เศรษฐาส่งคำชี้แจงให้ศาลรธน.แล้ว

ว่องไว! “เศรษฐา”   เซ็นคำชี้แจงต่อศาล รธน.แล้ว คาดส่งเร็ว  "เนติบริกร" ตรวจการบ้านเรียบร้อย ขณะที่ "ภูมิธรรม" ตอก "ชัยธวัช" พูดเอาหล่อไม่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย อย่าเพิ่งไปไกลเกินกว่าสถานการณ์ที่เป็นจริง

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี สว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ ว่า เข้าใจว่าครบกำหนดชี้แจงในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. แต่ตอนนี้คำชี้แจงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ ได้ตรวจคำชี้แจงแล้วหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้พูดคุยและแสดงความคิดเห็น

เมื่อถามว่า มั่นใจในคำชี้แจงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ไปก้าวล่วงตรงนี้ เพราะคำชี้แจงเสร็จแล้ว ต้องให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญ

ถามว่า จะส่งคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 มิ.ย.นี้เลยหรือไม่  นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มั่นใจจริงๆ อาจจะส่งในวันเดียวกันนี้ (7 มิ.ย.) เลยก็ได้  เพราะตอนเย็นวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาตนได้เซ็นไปแล้ว  

ด้านนายวิษณุเผยว่า ได้ดูแล้ว ซึ่งทางคณะทำงานเขาก็ได้ทำกันเสร็จเรียบร้อย แต่ไม่ทราบว่าส่งศาลวันไหน เพราะ 15 วันตามที่ศาลระบุจะตรงกับวันที่ 8 มิ.ย.   แต่เป็นวันเสาร์ซึ่งหยุดราชการ

วันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน  สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  ระบุว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยหากเกิดรัฐบาลข้ามขั้วว่า เป็นสิทธิของนายชัยธวัชและพรรคก้าวไกล แต่จริงๆ มันยังไปไม่ถึงขนาดนั้น

"อย่าเพิ่งไปไกลเกินกว่าสถานการณ์ที่เป็นจริง จะได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่ ยังไม่รู้ รอให้สถานการณ์เกิดขึ้นจริงแล้วค่อยออกความเห็น หากออกความเห็นแบบนี้มันเป็นประเด็นทางการเมือง ผมคิดว่าพูดให้หล่อพูดได้ ถือว่าเป็นสิทธิ แต่ควรรอให้สถานการณ์เกิดขึ้นจริงก่อน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสจะเกิดรัฐบาลพลิกขั้วหรือไม่ นายภูมิธรรมมั่นใจว่า การพลิกขั้วไม่เกิด อะไรยังไม่เกิดอย่าเพิ่งคิด พรรคก้าวไกลก็ไม่แน่ว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังไม่เกิดในสถานการณ์ที่เป็นอยู่        ถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่เชื่อในแผนล้มรัฐบาลใช่หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า สถานการณ์ยังไม่เกิด อย่าเพิ่งคิดไปไกล

    ซักว่ามีความกังวลหรือไม่ เพราะในช่วงเดือน มิ.ย.มีหลายคดีของรัฐบาลที่จะอยู่ในกระบวนการของศาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการของศาล รัฐบาลทำด้วยความสุจริต คิดว่าได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย ตอนนี้อำนาจอยู่ในดุลยพินิจของศาล รอให้ศาลใช้ดุลยพินิจพิจารณา

 เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าขบวนการล้มพรรคก้าวไกลเป็นฝีมือคนของพรรคเพื่อไทยหรือนายใหญ่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคำถามที่ไม่ควรถาม เพราะไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ ถามแบบนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับฟัง  ขอให้ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง

'เทพไท' ซูฮกก้าวไกล

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ก้าวไกล" ประกาศไม่จับมือ "เพื่อไทย" เป็นรัฐบาล มีแต่ได้กับได้ การที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศชัดว่า ถ้านายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสพลิกขั้ว พรรคก้าวไกลจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการประกาศท่าทีการเมืองที่ชัดเจนมาก เพราะการแสดงจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลดีต่อพรรคก้าวไกลหลายประการ คือ

1.เป็นการตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจน นับว่าเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกล ที่ไม่เคยตระบัดสัตย์ ซึ่งเป็นการกระทบชิ่งไปยังพรรคเพื่อไทย ที่ไม่รักษาสัญญาประชาคมตอนหาเสียงที่ให้ไว้กับประชาชน

2.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ทำให้เกมต่อรองอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มอนุรักษนิยมชัดเจนขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยไม่สามารถนำไปต่อรองกับกลุ่มอนุรักษนิยมได้ ถ้าดีลล่ม พรรคเพื่อไทยจะอ้างไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้

3.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ถ้าหากการเมืองถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ พรรคก้าวไกลมีความพร้อม และได้เปรียบมากกว่าพรรคการเมืองทุกพรรค เพราะการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคก้าวไกลใช้เงินทุนในการหาเสียงน้อยที่สุด ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นใช้เงินทุนมหาศาล ระดับหลัก 1,000 ล้านบาท ถึง 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อเสียง

4.กระแสทางการเมืองในตอนนี้ ถ้าประเมินจากผลโพลของสำนักต่างๆ พรรคก้าวไกลมีกระแสความนิยมสูงลิ่ว นำพรรคการเมืองอื่นหลายช่วงตัว ถ้าเลือกตั้งเร็วขึ้นเท่าไหร่ พรรคก้าวไกลได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น

5.ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกลจริง ถ้ามีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ขึ้นมา  คะแนนสงสาร คะแนนความเห็นใจที่ถูกรังแกทางการเมือง จะเทให้พรรคการเมืองใหม่ ที่มาจากพรรคก้าวไกลแบบแลนด์สไลด์

6.เป็นการตอบข้อสงสัยของสังคมที่เข้าใจว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ค้านไม่จริง แต่เป็นพรรคฝ่ายคอย เพื่อรอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มีดีลฮ่องกงกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อประกาศชัดเช่นนี้ เป็นการตอบคำถามกับข้อสงสัยกับสังคมได้ชัดเจน

"ผมคิดว่าแกนนำของพรรคก้าวไกลได้คิดอย่างรอบคอบแล้วว่า การประกาศจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล มีแต่ได้กับได้ เป็นการตอกย้ำการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจน ได้ประกาศเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป" นายเทพไทระบุ

เชื่อ 'เศรษฐา' ขอเลื่อน

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน กล่าวว่า มีประชาชนบอกว่า ทำไมการคาดการณ์วันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 12 มิ.ย.ถึงแม่นแบบนี้  และที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะแถลงการณ์แนวทางต่อสู้ของพรรคในวันที่ 9 มิ.ย.นั้น ไม่มีความจำเป็นแล้ว มันจบไปแล้ว เพราะคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค.นั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไปแล้วว่า การกระทำของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องจบภายในเดือนนี้แน่นอน ตนเชื่อว่า กกต.ได้ส่งรายชื่อ สส.ของพรรคก้าวไกลทั้ง 44 คนที่เซ็นชื่อยื่นแก้ไขมาตรา 112 เรื่องนี้ต้องมีผลในการวินิจฉัยประเด็นนี้แน่นอน รอติดตามชมอย่างใกล้ชิด

เขาเชื่อว่า ในวันที่ 10 มิ.ย. นายเศรษฐาจะเลื่อนเข้าชี้แจงกับศาล เพราะรอต่อดีล ซึ่งทุกวันนี้จะเห็นได้ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เก็บตัวเงียบไปเลย ไม่ปรากฏตัว ไม่อะไรทั้งสิ้น ตนถึงบอกว่าวันนี้เรามองข้ามช็อตไป  พรรคเพื่อไทยเองนั้นก็ไม่ได้มีเอกภาพ    จะเห็นได้จากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าพรรค พยายามจะหย่าศึกว่าการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของความรู้ความสามารถ พยายามพูด นายเศรษฐาก็พยายามพูด

 “เวลานี้เราต้องมองบรรยากาศรอบตัว  เวลาเราเดินในป่าเราต้องฟังเสียงนก เสียงหญ้า ในสนามการเมืองก็เช่นเดียวกัน สังเกตหรือไม่ว่าวันนี้นายกฯ เศรษฐาเวลาโดนถล่ม ไม่มีใครออกมาปกป้อง รวมถึง สส.พรรคเพื่อไทย ไม่ออกมาปกป้องนายเศรษฐาแล้ว เพราะ สส.เขามองข้ามไปถึงนายกฯ คนต่อไปแล้ว ผมถึงอยากจะฝากนายกฯ คนที่ 31 ว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ แล้วขอให้จัดตั้ง ครม.อย่างเป็นธรรม ตั้งคนตามความรู้ความสามารถ ตามสัดส่วนพรรคร่วมอย่างเป็นธรรม”

นายสามารถกล่าวต่อว่า รัฐบาลของนายเศรษฐาโดยพรรคเพื่อไทยจัด ครม.แบบ 10 ต่อ 1 หมายความว่า สส. 10 คน ต่อ 1 รัฐมนตรี อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ มี สส.36 คน วันนี้ได้ 3 กระทรวงเท่านั้น ซึ่งปกติ สส. 10 คนคือ 1 รัฐมนตรีว่าการ ก็เพราะพรรคเพื่อไทยโกงเพื่อน พรรคเพื่อไทยมีโควตามากกว่าคนอื่น มี สส.เพียง 141 คน ถ้าเอา 10 ต่อ 1 จะได้รัฐมนตรีแค่ 14 คน แต่วันนี้ได้เกือบ 20 คน ฉะนั้นมันก็ไม่ยุติธรรม ตนถึงบอกว่า พรรคร่วมรัฐบาลนั้นพร้อมทิ้งพรรคเพื่อไทยเสมอ

นายสามารถกล่าวต่อว่า น.ส.แพทองธารพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยว่า ถ้านายเศรษฐาไป พรรคร่วมก็ไปหมด อันนี้เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว เพราะถ้านายกรัฐมนตรีไป ก็ไปทุกคน แต่มันจะเกิดการจัดสรรกระทรวงใหม่ เกิดการเปลี่ยนมิติการทำงาน เพราะจะมีนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งตนคิดว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนเขาคาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อน เรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ สังคมจะต้องดีขึ้นกว่านี้ ฉะนั้นวันนี้ทุกคนอธิษฐานขอให้นายเศรษฐามีอันเป็นไป ตนเป็นห่วง เปิดข่าวมาล่าสุดเห็นนายกฯ ของประเทศเม็กซิโกโดนยิง ผมก็เป็นห่วงนายกฯ ของประเทศไทย

 “ผมจึงอยากให้นายเศรษฐาลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม คือประกาศลาออก แล้วให้สภานั้นเลือกนายกฯ คนใหม่ ซึ่งการเลือกนายกฯ ครั้งนี้ไม่มี สว.แล้ว เป็นสภาที่มี สส.ที่มาจากประชาชนเลือกนายกฯ แต่ถ้านายเศรษฐายังดันทุรังต่อ ผมมั่นใจว่ามติศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 อาจจะเอานายเศรษฐาร่วงแน่” นายสามารถกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป