“ทักษิณ” หายโควิด โผล่สปากลางกรุง จ่อร่วมงานบวชธัญบุรี “ภูมิธรรม” โต้ลั่น เลื่อนลอยนิรโทษฯ เอื้อ “แม้ว” ด้าน “รทสช.” ค้านเหมาเข่ง ม.112 “แก้วสรร” ถาม กมธ.แยกอย่างไร คดีไหนจูงใจทางการเมือง ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา “มงคลกิตติ์” ร่วมม็อบสามนิ้วล้มล้างปกครอง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษเด็ดขาดในคดีทุจริต ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ หายจากอาการป่วยโควิด-19 แล้ว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ขอเลื่อนการเข้าพบอัยการเพื่อฟังการสั่งคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ออกไปก่อน เนื่องจากมีอาการป่วย
“ผมหายแล้ว” นายทักษิณกล่าว ขณะผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีไปเจอที่ร้านสปาแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นการสยบข่าวลือที่ว่านายทักษิณหลบหนีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายทักษิณกล่าวกับนักข่าวของเอเอฟพีว่า ในเวลานี้ขอยังไม่พูดอะไรจะดีกว่า
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ในวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 17.30 น. นายทักษิณจะเดินทางไปเป็นประธานงานเลี้ยงฉลองบวชนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หลานชายนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่ลานเทศบาลตำบลธัญบุรี (คลองเจ็ด) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งเป็นที่น่าจับตาว่า จะเป็นการออกงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายหลังจากที่นายทักษิณเลื่อนวันรายงานตัวกรณีอัยการนัดฟังคำสั่งคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ติดโควิด-19
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 ภายในพรรคเพื่อได้พูดคุยกันหรือยังว่า ยังไม่ได้คุย เพราะเรามีจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ต้น หากจะคุยกันถึงกรณีมาตรา 112 ต้องเป็นฉันทานุมัติของคนในสังคมทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งใหม่ วันนี้เราคิดว่าผ่านจุดนั้นมาแล้ว หากสังคมเห็นว่าต้องปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ก็เสนอมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเอากระแสสังคมเป็นที่ตั้งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่กระแส ต้องเป็นฉันทานุมัติของคนในสังคม ถ้าทุกฝ่ายออกมาตอบรับกันได้หมดก็สามารถทำอะไรได้ง่าย ไม่ต้องไปจบที่กระบวนการให้ยุ่งยากมาก เมื่อถามย้ำว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยคือเอาหรือไม่เอา นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น เพราะเรามีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่ากรณีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะมีความเห็นต่างกันมาก หากมีฝ่ายที่อยากแก้ไขก็มีฝ่ายต่อต้าน ถ้าไม่แก้ก็มีฝ่ายที่ต่อต้าน ฉะนั้นถ้าทำวันนี้ก็ไม่แก้ปัญหา จึงขึ้นอยู่กับสังคมที่คิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาหรือไม่ ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
“วันนี้เราไม่ได้ค้านหรือปฏิเสธ ไม่ได้ตัดสินใจโดยเห็นต่างอะไร แต่เชื่อว่าสังคมรู้ว่าเรื่องนี้มีผลกระทบในการเลือกฝ่าย เรามีกระบวนการในการเลือกข้างจนทำให้บ้านเมืองเสียหายมาแล้ว อย่าเลือกทางนั้นเลย รัฐบาลเองพยายามเลือกทางที่ดีที่สุด ที่ไม่ต้องมีความขัดแย้ง” นายภูมิธรรมระบุ
เมื่อถามอีกว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยอาจเปิดช่องนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 เพื่อเอื้อคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรมปฏิเสธว่า มีแต่คนวิจารณ์ แต่อย่าไปสนใจการวิจารณ์ที่เลื่อนลอย ยังไม่เห็นตัวตน เห็นแต่คาดการณ์ ไม่แน่ใจว่าสื่อหรือใครคาดการณ์
รทสช.ค้านนิรโทษฯ เหมาเข่ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนหลายกลุ่มได้ยื่นข้อเรียกร้องคัดค้านการรวมคดีที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมอยู่ใน 25 เงื่อนไขแรงจูงใจทางการเมืองในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า การจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ประเทศออกจากความขัดแย้ง สร้างความปรองดองทุกฝ่ายถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเสนอให้รวมผู้ทำผิดคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย และย้ำจุดยืนมาโดยตลอด เพราะการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงความขัดแย้งความเห็นต่างทางการเมืองมีระหว่างกลุ่มประชาชนและมวลชนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด การที่จะนำคดีมาตรา 112 เข้ามารวมในคดีการเมืองด้วยนั้น เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแน่นอน มากกว่านั้น อาจส่งผลทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้นใหม่ด้วยซ้ำ
นายธนกรระบุว่า แม้ว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะยังไม่ได้สรุปออกมาว่าจะรวมคดีมาตรา 112 เข้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ตนจึงขอเรียกร้องให้ถอดการกระทำความผิดในคดีนี้ออกจากการพิจารณาว่ามาจากแรงจูงใจทางการเมืองทันที ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง หรือลังเลที่จะพิจารณากันหลายรอบ เพราะตามหลักการทางกฎหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว พร้อมกันนี้ สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุขของ รทสช. ที่ได้เสนอกฎหมายแนวทางสร้างสันติสุขความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ โดยไม่รวมคดีมาตรา 112 ที่ยื่นต่อสภาไว้แล้ว
รองหัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวว่า ยอมรับว่ามีขบวนการบางพรรคการเมืองต้องการที่จะดึงให้มายุ่งเกี่ยวกัน และยังปลุกมวลชนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้จนเกิดคดีถูกจับกุม โดยปกติคนทั่วไปไม่ได้มีปัญหากับมาตรา 112 เลย จึงขอเรียกร้องกลุ่มคน พรรคการเมืองบางพรรค หยุดบิดเบือนข้อมูลโน้มน้าวทำให้ประชาชนสับสนเสียที
ขณะที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เตรียมขอความคิดเห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพเรื่องการนิรโทษกรรม คดี ม.112 ว่า ยังไม่ทราบ และยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ส่วนจะต้องมีการหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นการภายในก่อนหรือไม่นั้น ปัจจุบันยังไม่มีอะไร และยังไม่มีใครพูดถึงกรณีนี้
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เขียนบทความเรื่อง "ม.112 : ความผิดทางการเมือง???" ในรูปถามตอบ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ถาม : มาปี พ.ศ.นี้ มีความขัดแย้งอะไรที่คิดจะนิรโทษฯ กันหรือครับ ตอบ : กลุ่มแรก เป็นความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ทั้ง นปช.ที่ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์, ที่ต่อต้านรัฐบาลชินวัตร ก็มีทั้ง พันธมิตรฯ และ กปปส. ความเคลื่อนไหวสามกลุ่มนี้มันยืดเยื้อ ไม่เกิดเป็นเหตุการณ์จลาจลชุลมุนที่ชัดเจนเหมือนในอดีตและผ่านมานานพอควรแล้ว มีทั้งชุมนุมยืดเยื้อ ยึดสถานที่ราชการ สนามบิน ขัดขวางการเลือกตั้งฯ การนิรโทษฯ ความเคลื่อนไหวต่อต้านขับไล่รัฐบาลแบบเป็นขบวนการชัดเจนยืดเยื้อข้างต้นนี้ ผมเห็นว่ามันเขียนเป็นเหตุการณ์ไม่ได้ ได้แต่บัญญัติเป็นช่วงเวลา และระบุว่าเป็น “ความผิดอันเกิดจากความเคลื่อนไหวต่อต้านหรือขับไล่รัฐบาล” แล้วนิรโทษฯ ให้ทั้งหมดโดยอาจจะยกเว้นกรณีที่เห็นกันว่ายกโทษให้ไม่ได้ เช่น การทำลายงานประชุมอาเซียน, การเผาบ้านเผาเมือง ก็ได้
นายแก้วสรรยังเขียนอีกว่า ถาม : อาจารย์เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมสามพวกนี้ใช่ไหม ตอบ : การต่อต้านทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลชินวัตร มันจบแล้ว วันนี้คิดแล้วพูดได้แล้วว่าเลิกกันนะ ถ้าสภาปัจจุบันอยากให้ลืม อยากให้เลิก ก็ทำได้ ผมไม่ค้าน ถาม : มาหลังยุค คสช. ที่เป็น Flash Mob นี่ละครับ มันมีชื่อเป็นกลุ่ม แต่หาตัวขบวนการ ตัวเจ้าภาพ เหมือน นปช., พันธมิตรฯ และ กปปส.ไม่ได้ จะนิรโทษฯ กันอย่างไร ตอบ : ถ้าคุณบอกว่าจบแล้ว เพราะวันนี้ไม่มี 3 ป.แล้ว อย่างนี้ก็รวมนิรโทษกรรมให้ได้ในทำนองเดียวกันกับ นปช., พันธมิตรฯ และ กปปส. เขียนรวมไปเลยว่า “บรรดาการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ปี 2549 จนปัจจุบัน” ให้นิรโทษฯ ทุกกลุ่มทุกความผิด เขียนไปเลยโดยไม่ต้องระบุเลยว่านิรโทษฯ ให้ความผิดใดบ้าง
“ถาม : เขียนอย่างนี้ ครอบคลุมถึงความผิด 112 ไหม? ตอบ : 112 ไม่เกี่ยวกับการต่อต้านขับไล่รัฐบาลเลย แม้กลุ่มเคลื่อนไหว ปิดสวิตช์ 3 ป.จะชุมนุมไล่ 3 ป. แล้วเกลียดในหลวงด้วยเลยด่าในหลวงด้วย เช่นนี้ ก้าวไกลก็จะมาตีเนียนขอนิรโทษฯ 112 แฝงเข้ามาด้วยไม่ได้ ถาม : ทักษิณก็ไม่ได้ ตอบ : ครับไม่เกี่ยวเลย มันเป็นการใส่ความด้วยพยาบาทในหลวงเป็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง ทางความคิด แม้แต่น้อย” บทความระบุ
ในบทความเขียนด้วยว่า ถาม : เห็นว่ารายงานของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ เขาเขียนว่าจะนิรโทษฯ ให้แก่ “การกระทำผิดที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง” ตั้งแต่ปี 2549 จนปัจจุบัน ในความผิดต่อไปนี้ แล้วในบัญชีนั้นมีความผิด 25 ฐาน ที่รวม 112 ไว้ด้วย ซึ่งตามข้อมูลแล้ว คดี 112 ในช่วงไล่ 3 ป.นี้ ก็มีกว่า 258 คดีเลย ตอบ : เขียนอย่างนี้ปวดหัวแน่ ข้างฝ่ายก้าวไกล ก็ต้องอธิบายว่า กลุ่ม “ทะลุวัง” ที่ด่าในหลวงนั้น เขามี “มูลเหตุจูงใจทางการเมือง” ที่ตรงไหน เพื่อไทย ก็ต้องอธิบายเช่นกันว่า ที่เจ้านายเขาใส่ความในหลวงนั้นมี “มูลเหตุจูงใจทางการเมือง” ที่ตรงไหน
ถาม : เขาบอกว่าไม่ต้องอธิบาย เพราะจะมีคณะกรรมการพิเศษที่สภาแต่งตั้งเป็นผู้วินิจฉัย ตอบ : ตอบให้ได้หน่อยสิครับว่า คนด่าในหลวงจนผิด 112 นี่ ดูยังไง ดูที่ตรงไหนว่าคนนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง คนไหนไม่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ถ้าสภาเองก็ยังตอบไม่ได้ แล้วจะโยนไปให้คณะกรรมการอะไรก็ไม่รู้ ได้อย่างไร ถาม : เห็นจานชูศักดิ์ พรรคเพื่อไทยเขาบอกว่า กรณีคุณทักษิณนี่ มองดีๆก็มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเหมือนกัน ตอบ : คุณมองว่าในหลวงอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง เมื่อทักษิณหรือทะลุวังพูดไป ก็ถือว่ามีเหตุจูงใจทางการเมือง นิรโทษฯ ได้อย่างนั้นหรือ
ตอนท้ายบทความระบุว่า ถาม : ก็จำเลยเขาเชื่ออย่างนั้นนี่ครับ ตอบ : แล้วคนออกกฎหมายก็เชื่ออย่างนั้นด้วยใช่ไหม ถ้าใช่ นี่ไม่ใช่กฎหมายนิรโทษฯ แล้ว เป็นกฎหมายกล่าวโทษกษัตริย์ ชัดเจนเลย ถาม : ข้าง นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.เพื่อไทย เขาบอกว่าควรนิรโทษฯ 112 เพื่อให้อนาคตแก่เด็กที่ทำผิด ตอบ : เด็กทำผิดนี่มีกฎหมายอาญากับศาลผ่อนปรนให้อยู่แล้ว ถ้าสงสารเด็ก สภาต้องไปแก้กฎหมายลดโทษจำคุกขั้นต่ำลงมา ศาลจะได้รอการลงโทษเด็กได้ง่ายขึ้น หรือจะเพิ่มโทษปรับเข้าไปอีกก็ยังได้ จะมาพูดอ้างเด็กแล้วตีเนียนนิรโทษฯ ลวงโลกกันแบบนี้ไม่ได้...หน้าบางๆ กว่านี้หน่อย
แจ้งข้อหา ‘เต้’ ร่วมม็อบสามนิ้ว
วันเดียวกัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีหนังสือส่งถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เพื่อแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการใต่สวน กรณีกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรมอย่างร้ายแรง กรณีได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563 และได้แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วอันเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งคณะกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและพิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนว่า ข้อกล่าวหามีมูลความผิด ฉะนั้นคณะกรรมการไต่สวนประสงค์จะแจ้งข้อกล่าวหาให้ท่านทราบ เพื่อให้โอกาสท่านชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จึงขอให้ท่านไปพบคณะกรรมการไต่สวน ในวันที่ 18 มิ.ย.2567 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หากจะชี้แจงข้อกล่าวหาก็มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานไปประกอบการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำทนายความ หรือบุคคลที่ท่านไว้วางใจไม่เกิน 3 คนเข้าฟังการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุยมาเฟียปราจีนฯ ไร้เงาคนสนิทโกทร
นายกฯ อิ๊งค์พร้อมนั่งหัวโต๊ะทีมเฉพาะกิจปราบมาเฟียตามบัญชาพ่อ
พท.ฝัน‘หน่อย’ ชิงอบจ.โคราช ในนามเพื่อไทย
“อนุทิน” ตอกย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ลงเล่นสนามท้องถิ่น เด็กเพื่อไทยยังหวัง
ตีปี๊บโลกยกย่องนายกฯ ‘แพทองธาร’ไปมาเลย์
“รมต.น้ำ” แห่ตีปี๊บ “ฟอร์บส์” จัดอันดับ “แพทองธาร” ติดอันดับ 29
เชื่อ2วัน‘น้ำท่วมใต้’ลดลง
นายกฯ กำชับ ศปช.เร่งบรรเทาน้ำท่วมใต้ 4 จังหวัดยังหนัก คาด 2 วันคลี่คลาย
อิ๊งค์แก้ต่างแทนพ่อ อ้างพูดให้พรรคร่วมช่วยกัน/อนุทินชี้ดรามาจบแล้ว
“อิ๊งค์” แจง "พ่อนายกฯ" พูดถึงพรรคร่วมในภาพกว้าง ต้องช่วยกัน
ดิเรกฤทธิ์ ชี้ปมชั้น 14 เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องถูกลงโทษ ทำผิดกฎหมาย
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีต ส.ว. โพสต์ข้อความ