‘นิด’ป้อง‘แม้ว’เชื่อพรรคร่วมเข้าใจ

“เศรษฐา” เชื่อ “ทักษิณ”  พูดเรื่องความขัดแย้งเหตุเป็นห่วงบ้านเมืองไม่ใช่ปลุกปั่น เลี่ยงตอบพูดถึง “คนบ้านป่า” อาจทำพรรคร่วมฯ ขุ่นใจ ปัดมีอำนาจเชิงซ้อน ลั่นตนเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จเป็นคนเซ็นทุกอย่าง “อนุสรณ์” อวย “ทักษิณ” คือนายกฯ ในตำนาน วอนทุกฝ่ายช่วยหนุน ปชต. ไม่ป่วนล้มกระดาน  "หมอวรงค์" ปูดล็อบบี้อดีต ปธ.ศาลฎีกา-อดีต อสส. ขอให้ได้ประกันคดี ม.112 "เทพไท" ซัด น.ช.ทักษิณเริ่มหางโผล่ ยิงหมัดตรงใส่กลุ่มอนุรักษนิยม เหตุเชื่อมั่นในอำนาจตัวเองกำลังท็อปฟอร์ม นายกฯ  เสร็จภารกิจเดินสายเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ชาวบ้านยกป้ายเชียร์คึกคัก

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.ปาน จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกฯ พูดถึงเรื่องความขัดแย้ง ซึ่งนักวิชาการบางคนมองว่าเป็นเรื่องของการปลุกปั่นว่า ไม่ได้มองเป็นลักษณะของการปลุกปั่น แต่เชื่อว่าแต่ละคนมีหลักความคิดและวิธีคิดแตกต่างกันไป และเชื่อว่านายทักษิณ หรือหลายๆ ท่านที่ออกมาให้ข่าวในช่วงหลังนี้ เชื่อว่าทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง แต่วิธีการพูดวิธีการตักเตือนก็มีหลายๆ วิธีที่แตกต่างกัน ในหน้าที่ของฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่รับฟัง และอะไรที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ หรือสถานการณ์โดยรวมของประเทศ ก็เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องรับไปพิจารณา รับไปปฏิบัติ

เมื่อถามว่า ดูเหมือนจะกระทบชิ่งไปทางพรรคร่วมรัฐบาลด้วย จะกระทบต่อเสถียรภาพต่อพรรคร่วมฯ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คนอยู่ด้วยกันก็มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็มีหน้าที่ประสานใจ หากมีเรื่องข้องใจก็มานั่งพูดคุยกัน ซึ่งตนก็พยายามที่จะต้องมีการพูดคุยกันกับทุกพรรคร่วมฯ ยู่แล้ว

ถามอีกว่า เรื่องทางการเมืองจะท้าทายกับการทำงานของนายกฯ จนทำให้การทำงานสะดุดลงไปหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า สองคำถามคือท้าทายกับสะดุดหรือไม่ ท้าทายแน่นอน และที่ถามว่าเป็นห่วงไหม ก็เป็นห่วง แต่สะดุดไหม ตนว่าไม่สะดุด เพราะเชื่อว่าแรงบันดาลใจจากพี่น้องประชาชนยังไม่มีความสุขพอ เป็นแรงบันดาลใจที่ผู้บริหารทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกคนอยากเห็นความสุขอยู่ในชีวิตของประชาชน ฉะนั้นท้าทาย แต่ไม่สะดุด

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ บางคนมองว่าช่วยดึงมวลชน แต่บางมุมมองว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยด้วย นายเศรษฐากล่าวว่า ในฐานะนายกฯ ได้พยายามทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ข้อแนะนำต่างๆ บางทีสื่อมวลชนก็แนะนำแรง บางคนพูดจาไพเราะ แต่เราอย่าไปดู วิธีการนำเสนอมานี้มันรุนแรงเสียดทาน ก้าวร้าว เรามองถึงเจตนารมณ์ดีกว่า เชื่อว่าทุกท่านไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนอยากให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ แต่ทุกคนมีวิธีการทำงานที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายแตกต่างกันไป ตนก็พยายามมองให้เป็นบวกดีกว่า

เมื่อถามว่า ก่อนที่สภาจะเปิดตรงนี้จะมีการเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยกันหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีการคุยมาตลอด และจะคุยต่อไป และในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ก็จะมีโอกาสได้เจอหลายท่านในพรรคร่วมรัฐบาล

ถามว่า บางฝ่ายในพรรคร่วมรัฐบาลแคลงใจอาจไม่อยากให้เกิดการขุ่นใจ เพราะนายทักษิณได้พูดทำนองถึงคนในบ้านป่าทำให้เกิดความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่มีการพูดคุยหรือสนทนากัน โดยเฉพาะเรื่องที่พูดไปแล้วถ้ามีทางออกทุกฝ่ายมากกว่า และทางออกทุกฝ่ายคือปัญหาของพี่น้องประชาชน และการเมืองไม่ทำให้เกิดความบั่นทอน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากใช้คำว่าคาดหวัง แต่เมื่อเกิดขึ้นมาเราก็ต้องพร้อมที่จะรับมือตรงนี้

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในลักษณะอำนาจเชิงซ้อนระหว่างนายทักษิณกับนายกฯ มีผลต่อสายตานักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่พูดว่าอำนาจเชิงซ้อนมีหรือไม่มีก็แล้วกัน อันนี้ก็แล้วแต่จะไปคิดกันเอง แต่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตน และตนเป็นคนเซ็นทุกอย่างที่ลงนาม ผิดหรือถูกตนเป็นคนรับทำ แต่แน่นอนตนบอกมาโดยตลอด เจออดีตนายกฯ ท่านไหนก็จะเข้าไปหา ถ้ามีอะไรที่จะแนะนำก็น้อมรับ ไม่ใช่อดีตนายกฯ อย่างเดียว อดีตนักการเมือง เพื่อนนักธุรกิจ หรือประชาชนที่ตนได้ลงพื้นที่มาตลอด 3 วัน ตนก็มารับฟังตลอด เพราะฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่าอย่าใช้คำว่าอำนาจซ้อนจะดีกว่า เราใช้คำว่ารัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นจากทุกๆ ฝ่ายดีกว่า

ยังยิ้มได้แต่บางทีก็กัดฟัน

ถามว่า ต่างชาติมีการตั้งคำถามในแง่นี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็มีครับ ยอมรับว่ามี ซึ่งก็เป็นธรรมดา แต่บทพิสูจน์ในการที่ตนเข้ามาประมาณ 9-10 เดือนนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริงๆ แล้วการทำงานมีอิสรภาพส่วนหนึ่ง และการที่เรารับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนมันไม่ใช่แค่อดีตนายกฯ หรือพรรคของเรา  หรือพรรคร่วม หรือพรรคฝ่ายค้าน หรือสื่อมวลชน หรือพรรคพวกที่ไม่เห็นด้วยก็ตามที เชื่อว่าเราเอาทุกประเด็นเข้ามาวิเคราะห์กัน อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่เห็นว่าเป็นคำติชมหรือเป็นคำเสนอแนะที่เหมาะสม ตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติ และพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาเพื่อที่จะหาทางแก้ไขหาทางออกให้พี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า เห็นนายกฯ ยังยิ้มได้อยู่  นายเศรษฐายิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ครับ ยังยิ้มได้อยู่ครับ แต่บางทีก็กัดฟันเหมือนกัน”

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปเป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองนาคลูกชายของนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ว่านายทักษิณคือนายกฯ ในตำนาน ที่มีผลงานการสร้างนโยบาย เปลี่ยนแปลงประเทศเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ นำการพัฒนาและเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อป เอสเอ็มแอล  ประชาชนชาวปทุมธานีและจังหวัดใกล้เคียงจึงมาต้อนรับและให้กำลังใจกันอย่างเนืองแน่น วาทะทอง “ผมกลับมาแล้ว”  ของนายทักษิณ แสดงเจตนารมณ์ชัดว่าต้องการกลับมาในฐานะประชาชนคนธรรมดา ที่อยากเห็นประเทศชาติและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ

"บรรดานักวิเคราะห์จำเป็นทั้งหลายที่เคลื่อนไหวในลักษณะเป็นนายหน้าค้าความขัดแย้ง ที่วิเคราะห์การเมืองผิดเป็นส่วนใหญ่ ควรยุติได้แล้ว ได้เวลาก้าวข้ามความขัดแย้ง ถึงเวลาให้โอกาสประเทศชาติและประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสนับสนุนประชาธิปไตยให้เดินหน้า ไม่ปั่นป่วนหวังล้มกระดาน ทำประเทศเสียโอกาส" นายอนุสรณ์กล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ทักษิณนับวันจะยิ่งเลอะ ผมเข้าใจว่านักโทษอย่างนายทักษิณ นับวันจะยิ่งเลอะไปใหญ่ ไปพูดบนเวทีงานบวชว่า ที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี เพราะถูกยัดข้อหา แต่พระบรมราชโองการที่ออกมา ตนเองยอมรับผิด สำนึกผิด คดีความผิดตามมาตรา 112 ก็ไปอ้างผลไม้พิษจากการรัฐประหาร ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้ไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกาหลี ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงเอง เท่ากับว่าคุณกำลังกล่าวหาเบื้องสูง แต่ที่ย้อนแย้งมาก ก็คือการที่บอกจะทำประโยชน์ ตอบแทนประชาชน และยังกล้าที่บอกว่าจะตอบแทนพระเจ้าอยู่หัว ทั้งๆ ที่สิ่งที่ตนเองทำนั้น ทำตัวเหนือกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้ประเทศ

ปูดวิ่งเต้นให้ได้ประกันตัว

"ไม่รู้จะเรียกคนแบบนี้ คนที่พูดไปเรื่อย  พูดแบบไม่รับผิดชอบว่าอะไรดี แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีขบวนการวิ่งเต้น ผ่านอดีตประธานศาลฎีกาสองคน และอดีตอัยการสูงสุด 1 คน เพื่อให้เขาได้ประกันตัวในชั้นศาล ในความผิดตามมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ลองคิดดูละกันว่า คนที่เคยหนีประกันมาแล้ว สมควรยังได้ประกันตัวอีกหรือไม่ ดูซิว่าพลังถุงขนม ที่ใช้วิ่งเต้นจะทำงานได้หรือไม่ แต่โดยส่วนตัวผม ยังเชื่อมั่นในระบบของตุลาการ ถ้าให้ประกันตัว นักโทษที่เคยหนีประกัน อธิบายสังคมยาก" นพ.วรงค์ระบุ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันที่ 18 มิถุนายน 2567 อัยการนัดคุณทักษิณ ชินวัตร คดี ม.112  คดีสำคัญหากศาลให้ประกันตัว ปกติศาลจะมีคำสั่งห้ามจำเลย เดินทางออกนอกประเทศด้วย ตอนนี้ ลุ้นอย่างเดียวว่าศาลจะตีกำไลข้อเท้า (em) คุณทักษิณหรือเปล่า

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในงานบวชที่ จ.ปทุมธานี นับว่าเป็นสัญญาณของระบอบทักษิณที่ส่งถึงกลุ่มอนุรักษนิยมได้อย่างชัดเจน คือระบอบทักษิณกำลังคืนชีพ ได้กุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ ทำตัวเป็นบุคคลที่อยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีใครทำอะไรได้ พาดพิงดูถูกผู้ใหญ่ในบ้านป่ารอยต่อ เหมือนกับไม่เห็นความสำคัญ และไม่ให้ราคาคนกลุ่มนี้เลย ปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉยว่าไม่มีดีลการเมืองกับใคร โดยไม่รู้สึกเกรงใจคนที่ดีลด้วยกันเลย ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองได้กระทำความผิดอะไรไว้บ้าง

 “เป็นปรากฏการณ์ที่สื่อให้เห็นว่าคุณทักษิณมั่นใจในอำนาจทางการเมืองของตัวเอง เหมือนกับได้ยาดี หรือได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่ ดูเหมือนมั่นใจว่าสามารถควบคุมอำนาจรัฐได้เบ็ดเสร็จ รอดพ้นทุกคดี กำลังท็อปฟอร์ม หรือพาวเวอร์ฟูล เหมือนกับยุคระบอบทักษิณในอดีตอีกครั้ง” นายเทพไทกล่าว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า สำนึกทางการเมืองของทักษิณ พลิกเปลี่ยนไปมา หาจุดยืนมั่นคงไม่ได้ ถ้าได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชมว่าดี หากเสียประโยชน์กลับอ้างตัวตนเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้นจึงเป็นคนสองบุคลิกกลับกลอกไปมา เอาแน่เอานอนไม่ได้  เมื่อวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลควรตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนคนใดถูกใครข่มขู่ และต้องดำเนินคดีกับผู้มาข่มขู่ให้ยัดข้อหาหมิ่น ม.112 ด้วย ถ้าทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตย และรังเกียจต้นไม้พิษและผลไม้พิษแล้ว มายอมรับเสียง สว. 152 เสียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่ยึดอำนาจทำไม การถวายฎีกาในหลวงยังยอมรับกระทำความผิดจริงทำไม บอกสำนึกผิดเพียงต้องการได้พระราชทานอภัยลดโทษเท่านั้นเหรอ

"ทักษิณจะไปพบอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาลคดี ม.112 ถ้ามาจริงต้องลุ้นจะได้ประกันตัวหรือไม่ แต่การพูดเช่นนี้ของทักษิณเคยพลิกเปลี่ยนมาแล้วเมื่อครั้งไปนครราชสีมาว่าจะไปพบอัยการเมื่อ 29 พ.ค. แต่กลับคำอ้างป่วยโควิด ไม่ได้ไปตามนัด ดังนั้นคำพูดจะไปพบอัยการวันที่ 18 มิ.ย. จึงเป็นการพูดทางการเมืองต่อหน้าประชาชนจำนวนมากมารอรับเท่านั้น ต้องวัดใจกันว่าจะไปจริงหรือไม่ และถ้าจริงแล้วจะได้ประกันหรือไม่" นายจตุพร กล่าว

ชาวบ้านยกป้ายเชียร์นายกฯ

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่ จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน เยี่ยมชมโรงพยาบาลช้าง การสาธิตการทำสมุนไพรบำรุงกำลังช้าง และการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์จากมูลช้าง ที่โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง, นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าฯ ลำปาง ร่วมคณะ

เมื่อมาถึงทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้นำช้าง 8 เชือกมาต้อนรับนายกฯ โดยนายกฯ ได้ให้อาหาร เช่น กล้วย อ้อย ฟักทอง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนรักนายกเศรษฐา สวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความ “รักนายกเศรษฐา” พร้อมสกรีนลายเซ็นนายกฯ มาร่วมต้อนรับนายกฯ ด้วย โดยช่วงหนึ่งได้ตะโกน "รักนายกฯ เศรษฐา"

เวลา 11.20 น. ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง นายเศรษฐา กราบพระประธานในพระอุโบสถ ก่อนกราบนมัสการและสนทนาธรรมกับพระครูพิธานนพกิจ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุลำปางหลวง รองเจ้าคณะอำเภอเกาะคา เจ้าอาวาส ได้มอบองค์พระธาตุจำลองลำปางหลวงซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีฉลู ตามความเชื่อของชาวล้านนา พร้อมเหรียญพระแก้วมรกตดอนเต้า ซึ่งถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง และพระรอดลำปางหลวงให้กับนายกฯ ก่อนที่เจ้าอาวาสจะให้พรนายกฯ ประสบความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดิน

จากนั้นนายเศรษฐาพร้อมคณะเยี่ยมชมร้านข้าวแต๋นทวีพรรณ โดยมีนายชาญยุทธ อินทร์พรหม เจ้าของร้าน พร้อมบิดาและมารดาคือ นายทวีวรรณ อินทร์พรหม อายุ 85 ปี และนางพรรณี อินทร์พรหม อายุ 79 ปี รอให้การต้อนรับ พร้อมมีประชาชนมาถือป้ายต้อนรับ มอบดอกกุหลาบ และตะโกนว่า “ลำปางยินดีต้อนรับ” และเยี่ยมชมการสาธิตขั้นตอนการทำข้าวแต๋นน้ำแตงโม ก่อนที่จะชิมข้าวแต๋นรสชาติต่างๆ

ต่อมาเดินทางมาร้านครัวเนื้อหอม รับประทานอาหารกลางวันและโพสต์ข้อความว่า ร้านครัวเนื้อหอมเพิ่งคว้าแชมป์ World Kaphrao Thailand Grand Prix 2023 มาหมาดๆ ถือเป็นผัดกะเพราที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย

จากนั้น เวลา 14.40 น. นายกฯ เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชนของหมู่บ้านแจ้ซ้อน ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.ปาน จ.ลำปาง เมื่อเดินทางถึงได้มีประชาชนมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจ พร้อมผูกผ้าขาวม้าและชูป้ายต้อนรับ  โดยมีข้อความ อาทิ มวลชนพี่น้องชาวแจ้ห่มเป็นกำลังใจให้นายกฯ, ชาวแจ้ห่มรักและศรัทธานายกฯ ในดวงใจ, ฮักแต้หนานายกฯ เศรษฐา, เป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯ จากนั้นนายกฯ ถ่ายรูปหน้าป้ายลานน้ำพุร้อน ก่อนเดินไปต้มไข่ที่บ่อน้ำร้อน โดยจุ่มชะลอมแขวนลงในบ่อ และเดินเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์โอท็อป

หลังจากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง ว่าสรุปการลงพื้นที่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็เป็นการเปิดเมืองที่น่าท่องเที่ยว ถือเป็นจุดสำคัญของเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยเรามาเปิดตัวที่ จ.เชียงใหม่ รัฐบาลพร้อมยกระดับตั้งแต่ต้นน้ำและปลายน้ำ ปัญหาทุกพื้นที่เราจะมีข้อแก้ไข ไม่ใช่แค่มาโปรโมตเฉยๆ  อย่างเช่นสถานที่นี้การไปมาหาสู่ก็อาจจะลำบาก แต่เชื่อว่าถ้ามาแล้วจะคุ้มค่า มาครั้งนี้ได้เนื้องานครบ

นายกฯ กล่าวว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่ใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวประเทศไทย เราจะคิกออฟไตรมาส 4 ที่ จ.เชียงใหม่ ให้มีการจัดอีเวนต์ทุกสัปดาห์ ซึ่งจังหวัดข้างเคียงก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าฯ ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ว่าควรจะต้องมีกิจกรรมเสริมทุกจังหวัด เพื่อที่คนจะมาท่องเที่ยวจะได้อยู่นานๆ มาจับจ่ายใช้สอยและกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป