วิษณุชี้ช่องแก้ต่างคดีเศรษฐา

"วิษณุ" ประเดิมเข้าร่วมประชุม ครม.นัดแรก ยังไม่โชว์กึ๋นหรือโชว์ของ "เนติบริกร" ลั่นยอมลดเกียรติมาร่วมงานเพราะคิดว่าประเทศชาติต้องการคนช่วยแก้ไขปัญหา รับเรือแป๊ะจากไปแล้วตอนนี้ลงเรือเศรษฐี ปัดรับงานแลกเปลี่ยนไต "เศรษฐา" ตอกย้ำเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว จึงเชิญคนมีความรู้ความสามารถมาช่วยได้ "สมศักดิ์-สุริยะ" อวยหนักนายกฯ สุดอัจฉริยะเชิญ "ปราชญ์กฎหมาย" มาได้ อิ๊งค์สั่งลูกพรรคสงบปาก ทีมสู้คดีตั้งทนายถุงขนมเล็งส่งคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญ 7 มิ.ย.

เมื่อวันอังคารที่ 4 มิ.ย.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมนายกฯ เปิดเผยว่า จะไม่เข้าประชุมที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เนื่องจากภารกิจที่นี่มีเยอะ

ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.นัดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ เข้าร่วมประชุมภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้ง โดยก่อนเริ่มประชุมนายเศรษฐาได้กล่าวต้อนรับนายวิษณุ พร้อมกับขอบคุณที่มาช่วยงาน ขณะที่นายวิษณุได้นั่งแถวเดียวกับเลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ  ได้ลุกขึ้นสวัสดี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ซึ่งการประชุมครั้งนี้นายวิษณุยังไม่ได้แสดงความเห็นหรือมีข้อเสนอแนะอะไร หรือยังไม่ได้สอบถามที่ประชุม  ขณะที่ภายหลังเลิกประชุม ครม.แล้ว นายเศรษฐาได้เข้าไปคุยด้วย ส่วนบรรยากาศการรับประทานอาหารกลางวันหลังการประชุม ครม.ค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะโต๊ะที่นายวิษณุรับประทานอาหาร มีรัฐมนตรีหลายคนเข้าไปทักทายและนั่งร่วมโต๊ะด้วย อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นต้น

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ  ที่ใกล้ครบกำหนด 15 วัน ว่าทีมงานจะมีการประชุมร่วมกับนายวิษณุ โดยได้บอกไปแล้วว่าให้อาจารย์อยู่ในทีมนี้ด้วยและยังมีอีกหลายๆ เรื่องด้วย

ในเวลา 13.00 น. นายวิษณุได้หารือร่วมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ และนางณัฐฏ์จารี  อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.  เพื่อดูรายละเอียดการจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ  โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งกำหนด 15 วันจะครบกำหนดในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ แต่เนื่องจากวันที่ 8 มิ.ย. ตรงกับวันหยุดราชการ ทีมงานจึงได้เร่งจัดทำคำชี้แจงให้เร็วที่สุด เพื่อให้ส่งทันในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จะเป็นผู้ส่งคำชี้แจงไป ส่วนนายกฯ ต้องเข้าไปชี้แจงต่อศาลด้วยตนเองหรือไม่ก็อยู่ที่ศาลจะพิจารณา

ก่อนหน้านี้ นายวิษณุให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม.ว่า เคยเข้า-ออกและทำงานที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือตื่นเต้นโลดโผนอะไร ส่วนที่นายกฯ ให้ช่วยตรวจทานร่างคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็เป็นธรรมดา หนีไม่พ้นต้องมีอยู่แน่ แต่คนที่ทำจริงๆ คือทีมงานของนายกฯ  นายพิชิตก็เป็น 1 ในทีมงานนั้น

“รายละเอียดคำชี้แจงจะเป็นอย่างไรนั้น ขอว่าอย่าเปิดเผย เดี๋ยวเสียรูปคดี ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันความเสี่ยงของนายกฯ อยู่ที่ 50:50 นั้น ไม่ทราบ ส่วนที่ถามว่ามีช่องสู้คดีได้ใช่หรือไม่นั้น ผมจะยืนยันได้อย่างไรว่าแพ้แหงๆ ผมยังไม่เห็นรายละเอียดคำชี้แจง วันนี้คงได้ดู”

 เมื่อถามว่า เหตุผลอะไรที่เข้ามาช่วยนายกฯ ทั้งที่มีปัญหาสุขภาพ และหลายคนมองว่ามีอะไรมากกว่ามาช่วยนายกฯ  นายวิษณุกล่าวว่า คิดหนักอยู่แล้วว่าเหมือนคนไม่เจียมตัว แต่เห็นใจนายกฯ  ได้ยกเหตุผลอะไรหลายอย่างให้ฟัง แต่คิดว่ามาช่วยระยะหนึ่ง คงไม่น่าทำให้ตัวเองเกิดอันตรายอะไร และไม่น่าเป็นผลเสียอะไรต่อประเทศชาติด้วย ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นมาก เพราะเป็นที่ปรึกษาธรรมดา หรืออาจให้เลขาธิการนายกฯ ปรึกษาเพื่อยืนยันให้ท่านมั่นใจในบางเรื่อง ส่วนใหญ่จะทำงานที่บ้าน มีแต่วันอังคารที่เข้ามา

‘วิษณุ’ บอกยอมลดเกียรติ

 เมื่อถามย้ำว่า เหตุผลที่มารับตำแหน่ง เงินก็มีแล้ว เกียรติยศก็มีแล้ว ยังต้องการอะไรอีก นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าประเทศชาติต้องการคนช่วยแก้ปัญหา คนเล็กๆ คนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาให้รัฐบาลในบางเรื่องที่มีข้อสงสัย สมัยที่นายพิชิตอยู่หรือไม่ใช่นายพิชิต ใครก็ตามที่อยู่เขาก็ช่วยได้ ก็มาทำหน้าที่แทนในระดับอย่างนั้น เท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการเกียรติยศ ลดเกียรติด้วยซ้ำจากรองนายกฯ มาเป็นที่ปรึกษา โดยได้ตัดสินใจกันต่อหน้านายกฯ ที่เข้าไปหา

ถามว่า การมารับงานตรงนี้ เหมือนกับการลงเรือแป๊ะต่อใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ คนละแป๊ะ แป๊ะขึ้นไปแล้ว เวลานี้เศรษฐีมา ไม่ใช่แป๊ะแล้ว ส่วนจะเป็นเรืออะไรอย่าไปเปรียบเลย เปรียบไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในรัฐบาล     

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสต่อต้านการมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ จากคนในพรรคเพื่อไทย นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้เดือดร้อน ต้านมากๆ ก็ไม่อยู่ ไม่แปลกอะไร เพราะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย

เมื่อถามว่า การมาช่วยงานเช่นนี้เป็นการการันตีว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เป็นเรื่องของฝีมือรัฐบาล

ภายหลังการประชุม ครม. นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ไม่มีอะไร ย้ายที่นั่งจากข้างล่างขึ้นมาอยู่ข้างบน ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษาเป็นพิเศษ ไม่ใช่ต้องมีทุกวัน สลค.ก็ทำไว้เรียบร้อย นายกฯ ก็มีนโยบายว่า ไม่ควรมีวาระจรเข้าไป เรื่องนี้ช่วยได้มาก สมัยก่อนอะไรวุ่นๆ ก็เป็นวาระจร 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเหตุผลในการรับมาช่วยงานรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่า จะได้รับการเปลี่ยนไตที่โรงพยาบาลพระราม 9  นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ไม่จริง เพราะไม่เปลี่ยนไต บอกกับหมอแล้ว และหมอก็เห็นด้วยว่ายังไม่ควรเปลี่ยนไต เพราะการเปลี่ยนไตทำให้ต้องกินยากดภูมิต้านทาน ซึ่งเมื่อสักครู่ได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่กินยากดภูมิต้านทาน ซึ่งคนเราเมื่อภูมิต้านทานลดลง โรคอื่นก็แทรกได้ง่าย

ขณะที่นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรค พท.วิพากษ์วิจารณ์การตั้งนายวิษณุว่า ได้พูดไปเยอะแล้ว อย่างที่บอก เรื่องวาทกรรมด้านการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราปฏิเสธไม่ได้ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทีมกฎหมายพรรค พท.จะไม่เก่ง แต่เชื่อว่าที่เราประสบปัญหากันมา ทั้งรัฐบาล พี่น้องประชาชน และปัญหาทั่วๆ ไปในประเทศ จริงๆ แล้วเราต้องการคนเก่งเข้ามาช่วย ส่วนจะเป็นสีเสื้อ คนละขั้วหรืออะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และคำนึงถึงการขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาลว่าทำอย่างไร เชื่อว่าเพื่อน สส.ในพรรค พท.น่าจะมีความเข้าใจในส่วนนี้

ฟุ้งเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว

เมื่อถามว่า ในเมื่อนายกฯ ตัดสินใจดึงนายวิษณุเข้ามาช่วยงานด้านกฎหมาย ดังนั้นสมาชิกพรรคควรต้องเคารพการตัดสินใจ ตรงนี้จะขอให้สมาชิกพรรคที่เห็นต่างหยุดแสดงความเห็นหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วนายวิษณุ ไม่ได้แค่มาช่วยรัฐบาลนี้ แต่ช่วยมาตั้งแต่รัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าประวัติศาสตร์มันชัดเจน และถูกเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายให้มันเยอะกว่านี้ได้อย่างไร คิดว่าเรามาดูที่ผลงาน มาดูความตั้งใจของท่านดีกว่า ตอนนี้ที่ทำงานร่วมกันและต่อไปในอนาคตดีกว่า และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ดีกับทุกๆ ฝ่ายอยู่แล้ว ก็ไม่อยากจะต้องพูดย้ำไปย้ำมา เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทย มองว่ามวลชนที่สนับสนุนเพื่อไทยอยู่จะหันไปสนับสนุนพรรคอื่นที่เป็นคู่แข่ง นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าการที่พี่น้องประชาชนจะเลือกพรรคใด เรื่องการทำงานของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญ การขจัดปัญหาที่เขาประสบอยู่ มั่นใจว่ารัฐบาลนี้ รัฐมนตรีทุกคนทุกพรรคมาทำงานแบบน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

เมื่อถามว่า นายวิษณุระบุว่าจะมาช่วยงานชั่วคราว ตรงนี้มีสัญญาใจอะไรไว้พอจะบอกได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เวลาพูดถึงสัญญาใจกันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ต้องขอความกรุณา ซึ่งการที่อยู่ด้วยกันก็ต้องค่อยๆ ทำงานไปด้วยกัน ตนเองก็รู้จักกับท่านมานาน แต่ก็ไม่เคยทำงานด้วยกัน คิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันไป ตนมั่นใจว่าถ้าตนสามารถทำให้ท่านมีความสุขได้เราก็พยายามจะอยู่กันไปนานๆ 

“เหนือสิ่งอื่นใดผมเชื่อว่าคนเราต้องทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ถ้าใครมีข้อแนะนำดีๆ ใครมีข้อติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เราควรจะฟังคือเรื่องข้อติมากกว่า มันจะต้องได้ยินเสียงที่ไม่อยากจะได้ยินตลอดก็มีการพัฒนา โดยส่วนตัวผมเองที่มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะผมทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และไม่ได้เลือกได้ยินแต่เสียงที่ตัวเองอยากได้ยิน”

เมื่อถามว่า มีสัญญาใจอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องของใจต่อใจที่มีกับนายกฯ ประยุทธ์ชัดเจน จุดมุ่งหมายเราจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะท่านฝากบ้านเมืองไว้ให้ในฐานะนายกฯ คนที่ 30 ต่อจากท่านคนที่ 29 ก็พยายามดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด วิธีการทำงานแน่นอนแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป ตนเองมาจากภาคธุรกิจ ท่านมาจากฝ่ายความมั่นคง แต่เชื่อว่าวิธีการหรือแนวทางอาจจะต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า ต้องแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ที่ประสบความสำเร็จในการเชิญนายวิษณุ เพราะนายวิษณุเป็นกูรูกฎหมาย มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ส่วนที่วิจารณ์ว่าเป็นการใช้คนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าวิจารณ์อย่างนั้น ตนเองก็อยู่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เรากำลังก้าวสู่การปรองดองเป็นมิติสำคัญที่สุด สังคมคงมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวเช่นกันว่า นายวิษณุเป็นปราชญ์ เป็นผู้รู้ นายวิษณุไม่เคยให้ร้ายใคร ให้แต่องค์ความรู้ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งการที่นายกฯ ไปเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาได้ นายกฯ เขาอัจฉริยะ

 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีบุคลากรที่มีความช่ำชองเข้าใจในตัวบทกฎหมาย นายวิษณุเองก็มีโอกาสทำงานกับรัฐบาลมาตั้ง 10 รัฐบาล ซึ่งถ้ามีมือกฎหมายดีๆ รัฐมนตรีก็ทำงานด้วยความสบายใจ

อิ๊งค์สั่งลูกพรรคอย่าโวยปมวิษณุ

ขณะเดียวกัน ในการประชุมพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้สบายใจ นายวิษณุเข้ามาช่วยงานรัฐบาลด้วยความตั้งใจ ก่อนหน้านี้ได้ทำงานกับรัฐบาลไทยรักไทยมาก่อน ท่านเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ขอให้ สส.ยอมรับและเข้าใจ เพื่อให้เราเดินไปข้างหน้าได้ เพราะรัฐบาลต้องการสร้างผลงานขับเคลื่อนนโยบาย เรื่องระเบียบราชการการบริหารราชการเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องที่ปรึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรามีคนเก่งมาร่วมงานจึงเป็นเรื่องที่ดี ขอให้ทุกคนเข้าใจไปในแนวทางเดียวกัน ให้พวกเราสามัคคีกัน ช่วยกันสนับสนุนท่านนายกฯ เราต้องร่วมมือกันถึงจะฝ่าฟันปัญหาไปได้ เพราะหากนายกฯ อยู่ไม่ได้ พรรคร่วมก็อยู่ไม่ได้ สภาก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นอะไรที่สร้างความเข้มแข็งให้รัฐบาลได้ก็ให้ช่วยกัน และถ้าใครไม่สบายใจอะไรก็สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่ง สส.ก็ไม่มีใครลุกขึ้นพูดในประเด็นนี้

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. กล่าวว่า คิดว่าไม่มีความขัดแย้งในเรื่องของการตั้งนายวิษณุ และจากการพูดคุยกับ สส.รุ่นใหม่ เขาก็มาถามถึงเรื่องดังกล่าวก็บอกไปว่าไม่รู้ว่านายวิษณุเป็นอย่างไร แต่นายวิษณุมีสมญานามคือเนติบริกร อะไรที่ท่านเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ท่านก็ไปหมด เมื่อรัฐบาลคิดว่าท่านเป็นประโยชน์ท่านก็เข้ามา ส่วนที่มีตั้งข้อสังเกตว่าพรรคไม่มีคนเก่งด้านกฎหมายนั้น คงไม่ถึงขนาดนั้น พรรคก็มีคนเก่งอยู่ แต่เรื่องความแหลมคมต้องยอมรับว่านายวิษณุทำเรื่องปาฏิหาริย์ทางกฎหมายบ่อย และต้องยอมรับนายวิษณุมีประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายทางการเมือง

ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวที่นายวิษณุบอกว่าไม่อยากเป็นรองนายกฯ  โดยกล่าวอ้างในทำนองที่ว่าไม่อยากยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ซึ่งก็แปลกใจ เพราะนายวิษณุเคยยื่นมาแล้วหลายครั้ง และเมื่อย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินและรายได้ในครั้งก่อนๆ รวม 5 ครั้ง ก็พบข้ออันควรขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบต่อไป จึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและรายได้ของนายวิษณุว่ามีการยื่นโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่

วันเดียวกัน นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงผลงาน 6 เดือนรัฐบาลมีอะไรต้องปรับเพิ่มเติม และอะไรคือผลงานที่โดดเด่นที่สุดในสายตาของนายกฯ  หลังโพลสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุเรตติ้งดีขึ้นว่า ได้อ่านผลสำรวจของสำนักงานสถิติฯ เหมือนกัน แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะยังทำได้อีก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงเสียงวิจารณ์โพลสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ไม่ตรงกับผลโพลที่สถาบันพระปกเกล้าทำออกมาว่า โพลแต่ละสำนักก็มีออกมาตลอด แต่ในส่วนของสำนักงานสถิติฯ มีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ใช่การเอาข้อมูลมาเกทับ

“เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า นโยบายของรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว และหลายอย่างประชาชนให้ความพึงพอใจ ซึ่งหากมีข้อสังเกตอะไรรัฐบาลก็พร้อมรับฟัง และนำไปแก้ไขต่อไป”

นายวราวุธกล่าวว่า นายกฯ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ สังเกตได้ว่า ทั้งภารกิจในประเทศที่นายกฯ มีการลงพื้นที่อยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งแอบไปลงพื้นที่ เพื่อให้ได้เห็นว่า หน้างานจริงๆ เป็นอย่างไร รวมถึงมีการประสานงานกับต่างประเทศด้วย ดังนั้น 6 เดือนที่ผ่านมาเห็นว่านายกฯ ทำงานเต็มที่ ในแต่ละกระทรวงเอง เชื่อว่าก็คงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่ดูแลในส่วน พม. ซึ่งเราทำงานอย่างเต็มที่

ดัชนีการเมือง พ.ค.กระเตื้อง

ส่วนสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือน พ.ค.2567 โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 2,352 คน พบว่า คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือน พ.ค.เฉลี่ย 4.72 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.2567 ที่ได้ 4.63 คะแนน โดยตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.20 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.) ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.32 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.)

สำหรับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาท โดดเด่นประจำเดือนคือ นายเศรษฐา 45.56% ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 56.77% ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรึงราคาดีเซล ก๊าซหุงต้ม ลดค่าไฟ  47.61% ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบ คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 52.05%

น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลสำรวจสะท้อนว่าประชาชนมองการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่มีการทำงานเชิงติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้นตั้งแต่การประมูลข้าว 10 ปี ดิจิทัลวอลเล็ต และงานต่างๆ ของรัฐบาล ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการตรึงราคาดีเซลและก๊าซหุงต้ม การลดค่าไฟ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านความคืบหน้าการยื่นคำชี้แจงของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในคดีล้มล้างการปกครองนั้น นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก.กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นคำชี้แจง ซึ่งพรรคเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว และจะยื่นภายในวันนี้ และในวันที่ 9 มิ.ย.จะแถลงข่าวและเผยแพร่รายละเอียดคำชี้แจงทั้งหมดให้สาธารณะได้รับทราบ

เมื่อถามว่า วันที่ 9 มิ.ย. ตรงกับวันเลือก สว.ระดับอำเภอพอดี มีนัยทางการเมืองหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่ได้มีนัยและเจตนาอะไรที่หวังผล เป็นวันที่ทุกฝ่ายในพรรคสะดวกพอดี

เมื่อถามถึงหลักการในคำชี้แจงเป็นไปตามที่เคยยืนยันหรือไม่ว่าความผิดยังไม่สำเร็จและพรรคไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครอง นายพริษฐ์ระบุว่า ขอให้รอวันที่ 9 มิ.ย.ทีเดียว ที่จะได้ชี้แจงอย่างชัดเจนและละเอียด

ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรค ก.ก. ว่ายังไม่มี สส.พรรค ก.ก.วิ่งมาแถวพรรค พท. คิดว่าเป็นภาพที่คนพูดไปมากกว่า และคิดว่าเขาคงได้บทเรียนจากครั้งที่แล้วแล้ว เพราะคนที่เป็นงูก็ร่วงหมด ซึ่งหากถามตนเองก็ไม่อยากให้เขาถูกยุบพรรค เพราะตอนที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนถูกยุบก็เจ็บปวด

"หากพรรคก้าวไกลถูกยุบจริงๆ ผมไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะรับ สส.จากพรรคก้าวไกล และคิดว่าเขามีพรรคอยู่แล้ว เพราะนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เดินนำไปก่อนแล้ว เขาเปิดเส้นทางไปแล้ว" นายครูมานิตย์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง