เงินดิจิทัลซื้อ‘ไอโฟน’ ซุกงบกลาง1.5แสนล.

นายกฯ ยอมรับรัฐบาลยังไม่ได้ถามกฤษฎีกา ปมใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกดิจิทัลวอลเล็ต “จุลพันธ์” แจงเอาไปซื้อ “ไอโฟน” ได้ เป็นปัจจัยที่ 5  เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เปิดงบปี 68 พบ "ดิจิทัลวอลเล็ต"     ถูกซุกในงบกลาง 152,700 ล้าน อ้างใช้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน   นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ย จะสวนทางกับที่รัฐบาลตั้งเป้าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไว้หรือไม่ ว่าได้พูดไปหลายวงแล้ว ไม่อยากจะพูดอีก เดี๋ยวจะเกิดความขัดแย้งกันอีก อย่างที่บอก ถ้าเรื่องนี้มีความเห็นต่างกัน และเราก็ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่จะต้องทำ ก็เชื่อว่าทาง กนง.เองก็มีข้อมูลที่ท่านคิดว่าถูกต้อง และส่งผลให้ออกมาเป็นลักษณะนั้น หากเราเห็นว่าควรจะเป็นอีกอย่าง เราก็พยายามที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยวิธีอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายของรัฐบาลที่จะมาเสริมด้านเศรษฐกิจที่จะทำให้จีดีพีโต ยังสามารถขับเคลื่อนได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ยังขับเคลื่อนได้โดยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ สิ่งเหล่านี้เราคิดว่าสามารถทำได้ โดยกำหนดกรอบเงินเฟ้อใหม่ อาจจะสามารถทำให้ความยืดหยุ่นการลดดอกเบี้ยเป็นได้มากขึ้น

เมื่อถามว่า กนง.เห็นด้วยกับการขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะสนับสนุนในเรื่องนี้ได้ นายกฯ กล่าวว่า อีกนาน  อีก 2 ไตรมาสถึงจะออกมา 

ถามถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในการใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รัฐบาลได้สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วหรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า ทุกอย่างมีขั้นตอนที่จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ซักว่า นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง ระบุยังไม่ได้มีการสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงการใช้งบประมาณของ ธ.ก.ส. นายกฯ ชี้แจงว่า นายเผ่าภูมิว่าอย่างไรคงเป็นไปตามนั้น แต่ในที่สุดแล้วเชื่อว่าก็คงต้องมีการถามในทุกๆ ขั้นตอน ตนยืนยันอยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร มีข้อสงสัยประการใด  รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำถูกต้อง สุจริต ทำตามกฎหมายทุกประการ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง  เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet  ว่า จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการฯ ในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าของรายละเอียดของแต่ละส่วนงานที่ได้มีการมอบหมาย โดยยืนยันว่าโครงการยังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือจะเปิดให้ประชาชนและร้านค้า สามารถลงทะเบียนได้ภายในไตรมาส 3/2567 และเงินจะถึงมือประชาชนภายในไตรมาส 4/2567 แน่นอน

 “ตอนนี้กระบวนการต่างๆ ค่อนข้างนิ่งแล้ว ทุกอย่างลงล็อก เป็นไปตามสเต็ป แผนงานมีกำหนดเวลาที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนโครงสร้างของมาตรการนิ่งแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งเรายังเชื่อมั่นว่าได้เร่งในหลายจุด ตอนนี้สิ่งที่ทำคือต้องกระชับ อะไรที่ทำคู่ขนานได้ก็ทำ อะไรที่ร่นระยะเวลาได้ก็ร่น เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการได้เร็วขึ้น แต่กรอบเวลาตอนนี้ดูแล้วก็น่าจะช่วงปลายปีตามแผนงาน”  นายจุลพันธ์กล่าว

สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจเรื่องสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ (Negative List) ตอนนี้ได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของไอโฟน ซึ่งพิจารณาแล้วว่าสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในทุกมุม เพราะปัจจุบันโทรศัพท์มือถือคือเครื่องมือในการทำมาหากิน เรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว จึงเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะสามารถเข้าร่วมในโครงการได้

อย่างไรก็ดี ในส่วนประเด็นการยื่นเรื่องให้สำนักงานกฤษฎีกา กรณีการใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1.72 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการ Digital Wallet  ยังไม่ได้มีการดำเนินการ โดยทุกอย่างจะทำตามขั้นตอนเมื่อถึงเวลาอย่างแน่นอน  ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ระหว่างวันที่ 19-21มิ.ย.2567 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นจำนวน 272,700 ล้านบาท โดยงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมากสุด 10อันดับแรกคือ 1.งบกลาง จำนวน 805,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 190,801.6  ล้านบาท หรือร้อยละ 31 2.กระทรวงการคลัง จำนวน 390,314.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 63,294.3 ล้านบาท 3.กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 340,584.7 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 12,413.8 ล้านบาท

4.กระทรวงมหาดไทย จำนวน 294,863.3 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 56,732.9 ล้านบาท 5.กระทรวงกลาโหม จำนวน 200,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 5,179.9 ล้านบาท 6.กระทรวงคมนาคม จำนวน 193,618.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 10,338.4 ล้านบาท 7.กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 172,285.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 6,909.2 ล้านบาท

8.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 132,294.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 4,955.7 ล้านบาท 9.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จำนวน 123,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 4,726.2 ล้านบาท 10.กระทรวงแรงงาน จำนวน 67,772.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 5,623.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ งบประมาณที่จะใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถูกจัดอยู่ในส่วนงบกลาง หมวดแผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 152,700 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ระบุว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระจายเม็ดเงินในพื้นที่ต่างๆ และเพื่อรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ เพิ่มสภาพคล่องแก่ประชาชนในการดำรงชีพและประกอบอาชีพ อีกทั้งยังเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ อิ๊งค์ให้ความมั่นใจคนกรุงไม่ซ้ำรอยยุคอาปูแน่นอน

นายกฯ ตรวจบริหารจัดการน้ำ บอกคนกรุงไม่ต้องกลุ้มใจ หลังกรมชลประทาน การันตีปีนี้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯแน่นอน ยันสถานการณ์น้ำไม่เยอะเท่าปี 54