เงินเฟ้อกระฉูดรอบ13ด. ยังจับตาราคา‘พลังงาน’

“พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อ พ.ค.เพิ่มขึ้น 1.54% บวกต่อเนื่อง 2 เดือนติด สูงสุดในรอบ 13 เดือน เหตุค่าไฟเพิ่มขึ้นจากปีก่อนต่ำ รวมทั้งผักสดและไข่ไก่ขยับราคา คาด มิ.ย.เงินเฟ้อยังเพิ่มในอัตราที่ชะลอตัว โดยต้องลุ้นต่อเรื่องราคาพลังงาน “ทสท.-พท.” พาเหรดเคลมหวยเกษียณ

เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพฤษภาคม 2567 ว่าเท่ากับ 108.84 โดยเมื่อเทียบกับ เม.ย.2567 เพิ่มขึ้น 0.63% และเมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.2566 เพิ่มขึ้น 1.54% ซึ่งเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยมีสาเหตุสำคัญจากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน เพราะ พ.ค.2566 มีมาตรการลดค่าไฟ และราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้นตามราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสดและไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ส่วนสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และหากรวมเงินเฟ้อ 5 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) ลดลง 0.13%

สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อเดือน พ.ค.2567 ที่เพิ่มขึ้น 1.54% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.13% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญกลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด ผลไม้สด ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ และไข่เป็ด กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร มะนาว ปลาทู น้ำมันพืช และกระเทียม เป็นต้น

ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 1.84% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง กลุ่มเคหสถาน กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล กลุ่มยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ และมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ น้ำมันดีเซล ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว สบู่ถูตัว เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น      

นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.1% ชะลอตัวลงจากเดือน พ.ค.2567 เพราะผลกระทบจากฐานราคาต่ำของค่าไฟฟ้าลดลง และเดือน พ.ค. มีการต่ออายุมาตรการลดค่าไฟของครัวเรือนอีก 4 เดือน ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะผักสด มีแนวโน้มลดลง หลังสิ้นสุดสภาพอากาศร้อนจัดและเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดผ่านต้นทุนไปยังราคาขาย จากเศรษฐกิจที่อยู่ระดับต่ำ และมีการจัดโปรโมชันลดราคา

 “ต้องจับตาราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ ซึ่งปรับมาอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน และต้องดูว่าจะมีการปรับเพดานราคาอีกหรือไม่ เนื่องจากน้ำมันมีสัดส่วน 9% ในการคำนวณเงินเฟ้อ และยังมีความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตาม แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0-1.0% ค่ากลาง 0.5% เหมือนเดิม ซึ่งสอดคล้องกับหลายสำนักงานทางเศรษฐกิจที่ประเมินไว้” นายพูนพงษ์กล่าว

วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากนโยบายหวยเกษียณของรัฐบาล โดยนายชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า เป็นนโยบายที่ไม่ต่างจากนโยบายหวยบำเหน็จที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงและรณรงค์ตลอดการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะปัจจุบันไทยกำลังประสบปัญหาประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณ แต่ไร้เงินเก็บ และปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นภาระทางการคลัง โดยเฉพาะการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุที่นับวันจะยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และไม่ได้ผลตอบแทนหรือกำลังแรงงานที่จะช่วยกลับมาพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นกำลังซื้อและเป็นฐานภาษีใหม่ได้

นายชัชวาลกล่าวว่า ประกอบกับคนไทยกับหวยเป็นของคู่กัน มีคนไทยไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ หรือประมาณ 20 ล้านคน ที่ชอบเล่นหวย ไม่ว่าจะเป็นหวยบนดินหรือหวยใต้ดิน เงินสะพัดหมุนเวียนในแวดวงหวยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท/ต่อปี พรรคจึงไม่คัดค้านในหลักการที่กระทรวงการคลังได้นำวิธีคิดและรูปแบบนโยบายของเราไปใช้  แม้ผู้มีอำนาจจะมองเห็นปัญหาของสังคมผู้สูงวัยล่าช้าก็ตาม

 “พรรคไทยสร้างไทยโดยคุณหญิงสุดารัตน์ และทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ที่เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จริงคิดค้นนโยบายหวยบำเหน็จขึ้นมา และใช้ในการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการ เดินสายปราศรัยเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจะนำนโยบายที่เราได้คิดค้นอย่างดีแล้วไปใช้ พรรคไทยสร้างไทยไม่ขัดข้อง แต่ขอให้นำหลักการและนโยบายไปใช้อย่างถูกต้องด้วย” นายชัชวาลกล่าว

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเคลมเรื่องหวยเกษียณว่า ในข่าวมีอยู่ทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ก็ใช้ดุลยพินิจเอา ตนเองก็ฝ่ายนโยบายพรรคเพื่อไทย เป็นผู้คิดโดยตรง คุณหญิงสุดารัตน์เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ คนหนึ่ง แต่ไม่อยากเข้าไปยุ่งในความขัดแย้งนี้ ทุกอย่างมีความปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว แต่ละฝ่ายได้แสดงความเห็นแล้ว ให้สังคมเป็นคนตัดสินดีกว่า

เมื่อถามว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า รอดูตามกระบวนการ  จะเป็นไปได้หรือไม่ อยู่ที่กระบวนการทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง