"สุดารัตน์" ประกาศลั่น ถ้าได้เป็นนายกฯ จะแจกคนแก่เดือนละ 3 พันทันที ยันไม่ใช่ทั้งประชารัฐและประชานิยม ที่คิดแค่แจกเงินแบบสูญเปล่า "ดร.แรมโบ้" ตอกยับ! ลืมไปว่าเคยร่วมกับรัฐบาลโกงที่ผู้นำหนีไปต่างประเทศ ถามถ้าทำได้ตอนเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ เลิกใช้วิธีเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย แสดงความไม่พอใจกรณีนายกรัฐมนตรีสั่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ตรวจสอบนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ของพรรคไทยสร้างไทย ว่าผิดกฎหมายหรือไม่
โดยเธอแสดงความเห็นผ่านโซเชียลว่า เมื่อวานลงพื้นที่ หาเตียงให้ชาวบ้านที่ติดโควิดวุ่นทั้งวันค่ะ ดิฉันไม่ได้ Work From Home นะจ๊ะ!! เลยไม่เห็นข่าว
“ดิฉันยืนยันได้เลยค่ะว่า ถ้าไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันทำได้แน่นอนทันทีค่ะ นายกประยุทธ์ลาออกสิคะ ดิฉันจะทำให้ดู”
เมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศไทยจะเดินหน้าสู่ประเทศที่เป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มขั้น เราจะปล่อยให้ประเทศมีแต่ผู้สูงวัยที่ยากจน และอ่อนแอ สุขภาพไม่แข็งแรงไม่ได้ค่ะ เพราะจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า นโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3 พันบาท ของพรรคไทยสร้างไทย จึงมิใช่เป็นโครงการประชารัฐ หรือประชานิยม ที่คิดแค่แจกเงินแบบสูญเปล่า ไม่ส่งผลให้เกิดการสร้างสุขภาพดีให้กับผู้สูงวัย รวมทั้งการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับผู้สูงวัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรไทย
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่สุดคุณหญิงสุดารัตน์ได้แสดงธาตุแท้ออกมาจนได้ว่าอยากเป็นรัฐบาล อยากเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองรองจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เต็มประดา จนลืมไปว่าจุดจบของอดีตนายกฯ หญิงคนแรกเป็นอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์คงลืมไปว่าตัวเองเคยร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดี จนระหกระเหินในต่างประเทศนานนับปี ร้องขออยากกลับแผ่นดินเกิดในประเทศไทยใจจะขาดมาแล้ว และคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นผู้ร่วมคนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนคนไทยและประเทศไทยล่มจมมาแล้ว มาครั้งนี้มาแก้ตัวใหม่ สร้างพรรคใหม่ของตัวเองหลังจากไม่ลงรอยกับนายเก่า แต่ก็ยังยึดนโยบายประชานิยมของนายเก่ามาเรียกคะแนนสงสารจากประชาชนอยู่ดี
"หากคุณหญิงสุดารัตน์คิดว่าการให้เงินบำนาญผู้สูงอายุดีจริง ทำไมในช่วงที่เป็นรัฐบาลจึงไม่คิดทำ ถ้าคิดว่าทำได้จริง ไม่มีปัญหาหรือไม่เป็นภาระต่องบประมาณประเทศ อย่าสักแต่ว่าได้พูดๆ ไปโดยไม่คิดถึงผลเสียที่มันจะตามมา การให้เงินมากๆ กับประชาชนหรือผู้สูงอายุอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์โฆษณาหาเสียง ใครๆ ก็ต้องการทั้งนั้น แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมานาน เป็นอดีตรัฐมนตรีมาแล้ว ก็น่าจะรู้ดีว่ามันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือไม่ หรือคุณหญิงจะใช้วิธีกู้เงินมาอีก มาสร้างภาระให้ประชาชนที่เกิดมาก็ต้องเป็นหนี้เหมือนในสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่กู้เงินมาทำนโยบายประชานิยม จนทำให้รัฐบาลที่รับช่วงมาต้องมาตามล้างตามเช็ดให้"
นายเสกสกลกล่าวว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุ ได้รับเงินเบี้ยคนชราตามเกณฑ์อัตราอายุ คือ 60 ปี 600, อายุ 70 ปี 700, อายุ 80 ปี 800 และอายุ 90 ปี ได้รับ 1,000 ตลอดไป และในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจ่ายเงินเพื่อเป็นการเยียวยาประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อายุเท่านั้น เพราะนายกฯ เห็นถึงความยากลำบากและความเดือดร้อนของประชาชน ประชาชนเขารู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว เลิกใช้วิธีเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว ไม่เช่นนั้นมันจะเข้าตัวจนหมดอนาคตทางการเมืองครั้งสุดท้ายของคุณหญิงจนสิ้นอนาคตทางการเมืองได้
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังแนวนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เพราะนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทนั้น เหมือนเป็นนโยบายทิพย์ ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ยาก น่าจะส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินจะดีกว่า ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยมีคนเสนอเข้ามาที่กระทรวงการคลังหลายครั้ง แต่โดยหลักการแล้ว การให้เงินบำนาญประชาชนทุกคน 3,000 บาทนั้นทำไม่ได้ และไม่ควรทำ เพราะจะสร้างภาระต่องบประมาณรัฐอย่างมหาศาล เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว
ขณะที่การเลือกตั้งซ่อม เขตเลือกตั้งที่ 9 กทม. เริ่มคึกคักขึ้น หลายพรรคการเมืองออกหาเสียงกันถี่ยิบ
เมื่อช่วงเช้าถึงเที่ยงวันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานประสานงานของนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ที่ผู้สมัคร ส.ส.หลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่-จตุจักร นำกระเช้าผลไม้ ดอกไม้ มาให้กำลังใจนางสรัลรัศมิ์และนายสิระจำนวนมาก พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมานายสิระและนางสรัลรัศมิ์ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่ฉีดยุง ฉีดพิษสุนัขบ้า แต่ยังให้การอุปการะเด็กในชุมชนหลายคนที่ครอบครัวขาดรายได้ รวมถึงพาชาวบ้านให้รอดตายจากโควิด-19 ก็ได้ครอบครัวเจนจาคะที่เป็นที่พึ่งพามาโดยตลอด นายสิระ และมาดามหลี จึงไม่ใช่เป็นเพียง ส.ส. แต่เป็นเหมือนคนในครอบครัวของพวกเรา
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคกล้า กล่าวว่า หากตนเองแพ้ก็ย่อมมีผลสะเทือนใหญ่ในทางการเมือง แต่ก็หนีไม่ได้ ด้วยความที่เราเป็นพรรคกล้า มีความบ้าบิ่นอยู่พอสมควร จึงต้องมีความกล้า และคิดอยู่อย่างเดียวว่า เราต้องเสนอตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ต้องทำให้เราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่หลักสี่และจตุจักร
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม 3 เขตทั้ง กทม. ชุมพร และสงขลา ว่าพูดตามตรง โอกาสสูงสุดอยู่ที่การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่กทม. ขณะที่พื้นที่ จ.ชุมพรกำลังลุ้นอย่างสูสีระหว่าง 3 พรรคคือ พรรคกล้า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่ จ.สงขลา ถือว่ากระแสตอบรับเราดีมาก
"แต่เป็นที่ทราบกัน ในปัจจุบัน จ.สงขลาเป็นการแข่งขันกันในอีกมิติหนึ่ง ที่ทำให้พรรคเราที่ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีการซื้อเสียง ทำงานยากมาก" หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว
พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ หรืออดีตผู้กำกับหนุ่ย ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ชุมพร พรรคกล้า เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 7 ม.ค. มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถแห่หาเสียงของตนที่ถนนเส้นชุมพร-ระนอง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ก่อกวนทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกป้ายหาเสียงถูกทำลาย ส่วนครั้งนี้มีการใช้อาวุธปืน ไม่คิดว่ายุคสมัยนี้จะยังมีใช้วิธีสกปรกอยู่ ยืนยันยังมีกำลังใจดี และพร้อมสู้เต็มที่เดินหน้าหาเสียงจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบปลอกกระสุน 9 มม.ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะดำเนินการสืบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป
ด้านนายกมลรัตน์ พรหมสุวรรณ ผู้ขับรถแห่รับจ้าง เปิดเผยว่า ระหว่างขับรถแห่ผ่านโรงพยาบาลค่ายเขตอุดมศักดิ์ มณฑลทหารบกที่ 44 บนถนนเส้นชุมพร-ระนอง เวลาประมาณ 14.30 น. ได้มีคนร้ายสวมชุดสีดำ สะพายเป้ ขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ตนจำนวน 3 นัด เคราะห์ดี กระสุนพลาดเป้าไปโดนรถทั้ง 3 นัด
ที่กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค อาทิ นายรังสิมันต์ โรม, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ลงพื้นที่หาเสียงให้กับนายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 จ.สงขลา พรรคก้าวไกล โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยและพบปะครอบครัวทหารในค่าย บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีนายทหารทั้งระดับชั้นประทวนและสัญญาบัตรร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก
นายพิธากล่าวช่วงหนึ่งว่า อยากเริ่มในสิ่งที่กองทัพและประชาชนคนไทยอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวคิดของพรรคก้าวไกลที่มีต่อกองทัพ ขอยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรค เราต้องการอยู่เคียงข้างกองทัพ หากแต่ต้องเป็นกองทัพที่ทันสมัยในศตวรรษที่ 21 คือกองทัพที่อยู่คู่กับประชาธิปไตยอย่างคู่ขนาน ไม่ได้ทับเส้นซึ่งกันและกัน ต้องการสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับทหารชั้นผู้น้อย เพื่อให้มีครอบครัวที่มั่นคงและเข้มแข็ง มีพลังปกป้องและเป็นรั้วของชาติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า
ฮือ! ขวาง ‘โต้ง’ ยึดธปท.
นักวิชาการ-กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ย้ำหากฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นบอร์ด ธปท. สุ่มเสี่ยงเกิดการกินรวบ เป็นหายนะต่อประเทศ “กองทัพธรรม” ขยับล่าชื่อต้าน
ปลื้ม ‘UN’ ชม แจก ‘สัญชาติ’ ยันไม่มี ‘สีเทา’
รัฐบาลปลื้มยูเอ็น ยกย่องไทยยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โฆษกรัฐบาลยัน กลุ่มคนสีเทา หรือแรงงานต่างด้าว หรือผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ได้สัญชาติไทย เผยเหตุให้รวดเดียว 4.8 แสนคน
‘อิ๊งค์’ ส่งสัญญาณ! กวาดล้างพ่อค้ายา
“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำแผนปราบยา ตัดวงจร ฝึกอาชีพ ส่งสัญญาณกวาดล้างผู้ค้าในพื้นที่ระบาด ยึด อายัดทรัพย์ เอาผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
นพดลวอนหยุดปั่นเกาะกูด ‘คำนูณ’ แนะชั่งข้อ ‘ดี-เสีย’
“นพดล” ย้ำ “เกาะกูด” เป็นของไทย เอ็มโอยู 44 ไม่ได้ทำให้เสียดินแดน วอนเลิกบิดเบือนหวังผลการเมือง “คำนูณ” ชำแหละบันทึกความตกลง เป็นคุณกับกัมพูชามากกว่า
อดีตคนธปท.ต้านแทรกแซง
แรงต้านแทรกแซงแบงก์ชาติขยายวง อดีตพนักงาน ธปท.อีก 416 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึก ยกจรรยาบรรณประธานบอร์ดห้ามเอี่ยวการเมือง เรียกร้องคณะกรรมการสรรหาฯ