นายกฯ รับปรึกษา “วิษณุ” ทำคำชี้แจงต่อศาล รธน.ปมตั้ง “พิชิต” เผยอยู่ระหว่างปรับแก้ แต่อุบรายละเอียด “ภูมิธรรม” ชม “วิษณุ” เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ได้ช่วยงานรัฐบาลถือเป็นเรื่องดี ประเทศได้ประโยชน์ เลขาฯ เพื่อไทยมั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม เหตุไม่เคยทำร้ายพรรค "ดิเรกฤทธิ์” ยันศาลและองค์กรตาม รธน.เป็นอิสระไม่มีดีลการเมือง ลั่นปมตั้ง “พิชิต” เป็นจุดเป็นจุดตาย เย้ยยอดนักกฎหมายก็ช่วยไม่ได้ "อนุสรณ์" ติงอย่ากดดันศาล สำนักงานสถิติฯ เปิดผลสำรวจผลงาน รบ.รอบ 6 เดือน ปชช.พอใจ 44.3 เปอร์เซ็นต์ แนะควบคุมราคาสินค้า ลดค่าไฟ
เมื่อวันอาทิตย์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าเบื้องต้นร่างแรกของคำชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในระหว่างการแก้ไขเพิ่มเติมในบางจุด ทั้งนี้ จะครบกำหนดส่งคำชี้แจงในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ แต่ต้องดูว่าจะสามารถส่งได้วันที่เท่าไหร่ โดยจะต้องให้ความสำคัญในทุกประเด็น ยืนยันว่าทุกขั้นตอนในการแต่งตั้งทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องให้เกียรติท่าน ขอไม่พูดว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ แต่ตนมั่นใจว่าทำด้วยความสุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำชี้แจงจะต้องมีการยืนยันหรือไม่ว่านายพิชิตมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ในคำชี้แจง คงไม่ใช้เวทีของสื่อมวลชนที่จะมาพูดว่าอะไรเป็นอะไร ต้องขอความกรุณาตรงนี้ด้วย
เมื่อถามว่า การทำคำชี้แจงได้มีการปรึกษานายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการปรึกษานายวิษณุ เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ต้องไปขอคำปรึกษา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า คนที่มีความรู้ความสามารถได้มีโอกาสมาช่วยงานรัฐบาลถือเป็นสิ่งที่ดี และนายกรัฐมนตรีก็เปิดกว้างให้ทุกคนทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกันทำงาน ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่ได้ยินกระแสของคนในพรรคเพื่อไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งนายวิษณุ
ส่วนที่ถูกมองว่านายวิษณุเป็นรัฐมนตรีในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นการช่วยในสิ่งที่นายวิษณุรู้และได้ประโยชน์กับประเทศชาติ และช่วงเริ่มจัดตั้งรัฐบาลก็พยายามที่จะสลายฝักฝ่ายอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่มีความรู้ก็พยายามที่จะเรียนเชิญมาช่วยงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลพูดชัดเจนตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่เป็นเรื่องว่าประเทศต้องการอะไร และอะไรที่เป็นประโยชน์
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อนการหารือกับนายวิษณุถึงการเชิญเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่มองว่าเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีถือว่ามีความเหมาะสม
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวสมาชิกพรรคบางส่วนไม่พอใจที่นายเศรษฐา ตั้งนายวิษณุเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหรือไม่ว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกพรรคบางคน แต่ได้มีการพูดคุยกันว่าหากเป็นเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราทำงานแยกกันชัดเจน หากนายเศรษฐาเห็นว่าอะไรที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด พวกเราพรรค พท.ก็พร้อมสนับสนุน
“มั่นใจครับว่าไม่มีเรื่องนี้แน่นอน เพราะจริงๆ แล้วอาจารย์วิษณุก็ไม่เคยทำร้ายอะไรพรรค ท่านเป็นที่ปรึกษารัฐบาลแต่ละรัฐบาลมาเท่านั้น ไม่ได้มีอะไร” นายสรวงศ์กล่าวเมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่าจะไม่เกิดรอยร้าวในพรรค
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมพรรค วันที่ 4 มิถุนายนนี้ จะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่น่ามี น่าจะเป็นเรื่องของการไปลงพื้นที่มาแล้วมาพูดคุยกันว่ามีปัญหาอะไรที่จะมาสะท้อนให้พรรคได้ยิน อีกเรื่องก็จะเป็นการพูดคุยเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในช่วงวันที่ 18-21 มิถุนายนนี้
เมื่อถามว่า ในสัดส่วนของพรรค พท.ได้มีการเตรียมขุนพลที่จะอภิปรายไว้มากน้อยแค่ไหน นายสรวงศ์กล่าวว่า มีและในปีนี้เราจะไม่ใช้โควตาว่าคนหนึ่งพูด 7 นาที แต่เราจะเน้นไปในเรื่องของข้อมูลของแต่ละคน และจะให้อภิปรายได้อย่างเต็มที่ เพราะเรามีเวลาอยู่พอสมควร หากจำไม่ผิดพรรค พท.มีเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า โดยเบื้องต้นจะมีขุนพลที่อภิปรายไม่เกิน 20 คน ซึ่งจะเป็นทั้งคนรุ่นใหม่และ สส.ที่ทำงานเกี่ยวกับงบประมาณมายาวนาน ที่จะสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ยอดนักกฎหมายก็ช่วยไม่ได้
ขณะที่ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มีประเด็นที่ควรพูดคุยให้ประชาชนเข้าใจหลายจุด 1.ศาลและองค์กรตามรัฐธรรมนูญมีบุคลากรและระบบที่เป็นอิสระ เป็นเสาหลักของบ้านเมืองที่ไม่มีใครจะสั่งการและใช้ไปต่อรองทางการเมือง (ดีล) กับใครหรือฝ่ายใดได้ 2.กรณีเรื่อง 40 สว.ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตรวจสอบความซื่อสัตย์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เป็นประเด็นหัวใจของประชาธิปไตยไทย และ 3.การต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรี มีจุดเป็นหรือตายที่ข้อเท็จจริงการกระทำที่ผ่านมาแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้ ยอดนักกฎหมายก็ช่วยไม่ได้ครับ
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายดิเรกฤทธิ์ว่า ถือเป็นสิทธิที่นายดิเรกฤทธิ์จะมอง แต่การแสดงความเห็นใด ต้องอยู่บนพื้นฐานของความระมัดระวัง เพราะคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นายดิเรกฤทธิ์เป็นผู้ร้อง ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ การแสดงความเห็นที่เป็นการชี้นำหรือกดดันศาลรัฐธรรมนูญต้องระมัดระวัง นายเศรษฐายืนยันมาตลอดว่าพร้อมรับการตรวจสอบ และเคารพในกระบวนการยุติธรรม
นายอนุสรณ์กล่าวว่า การออกมาพูดในลักษณะกดดันและชี้นำศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ หลังการเลือกตั้งประเทศชาติสงบ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาทำงาน ชอบไม่ชอบ ถูกใจไม่ถูกใจ ครบ 4 ปีก็ไปถามประชาชนในคูหาเลือกตั้ง เป็นความงดงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรจะมีใครหวังฟลุกให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเพื่อจะเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลด้วยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ
“แม้แต่ สว.ชุดเดียวกันก็ยังไม่เห็นด้วยกับนายดิเรกฤทธิ์และพวกทั้งหมด การลงชื่อร้องเอาผิดนายกฯ ทั้งๆ ที่ สว.หมดวาระไปแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ยังเป็นประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง ดังนั้นการออกมาพูดอะไรที่ทำให้สังคมขัดแย้งแตกแยกเพิ่มขึ้นต้องระมัดระวัง” นายอนุสรณ์กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางปิยนุช วุฒิสอน ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ และ น.ส.สุวรรณี วังกานต์ รอง ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกันแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ.2567 (ครบ 6 เดือน) ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยนายชัยกล่าวว่า การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลครบ 6 เดือน เป็นการสำรวจความคิดเห็นด้วยวิธีสัมภาษณ์ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 6,970 คน ระหว่างวันที่ 22 เม.ย.-15 พ.ค.2567 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้ 1.ประชาชนติดตาม/รับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์มากที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุมากติดตาม/รับรู้จากโทรทัศน์ ขณะที่ผู้ที่มีอายุน้อยติดตาม/รับรู้จากสื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ เป็นต้น ส่วนผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป มีการติดตาม/รับรู้จากสื่อออนไลน์เช่นเดียวกัน
ปชช.พอใจผลงาน รบ. 44%
2.ประชาชนร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุดต่อการดำเนินงานของรัฐบาล ร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลในระดับมาก-มากที่สุด (มากที่สุดร้อยละ 5.6 และมากร้อยละ 38.7) ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 14.1 (น้อยร้อยละ 11.1 และน้อยที่สุดร้อยละ 3.0) ส่วนที่ไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 2.0 ประชาชนในชายแดนภาคใต้มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น สำหรับผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีรายได้มาก
3.ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุดต่อนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่เป็นอันดับแรก นโยบาย/มาตรการ/โครงการของรัฐบาลที่ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ (ร้อยละ 68.4), มาตรการพักหนี้เกษตรกร (ร้อยละ 38.9), มาตรการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว (ร้อยละ 33.1), มาตรการลดค่าไฟ (ร้อยละ 32.8) และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ (ร้อยละ 29.3)
4.ประชาชนร้อยละ 41.9 มีความเชื่อมั่นมาก-มากที่สุดต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาของประเทศ ร้อยละ 41.9 มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด (มากที่สุดร้อยละ 5.2 และมากร้อยละ 36.7) ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 15.8 (น้อยร้อยละ 12.4 และน้อยที่สุดร้อยละ 3.4) ส่วนที่ไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 2.7 ประชาชนในภาคใต้ชายแดนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น สำหรับผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีความเชื่อมั่นฯ ในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีรายได้มาก
5.ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคเป็นอันดับแรก เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วน 5 อันดับแรก ได้แก่ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค (ร้อยละ 75.3), ลดค่าไฟฟ้า (ร้อยละ 46.6), แก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง (ร้อยละ 29.5), แก้ปัญหายาเสพติด (ร้อยละ 26.3) และแก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ (ร้อยละ 16.9)
ด้านนางสุวรรณีกล่าวว่า หลังจากนี้ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. จะมีการทำผลสำรวจความเห็นประชาชนอีกรอบเมื่อรัฐบาลทำงานครบ 1 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป
ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
บี้ MOU44 เดือด ‘นพดล’ เกทับ! จบออกซ์ฟอร์ด
ปะทะคารมเดือด! “นพดล” โต้ “หมอวรงค์” หาความรู้เรื่องเอ็มโอยู 44 ให้ลึกซึ้ง โต้คนอย่างตนไม่ตอบมั่วๆ เพราะจบกฎหมายจากออกซ์ฟอร์ดและจบเนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ
ลุ้นระทึก! เลือก ‘อบจ.’ 3 จว. ‘กกต.’ จับตาที่อุดรฯแข่งดุ
“เลขาฯ แสวง” มั่นใจเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี แข่งขันสูงไม่ใช่ปัญหา แต่ช่วยกระตุ้นประชาชนออกมาใช้สิทธิ เผยมีเรื่องร้องเรียน 2 เรื่อง ใส่ร้ายระหว่างผู้สมัคร เร่งตรวจสอบ
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ