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมก็ได้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง หากใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนร่วมกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา ขอให้รอฟังผลการสอบสวนดีกว่า" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว

ซักว่า ที่ขึ้นไปพบนายกรัฐมนตรีได้มีการรายงานเหตุการณ์นี้หรือไม่ รักษาราชการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ เป็นเพียงขึ้นไปสวัสดีนายกฯ ไม่มีอะไร                   

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ได้มีการลงพื้นที่พร้อมเข้าร่วมประชุมกับหลายหน่วยเพื่อติดตามเรือที่หายไป  เบื้องต้นสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้ทางตำรวจ บก.ปปป.ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับไปกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด

ส่วนความคืบหน้าในแนวทางสืบสวนเกี่ยวกับลูกเรือที่อยู่ในเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หายไป รู้จำนวนแน่ชัดแล้วว่ามีคนลงเรือ 16 คน ทราบชื่อตำหนิรูปพรรณแล้ว 14 คน ส่วนอีก 2 คน ทราบเพียงแค่ชื่อ แต่ยังไม่ทราบตำหนิรูปพรรณ ตอนนี้ตำรวจกองปราบฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

สำหรับเรือน้ำมันเถื่อนของกลางนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือ 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คนไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ตำรวจ บก.ปอศ. จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบหนีมาสอบปากคำที่ บก.ปอศ. และคาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คนได้ภายในวันอังคารนี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ ให้ข้อมูลว่า  ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนของตำรวจขอชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้งสามลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา จากแนวทางสืบสวนพบว่าเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการติดตาม เบื้องต้นได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ขอเวลาประมาณสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งจากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้พำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการเรื่องนี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ ซึ่งสั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่าเป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า  ผบช.ก.ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง

รอง ผบช.ก.ยังกล่าวถึงกรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่งขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 17.00 น. ขอขี้แจงว่า จากการตรวจสอบทราบว่ารถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ  ศรชล.ภาค 1 ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อขอพบกับ พล.ร.อ.เตีย โซะคา รอง ผบ.ทร.และ หน.โค้ชการ์ด ที่โรงแรมพนมเปญ เพื่อหารือและขอความร่วมมือในการติดตามเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน จำนวน 3 ลำ ที่หลบหนีออกมาจากหน้าสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าเข้ามาด้านเกาะช้าง จ.ตราด และหนีออกนอกน่านน้ำไทย ด้านประเทศกัมพูชา ในเบื้องต้นทางด้านรอง ผบ.ทร.กัมพูชาได้รับปากจะช่วยในการตรวจสอบ ค้นหาเป้าหมายดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 14 มิ.ย. ผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมคณะ ได้ขอเข้าพบ น.อ.ธงฉาน บุญระเทพ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือประจำกรุงพนมเปญ เพื่อขอความร่วมมือในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านทะเลติดต่อประเทศกัมพูชาและประเทศเวียดนาม

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากแหล่งข่าวประเทศเพื่อนบ้านว่า เบื้องต้นยังไม่พบเรือทั้ง 3 ลำในเขตน่านน้ำกัมพูชา แต่ที่น่าจับตามอง เรือทั้ง 3 ลำ อาจจะเข้าไปในน่านน้ำประเทศเวียดนาม เรือคงไม่กล้าเข้ามาทอดสมอในน่านน้ำกัมพูชา เพราะเกรงบารมีของ พล.ร.อ.เตีย ซกคา หน.โค้ชการ์ด ที่สามารถเชื่อมประสานได้ทุกประเทศ แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพเรือไทยและประเทศไทย จึงคาดว่าเรือทั้ง 3 ลำคงลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากลย่านประเทศเวียดนามก็เป็นได้

นายชัยชนะ ​เดช​เดโช​ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้เห็นแล้วว่าบุคคลที่ขับเรือไปกว่า 10 คนมีใครบ้าง กำลังขอหมายจับ ส่วนเจ้าหน้าที่จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง กำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ แต่เบื้องต้นก็แจ้งข้อหา 157 ประมาทเลินเล่อ ว่าทำไมเรือจอดอยู่ถึงปล่อยให้ขโมยไปได้

 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คณะกรรมาธิการการตำรวจจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากพบว่าดำเนินการถูกต้อง นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษแล้ว ก็ถือว่าจบ แต่หากพบกระบวนการหรือความไม่ชอบมาพากล ก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง