แจกหมื่นพร้อมกันทุกกลุ่ม นายกฯบี้เก็บภาษีตามเป้า

นายกฯ ถกหน่วยงานภาษี ไล่บี้จัดเก็บรายได้ตามเป้า “ปลัดคลัง” มั่นใจทำได้ อุบแหล่งเงินงบเพิ่มหมื่นล้าน “3 รมต.คลัง” ประสานเสียงโต้ข่าวนำร่องแจกหมื่นกลุ่มเปราะบาง 14.98 ล้าน ยัน 50 ล้านคนรับพร้อมกันไม่เกินไตรมาส 4 "ป.ป.ช." เรียก ธ.ก.ส. แจงข้อมูล เอกชนเชียร์ "กาสิโน" ดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5  มิถุนายน เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานจัดเก็บภาษีเข้าประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง และหน่วยงานจัดเก็บภาษี   ได้แก่ กรมสรรพสามิต, กรมศุลกากร และกรมสรรพากร

ต่อมาเวลา 15.40 น. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เป็นการรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานในการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลัง ซึ่งนายกฯ อยากทราบความคืบหน้า

เมื่อถามว่า ปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ยังต่ำกว่าเป้า กระทรวงการคลังมีแผนจะดำเนินการอย่างไร นายลวรณ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการคลังดำเนินการอยู่แล้ว มีแผนในการทำงานอยู่ ส่วนของงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ที่มีการตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมไว้ 1 หมื่นล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังมีแหล่งรายได้และมีเงินเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่แหล่งเงินจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ที่มีการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาทว่า ส่วนหนึ่งมาจากเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้สูงมาก โดยให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้สูงขึ้น 25% ในปีนี้หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมายังถือว่าสูงขึ้น โดยการจัดเก็บรายได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2566-พ.ค.2567 สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 11% โดยในช่วงเดือน ต.ค.2566-เม.ย.2567 สูงกว่าเป้าประมาณ 9% เมื่อรัฐบาลยกเลิกมาตรการการอุดหนุนภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในระยะต่อไปก็มั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ เชื่อว่าทิศทางจะดีขึ้นเรื่อยๆ

วันเดียวกัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่ารัฐบาลเตรียมพิจารณาจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14.98 ล้านคน เป็นกลุ่มแรก ภายในวันที่ 30 ก.ย.2567 ว่าอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยรัฐบาลยืนยันว่าตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินโครงการ ไม่เคยมีแนวคิดพิจารณาจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อน โดยทุกคนควรจะได้รับเงินพร้อมๆ  กัน ในระยะเวลาเดียวกัน ในจำนวนเงินที่เท่ากัน

 “ขอชี้แจงว่า เราได้ประกาศไปแล้วว่าการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/2567 ส่วนการจ่ายเงิน จะอยู่ในไตรมาส 4/2567 เป็นการจ่ายเงินงวดเดียวทั้งก้อน ทุกคนได้ 10,000 บาท และ 50 ล้านคนต้องได้พร้อมกัน เพราะรัฐบาลต้องการเห็นเม็ดเงินจำนวนมากลงไปในระบบพร้อมๆ  กัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงไม่ควรมีการดำเนินการเป็นหลายส่วนหรือหลายกลุ่ม” นายเผ่าภูมิระบุ

สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ ทุกอย่างชัดเจน และเป็นไปตามแผน โดยมาจากการบริหารงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.75 แสนล้านบาท มาจากการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และการขยายงบขาดดุล ปี 2568 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท อีกส่วนมาจากการดำเนินการตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 อีก 1.72 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการในการกระตุ้นการเพิ่มเม็ดเงินในเชิงสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย ส่วนรายละเอียดอยากให้รอความชัดเจนจาก ครม.ก่อน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด รัฐบาลไม่ได้มีการพูดถึงการแจกเงินกลุ่มเปราะบางก่อน แต่คาดว่าอาจจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการเปิดให้กลุ่มเปราะบางได้ทยอยลงทะเบียนและยืนยันตัวตน (KYC) ก่อนเท่านั้น

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า เรื่องการแจกกลุ่มเปราะบางก่อน ไม่ได้มีการพูดคุยในที่ประชุม ครม. ทุกอย่างยังเป็นไปตามเดิม คาดว่าน่าจะเกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และขอให้ประชาชนติดตามข่าวนี้จากกระทรวงการคลังเท่านั้น

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ที่ ป.ป.ช.ได้ส่งข้อเสนอแนะพร้อมความเห็นไปยัง ครม.ว่า ปัจจุบัน ป.ป.ช.กำลังติดตามงานว่า ครม.และรัฐบาลดำเนินการตามข้อเสนอแนะครบถ้วนหรือไม่ นอกจากนี้ ล่าสุดได้เชิญตัวแทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาให้ข้อมูลกรณีรัฐบาลเตรียมกู้เงิน ธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการนี้ด้วย

ขณะที่ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงแนวคิดการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาลว่า ภาคเอกชนขานรับแน่นอน เพราะประเทศไทยขณะนี้มีจุดแข็งเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องท่องเที่ยว ดังนั้น นอกจากการดึงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเมืองไทยแล้ว ทำอย่างไรจะให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มมากขึ้น จากตอนนี้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาทต่อหัว ให้เป็น 5 หมื่นบาทต่อหัว หนึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ก็คือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์  ซึ่งในนั้นอาจจะมีกาสิโนด้วย จะเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของนักท่องเที่ยว ทำให้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่ไทยไม่เคยได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง