เลือกระดับจว.23,645คน ‘สมชาย’ฟันธงโมฆียะแน่

กกต.สรุปผู้สมัครเลือก สว. 45,753 ราย  เหลือไปเลือกระดับจังหวัด 23,645 ราย กลุ่มผู้สูงอายุ-ชาติพันธุ์เยอะสุด ส่วนกลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรมน้อยสุด  "มท.1" ยันภาพรวมเรียบร้อยดี "สมชาย" เชื่อผลการเลือกเป็นโมฆียะแน่ พร้อมแฉสารพัดฮั้วบล็อกโหวต ทั้ง "ปั้นแต่งประวัติ-จัดงานเลี้ยง-ซ้อมกา-พกโพยเข้าคูหา" เสรีเชื่ออุบัติเหตุมีอย่างเดียวคือคำวินิจฉัยของศาล รธน.

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พ.ศ. 2567 ระดับอำเภอทั่วประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานว่า ยอดจำนวนผู้สมัคร สว.ที่คุณสมบัติผ่านตามที่กฎหมายกำหนด  หลังการเพิ่มชื่อถอนชื่อแล้วมี 45,753 ราย เป็นชาย 26,436 ราย เป็นหญิง 19,317 ราย และในการเลือกระดับอำเภอเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. มีผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด 23,645 ราย เป็นชาย 15,077 ราย เป็นหญิง 8,568 ราย

ทั้งนี้ ผู้ได้รับเลือกจากระดับอำเภอไประดับจังหวัด แยกเป็นรายกลุ่ม คือ กลุ่ม 1 การบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง 1,332 ราย กลุ่ม 2 กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 1,171 ราย กลุ่ม 3 การศึกษา 1,975 ราย กลุ่ม 4 การสาธารณสุข 1,024 ราย กลุ่ม 5 อาชีพทำนา 1,460 ราย กลุ่ม 6 อาชีพทำสวน 1,565 ราย กลุ่ม 7 พนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ 1,261 ราย กลุ่ม 8 ผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม 765 ราย กลุ่ม 9 ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม 1,057 ราย กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น 808 ราย กลุ่ม 11 ผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว 707 ราย กลุ่ม 12 ผู้ประกอบอุตสาหกรรม 443 ราย กลุ่ม 13 ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ 671 ราย กลุ่ม 14  สตรี 1,800 ราย กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ ชาติพันธุ์ และอัตลักษณ์อื่น 1,987 ราย กลุ่ม 16 ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง  นักกีฬา 1,103 ราย กลุ่ม 17 ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ 1,163 ราย กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน 616 ราย กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ 1,465 ราย และกลุ่ม 20 กลุ่มอื่นๆ 1,275 ราย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะปรับหมายเลขผู้สมัครใหม่เพื่อนำไปใช้ในการเลือกระดับจังหวัด เมื่อแล้วเสร็จจะเผยแพร่รายชื่อผ่านเว็บไซต์ กกต.และแอปพลิเคชัน smart vote

ขณะเดียวกัน นายเสือภูสิน สุขปาน ผู้สมัคร สว.เขตอำเภอเมืองชุมพร ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ดร.สัญญา แก้วอนันต์ ผอ.กกต.ชุมพร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้สมัคร สว.บางคนจงใจทำบัตรลงคะแนนผู้รับเลือกเป็น สว.เป็นบัตรเสีย

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องปรับปรุงวิธีการกรอกแบบฟอร์มการรายงานผลการคะแนนใหม่ เนื่องจากเดิม กกต.ใช้บัตรเลือกไขว้ 1 ใบ  มี 4 ช่องของกลุ่มอื่นให้เลือก แต่ 10 วันก่อนเลือก กกต.เปลี่ยนบัตรเลือกไขว้เป็น 4 ใบ ขณะที่คู่มือของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยและที่จัดการอบรมกันมา ยังเป็นแบบบัตรใบเดียว โปรดแก้ไขใหม่รอบเลือกจังหวัด หากเป็นแบบนี้จะสร้างความสับสน

ส่วนเฟซบุ๊ก We Watch ซึ่งเกาะติดการเลือก สว. ได้ระบุว่า มีรายงานจากประชาชนและอาสาสมัครที่ร่วมสังเกตการณ์การเลือก สว. 2567 พบประเด็นปัญหาในการสังเกตการณ์ในเรื่องของการนับคะแนนในบางอำเภอ การจัดสถานที่ไม่เอื้ออำนวย และสังเกตการณ์ได้ยาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาของความไม่โปร่งใส และการจัดการพื้นที่สำหรับสังเกตการณ์ของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.ที่กำลังดำเนินอยู่

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงภาพรวมของการเลือก สว.ว่าถือว่าเรียบร้อยดี การเลือกอีกรอบในสัปดาห์หน้าก็หวังว่าจะเรียบร้อย ต้องฝากชื่นชมผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายอำเภอ ที่ถือว่าเป็นผู้บริหารจัดการให้การคัดเลือก สว.ในด่านแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้รับรายงานถึงความยุ่งยากยุ่งเหยิงแต่อย่างใด เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า มีอะไรที่ต้องปรับปรุงในการเลือก สว.สัปดาห์หน้าหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อยู่ที่การวางแผน เพราะเราเป็นคนบริหารกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ให้เกิดความเรียบร้อยยุติธรรม ส่วนการเลือกเป็นเรื่องของการเลือกกันเอง

นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวถึงการเลือก สว.ระดับอำเภอว่า ยืนยันว่ามีขบวนการขนคนไปสมัคร สว.ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หลักฐานปรากฏได้จากการตรวจลงคะแนนทุกอำเภอทุกกลุ่ม ซึ่งจะพบว่ามีคนได้คะแนน 0 คะแนนเยอะมาก ซึ่งช่องว่างเกิดจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมมนูญซึ่งการได้มาของ สว. ทำให้ได้คะแนนที่ออกมาบิดเบี้ยว ดังนั้นกฎหมายที่เปิดช่องว่าง ก็เป็นอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในอนาตต

นายสมชายยังกล่าวว่า ประกาศ กกต.ก็ทำให้สามารถกระจายกลุ่มคนรับจ้างหรือที่จัดตั้งมาไปอยู่ในกลุ่มต่างๆ  เพื่อโหวตตรงและโหวตไขว้ได้ ที่สำคัญคือนอกจากการไม่ตรวจประสบการณ์ที่รับรองกันเอง ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเท็จเยอะมาก เช่น ทำอาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง ทำนา เลี้ยงไก่ หรือกลุ่มศิลปะ เมื่อเลือกเสร็จก็กลับบ้าน โดย กกต.ไม่มีการตามติดต่อภายหลัง ซึ่งผิดวิสัยของการตรวจสอบทุจริต  และสิ่งที่น่าจะทำให้การเลือกมีปัญหาคือ การอนุมัติให้นำเอกสารที่เรียกว่า สว.3 เข้าคูหา หมายความว่าเอาโพยเข้าห้องสอบได้

แฉสารพัดการฮั้ว

“มีการซ้อมกาหมายเลขต่างๆ ในเซฟเฮาส์ก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือก สว. และนำเอกสารที่ซ้อมกาหมายเลขไว้เข้าคูหาด้วย ไปดูกล้องวงจรปิดได้ทุกอำเภอว่ามีบุคคลนำเอกสารเข้าคูหา อย่าลืมว่าในอดีต กกต.เคยมีคดีหันคูหาให้สื่อมวลชนถ่ายวิดีโอมาแล้ว ดังนั้นผมคิดว่ากระบวนการเลือก สว.ขั้นที่ 1 น่าจะมีปัญหา ส่วนบุคคลที่รับจ้างมาหายไปแล้วกว่า 2 หมื่นคน ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลที่เหลืออยู่จะฮั้วหมด อาจมีหลุดรอดออกมาได้ ดังนั้นต้องจับตาต่อในการเลือกระดับจังหวัด ซึ่งจะปรากฏเห็นชัดขึ้นว่าจะฮั้วบล็อกโหวตหรือไม่ ซึ่งตรงนี้กลุ่มการเมืองและกลุ่มที่จัดตั้งเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ และเมื่อถึงระดับประเทศก็จะถึงบางอ้อเองว่าคนที่ได้ สว.มาอย่างไร” นายสมชายกล่าว

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีหลักฐานการนำโพยเข้าคูหา ได้มาอย่างไร นายสมชายกล่าวว่า มีคนส่งตัวอย่างมาให้ดูว่าเขาไปซ้อมกันที่ไหน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับ กกต.ที่มีหน่วยสืบสวนสอบสวนทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบว่าจุดอ่อน คือ ไม่พบว่ามีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ และปล่อยให้เข้ามา มีการขนคนเก็บบัตรประชาชน ออกใบรับรองแพทย์โดยที่ไม่ได้ตรวจหรือไม่ บางจังหวัดในภาคอีสานมีการจัดเลี้ยงก่อนลงสมัคร ซึ่งเรื่องนี้มีการส่งให้ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว และร้องมาที่ผมด้วยว่ามี สส. 2 คนได้จัดงานเลี้ยงผู้สมัคร สว. ซึ่งทราบว่าเป็น สส.พรรคการเมืองใหญ่ เพราะถ้าไม่ใหญ่ไม่กล้าทำ หากเรื่องนี้ประธานรัฐสภาเอาจริงในการตรวจสอบ ก็จะนำไปสู่การผิดจริยธรรมของ สส.และอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ 

 “เราคงไปเบรกการกระทำอะไรไม่ได้ เรามีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจไป ใครทำทุจริตวันหน้าก็ต้องรับคดีความไป และคงเห็นภาพชัดเจนว่าการเลือก สว.ที่เราประสงค์จะทำให้มี สว.ที่ดีทั้ง 20 กลุ่ม เกิดโมฆียะตั้งแต่ต้นแล้ว และเชื่อว่าไปต่อยาก ซึ่งถ้า กกต.ทำหน้าที่ของตัวเองสัก 90% ก็เจอแล้ว ขนาดผมทำหน้าที่ กมธ.ยังเจอเลย แต่ กกต.แถลงแค่ว่าเรียบร้อย เรียบร้อยใคร เรียบร้อยโรงเรียนวัวเท่านั้น” นายสมชายระบุ 

ส่วนนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า มีการพูดถึงเรื่องการฮั้วในการเลือก สว. แต่การเสนอความเห็นต่างๆ ต้องไม่ให้คุณ ให้โทษผู้สมัคร เราจึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ จะเห็นว่า กมธ.ไม่ได้ติดตามหรือยุ่งเกี่ยว เพราะถือว่ากฎหมายห้ามไว้ แต่ใน กมธ.ได้หารือกัน ถ้าสิ่งใดเป็นเรื่องผิดกฎหมาย  กกต.ต้องลงโทษผู้กระทำความผิด เพื่อให้การเลือก สว.สุจริตและเที่ยงธรรม

ถามว่า การเลือก สว.ระดับอำเภอมีแต่คนเด่นคนดังเข้ารอบ นายเสรีกล่าวว่า ถูกต้องแล้วที่มีแต่คนเด่นคนดังเข้ารอบมา เพราะการเลือกให้ใครมาลงคะแนนให้ใคร คนที่ได้ประโยชน์มากหรือมีโอกาสมีสิทธิ์ก็คนดัง เพราะคนเหล่านี้เป็นที่รู้จัก ทำคุณงามความดีและประโยชน์ต่อสังคมมาก่อน ทำให้คนเชื่อถือ จึงได้รับเลือกเข้ามา เป็นเรื่องปกติ  จะบอกว่าชาวบ้านไม่มีโอกาส ชาวบ้านก็ต้องไปสร้างคุณงามความดีให้เป็นที่ประจักษ์เสียก่อน แล้วต่อไปมาลงอีกก็ทำได้ ขณะเดียวกันคนดังหลายคนก็ไม่ผ่านเช่นกัน ฉะนั้นจึงมีทั้งคนดังและไม่ดังบ้างปนกันเข้ารอบมา

เมื่อถามถึงการเลือก สว.ครั้งนี้อาจมีอุบัติเหตุจนไม่อาจประกาศรับรองได้ตามที่กำหนดไว้ นายเสรีกล่าวว่า อุบัติเหตุมีอยู่เรื่องเดียวคือ การเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎหมายเกี่ยวกับการเลือก สว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่            

สำหรับกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัยประเด็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จำนวน 4 มาตรา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่นั้น นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวสั้นๆ ว่า ได้ลงนามในการจัดส่งเอกสารชี้แจงถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คาดว่าจะส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 10 มิถุนายน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง