ปปช.ยังไม่คืน นัดตร.เคลียร์ สำนวนบิ๊กโจ๊ก

"ป.ป.ช." นัด "บช.น." ถกปมทวงสำนวนคดี "บิ๊กโจ๊ก" 5 มิ.ย.นี้  หลังโดนจี้หากไม่รีบคืนในกำหนดอาจเป็นเหตุเสียหายต่อราชการ "นิวัติไชย" ย้ำต้องมาคลี่ดูรายละเอียดตรงไหนอยู่อำนาจใคร "ทนายษิทรา" โวยตำรวจทำคดี 2 มาตรฐาน เร่งคดีโจ๊กแต่คดีนายพลระดับสูงไม่คืบ

ความคืบหน้าภายหลังจาก พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง ขอรับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน ซึ่งเป็นสำนวนคดี พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ นายตำรวจพร้อมพวก ในคดีเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งยังมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน  หลังศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้

โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงสำนวนดังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังประมวลข้อมูลเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ได้มีการแจ้งไปยัง บช.น.แล้วให้มาหารือกันที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นนทบุรี ในเวลา 13.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. ว่าจะขออะไรจาก ป.ป.ช.

"มาคลี่สำนวนดูกันว่าอะไรอยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช. และอะไรอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ บช.น. โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รวมถึงผม อาจจะหารือด้วยตัวเอง" นายนิวัติไชยกล่าว

เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะส่งสำนวนไปให้ บช.น.ได้หรือไม่ ต้องรอให้มีการคุยกันก่อน และเมื่อคุยแล้วจะมีการรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาวินิจฉัยว่าจะส่งให้หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้คล้ายๆ กับกรณีกล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 กับพวก เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ที่แบ่งเป็น 3 กรณี 1.คดีอาญาทั่วไปส่งคืนสำนวนให้ 2.เกี่ยวกับตำรวจ ป.ป.ช.จะรับไว้ และ 3.ที่มีเยาวชน จะส่งไปให้ศาลเยาวชน

ทั้งนี้ หนังสือที่ บช.น.ส่งถึงเลขาฯ ป.ป.ช. ตามหนังสืออ้างถึง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ 54/2566  ได้ส่งสำนวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน ซึ่งในเขตอำนาจของศาลอาญาและอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน มายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนการสอบสวนกรณีที่มีผู้มากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ และ น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใดในข้อหาใดๆ  บรรดาที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามและขอรับคืนกลับมายังพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย บัดนี้เลยกำหนดระยะเวลาตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนได้ระบุไว้ในหนังสือตามที่อ้างถึงแล้ว แต่ท่านยังมิได้ส่งสำนวนในส่วนที่มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งได้กระทำความผิดและอยู่ในอำนาจของศาลอาญา คืนกลับมายังพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ได้ดำเนินคดีและรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นระยะเวลาพอสมควร และได้ความปรากฏชัดแล้วว่า กลุ่มผู้ต้องหามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกัน และใช้บัญชีธนาคารของบุคคลอื่นเป็นจำนวนมากในการกระทำความผิดอาญา ซึ่งแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย แต่จากพยานหลักฐานก็มิได้ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ และได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการได้ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน จึงไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา และอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน

แม้คดีที่อ้างถึงจะมีพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่ปั่นป่วนคดี เพื่อให้กระทบถึงกระบวนการยุติธรรมอันเป็นการคุกคามดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ต้องหาที่ 22 ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ระบุเหตุและแจ้งพฤติการณ์ดังกล่าวให้ปรากฏแก่ศาลอาญาแล้ว

ดังนั้น การที่ศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ย่อมหมายความถึงเพื่อให้พนักงานสอบสวนได้ตัวผู้ต้องหามาทำการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในความผิดฐานร่วมกับฟอกเงินฯ ซึ่งอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการสอบสวนได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ทั้งนี้ได้แนบรายงานกระบวนพิจารณากรณีขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งมาด้วย

"แต่หากท่านมิได้คืนสำนวนให้แก่พนักงานสอบสวนภายในกรอบเวลาตามกฎหมาย เพื่อให้มีการฟ้องคดีได้ภายในกำหนดระยะเวลา ย่อมอาจเป็นเหตุเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางราชการได้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงขอรับสำนวนคดีในส่วนที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคืน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายภายในวันที่ 4 มิ.ย.2567" ท้ายหนังสือระบุ

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม  เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวถึงกรณีตำรวจขอสำนวนคดีที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จากป.ป.ช. เพื่อมาดำเนินคดีเองว่า หลังจากมีการรายงานความคืบหน้าคดีของนายพลตํารวจระดับสูง บช.น.ก็พูดในภาพรวมว่าได้มีการขอบัญชีไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าขอของใครไป ได้มีการขอบัญชีของภรรยาของนายพลตํารวจระดับสูงคนดังกล่าวหรือไม่ และรวบรวมพยานหลักฐานถึงไหนอย่างไรแล้ว แต่พอเป็นคดีของบิ๊กโจ๊ก กลับอยากเอาสำนวนกลับมาทำมาก จนดูคล้ายเป็นการทำคดีแบบ 2 มาตรฐาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง