‘ทักษิณ’ :ผลไม้พิษ หยามคดีม.112ไม่เห็นมีอะไรเลยแค่ถูกยัดข้อหา18มิ.ย.เจอที่ศาล

ปทุมธานี ๐ เปิดหน้ารบต่อ! "ทักษิณ"    ควง "อิ๊งค์" ร่วมงานฉลองนาคลูก “นายกเบี้ยว” รัฐมนตรีแถวตรงรอรับเพียบ ยันไม่ไปตามนัดอัยการเพราะป่วยจริง ลั่น 18 มิ.ย.ไปศาลด้วยตัวเอง หยามไม่เห็นมีอะไรเลยคดีนี้ ตอนปฏิวัติยัดข้อหา แค่ผลไม้พิษรัฐประหาร มีการข่มขู่ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวน ปัดไม่มีดีลลับ มีแต่คนบ้านในป่าที่วุ่นวาย แชร์คลิปว่อนโซเชียล "วัฒนา อัศวเหม" ให้กำลังใจผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 8 มิถุนายน   2567 ที่ลานเทศบาลตำบลธัญบุรี (คลองเจ็ด) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี   นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานงานเลี้ยงฉลองบวช นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ (นายกเบี้ยว) นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมเดินทางไปด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ มีการจัดโต๊ะจีนกว่า 2,000  โต๊ะ ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ต่างพร้อมใจกันใส่เสื้อแดงมาร่วมงาน ทันทีที่นายทักษิณ และ น.ส.แพทองธารมาถึง ผู้มาร่วมงานต่างเข้าไปรุมล้อมขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

พร้อมกันนี้ภายในงานดังกล่าวยังมี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย,  นายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน, นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย, นายศุภชัย นพขำ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รอให้การต้อนรับ  ท่ามกลางประชาชนที่ต่างตะโกนเรารักทักษิณ ขอให้กำลังใจท่านนายกฯ ทักษิณครับ และมีการชูป้าย “ให้กำลังใจท่านนายกฯ ทักษิณครับ”, “ท่านนายกฯ ทักษิณสู้”

โดยนายทักษิณให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการป่วยโควิด-19 หลังไม่ได้เดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุดตามนัดหมายวันที่ 29 พ.ค.ว่า ตอนนี้หายป่วยแล้ว อาการรอบนี้ไม่ได้หนักเหมือนรอบแรก ส่วนใหญ่มีแค่ไข้นิดๆ แต่กลัวไปติดคนอื่น วันนั้นจึงให้ทนายรีบแจ้งไปยังอัยการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปตามนัดหมายอัยการสูงสุดที่นัดส่งฟ้องคดีวันที่ 18 มิ.ย.หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ถ้านัดมาก็ไป เพราะครั้งที่แล้วป่วย ครั้งแรกอัยการเลื่อนนัด ครั้งที่สองตนป่วย แต่วันที่ 18 มิ.ย.นี้ก็ไม่มีเหตุอะไร เมื่อถามย้ำว่าวันที่ 18 มิ.ย. จะเดินทางไปด้วยตัวเองใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก็แน่นอนสิ ส่วนจะต่อสู้คดีอย่างไรนั้น ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยคดีนี้  และคดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่าตอนปฏิวัติยัดข้อหาอย่างไร คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีมูลเลยแม้แต่นิดเดียว และพยายามที่จะนำไปตีความเพื่อให้มันมีมูล และเมื่อคนหนึ่งสั่งฟ้องคนอื่นก็ไม่กล้าที่จะสั่งไม่ฟ้อง    เลยสั่งฟ้อง ซึ่งไม่ใช่หลักกฎหมาย จริงๆแล้วไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า วันที่ 18 มิ.ย.นี้กังวลเรื่องจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “โอ๊ยไม่มีอะไรหรอก คดีแทบจะไม่มีมูล แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้ที่เป็นพิษ คือการทำคดีแต่ละข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้นที่มีการข่มขู่ ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา คดีไม่ควรเป็นคดี”

ถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณหนีออกนอกประเทศไปแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า จินตนาการเยอะไป หาว่า น.ส.แพทองธารพาตนออกไปสิงคโปร์ ปัดโธ่เอ๊ย เมื่อถามอีกว่ายืนยันจะไม่เดินทางออกไปนอกประเทศใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า อยากไปเที่ยว

มันต้องมีกติกา

ซักว่า การที่นายทักษิณไม่ได้เดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ทำให้ถูกเชื่อมโยงกับดีลการเมืองต่างๆ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่มี ผมไม่ได้ดีลกับใครเลย ดีลกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และย้ำว่าไม่เกี่ยวกับดีล ไม่มีอะไรเลย ไม่ไปตามนัด ไม่เกี่ยวจริงๆ หากจะมีคนวุ่นวายก็แถวบ้านในป่านั่นแหละ แต่ไม่เกี่ยวกับผม เกี่ยวกับรัฐบาล"

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คนในป่าที่ว่าหมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่รู้ มีใครบ้างอยู่ในป่า ผู้สื่อข่าวถึงตอบกลับไปว่า มีสองลุงเลย   นายทักษิณจึงกล่าวว่า ตนว่าบ้านเมืองถึงเวลาสงบได้แล้ว อีกอย่างสื่อมวลชนเรื่องการเมืองก็พยายามเบาๆ ลง บ้านเมืองจะได้เดินหน้า เพราะทุกวันนี้ปัญหาบ้านเมืองยากกว่าตอนที่ตนเป็นนายกฯ มันเละมานาน แม้ระบบราชการเองก็เปลี่ยนไปเยอะ อยากให้ช่วยกันทุกฝ่าย ยึดกติกาการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพราะทุกวันนี้ทุกคนพยายามคิดว่าถึงเวลาใครก็เป็นได้ มันต้องมีกติกา ใครอยากจะเป็นก็ต้องมีกติกา

ถามว่า เป็นการส่งสัญญาณอะไรให้คนในป่าหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่รู้ อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างนั้นแหละ” เมื่อถามอีกว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และ พล.อ.ประวิตรบ้างหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่ได้เจอเลย ไม่ได้เจอเลย”

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องที่ 40 สว.ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ นายทักษิณกล่าวว่า เมื่อส่งเรื่องไปแล้วศาลรับก็ต้องดูตั้งแต่เริ่มต้นว่า 40 คนนี้เป็นคนของใคร และเคลื่อนไหวเพื่ออะไร เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจะมีปัญหาต่อรัฐบาลหรือไม่  นายทักษิณกล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร เพราะรัฐบาลน่าจะตอบได้ คือจริงๆ แล้วกฎหมายโดยหลักการต้องดูว่าหากมีเจตนาไม่บริสุทธิ์จึงจะต้องถูกลงโทษ แต่หากมีเจตนาบริสุทธิ์โดยหลักกฎหมายแล้วก็ไม่มีปัญหา

ส่วนการเดินทางมาจังหวัดปทุมธานีวันนี้ คิดว่าจะได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ของตน นาคเป็นน้องชายของ สส.พรรคเพื่อไทย แล้วเขาเชิญ น.ส.แพทองธารและตนมา

'วัฒนา อัศวเหม' โผล่

วันเดียวกันนี้ มีการเผยแพร่คลิปผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นการปรากฏตัวของนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน  ที่หลบหนีหมายจับจนคดีหมดอายุความ 15 ปี ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นประเทศไทยหรือประเทศเพื่อนบ้าน

คลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 4 นาที โดยนายวัฒนากล่าวอวยพรนายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ที่จะไปสมัครเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ นายวัฒนากล่าวว่า "วันที่เลือกตั้งคุณสุนทร ก็จะมีผมเคียงข้างกับคุณสุนทรตลอด ได้เคียงคู่กับนายสุนทรมาตลอดตั้งแต่ปี 2518"

นายวัฒนาได้ถามย้ำผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงว่า นายสุนทรจะสมัครเป็นนายกอะไร ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงก็ได้ตอบกลับไปว่านายก อบจ.สมุทรปราการ นายวัฒนาจึงได้กล่าวต่อว่า เหตุที่ต้องถามเพราะผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงนั้นมีตั้งแต่นายกเทศบาล  นายกในหลายตำแหน่งเยอะมากมาย จึงต้องย้ำเรื่องว่านายสุนทรจะเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ และส่วนตัวก็ขอฝากฝังนายสุนทรไว้กับผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ด้วย

สำหรับนายวัฒนา อัศวเหม คือหนึ่งในจำเลยที่หลบหนีคำพิพากษาคดีทุจริต 2 คดี ตั้งแต่ปี 2552 ได้แก่ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกโฉนดที่ดินในอำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับบริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนาหลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี

ต่อมาวันที่ 13 ก.ค.2561 ศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวัฒนา กับพวกที่เป็นบริษัทเอกชน เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ตามเนื้อหาดังกล่าว

ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า จำเลยทั้ง 18 ราย มีความผิดตามฟ้องกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกนายวัฒนาเป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยอื่นจำคุกตั้งแต่ 3-6 ปี โดยนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 และศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว.