ตั้ง‘วิษณุ’พท.มีเคือง!

 

ไทยโพสต์ ๐ "บิ๊กเพื่อไทย" ยอมรับมี สส.ในพรรคไม่พอใจที่นายกฯ ตั้ง "วิษณุ" เป็นที่ปรึกษา เพราะเคยอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ยืนยันไม่มีอะไรเสียหาย ลูกน้องนายใหญ่ดาหน้าถล่ม "รังสิมันต์" พูดเอามัน ตีกินไปวันๆ ยันเนติบริกรร่วมงานกับรัฐบาลถือเป็นเรื่องที่ดี แมวสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ "พิธา" มองข้ามช็อตพร้อมไปเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า มี ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนไม่พอใจการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยงานด้านกฎหมายของรัฐบาลว่า มีบางคนพูด แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร มีคนถามว่าทำไมไม่ตั้งคนในพรรค   เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนถูกใจและไม่ถูกใจ  เพราะเคยอยู่ฝั่งตรงข้ามกันมาหลายครั้ง  มีการวิจารณ์กันบ้าง แต่ทั้งนี้ เป้าหมายหลักคือเราต้องใช้ความสามารถของคนที่รู้ หากนายกฯ เป็นคนตั้ง ก็คงมีเหตุผล

"ผมมองว่าเป็นเรื่องดี ไม่มีอะไรเสียหาย เชื่อว่านายกฯ คิดดีแล้ว แต่ไม่ทราบว่าในอนาคตจะตั้งคนในพรรคมาดูแลเรื่องกฎหมายจริงจังหรือไม่ ทั้งนี้ เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ในที่ประชุมพรรค วันที่ 4 มิถุนายนนี้" นายวิสุทธิ์กล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม  อดีตรองนายกฯ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เพราะพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมาย ขาดคนเข้าใจเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อผลักดันนโยบายว่า แม้การแสดงความเห็นจะเป็นสิทธิ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องมารยาท อย่าให้เกินกรอบจนกลายเป็นความพยายามในการด้อยค่ารัฐบาล หวังผลในการทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาล เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้พรรคตัวเอง

"การที่มีคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมงานกับรัฐบาลถือเป็นเรื่องที่ดี  ทำไมไม่มองว่าคนที่เข้ามาทำงานกับรัฐบาลต้องคิดวิเคราะห์แล้วว่าจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้ แมวจะสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็พอ ทำไมถึงตัดตอนแค่ว่าท่านวิษณุเคยทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงท่านวิษณุเคยทำงานกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยมาก่อน"

นายอนุสรณ์กล่าวว่า หากมีความพยายามในการจะเสี้ยมว่าหัวหน้ารัฐบาลไม่ไว้วางใจมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่เป็นผล เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมือง มีบุคลากรทางการเมืองที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการผลักดันขับเคลื่อนกฎหมาย ทั้งการทำงานในส่วนของพรรค งานฝ่ายนิติบัญญัติในสภาผู้แทนราษฎร  และพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในฝ่ายบริหาร

ตอก 'โรม' ทำเป็นเรื่องเดียว

เขาบอกว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น ตลอดระยะเวลา 4 ปีรัฐบาลเศรษฐา จะมุ่งมั่นทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย งบประมาณปี 67 ออกมาแล้ว งบประมาณปี 68 กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นยกแผง เฉพาะยางพาราทุบสถิติ ทำราคาสูงสุดในรอบ 12 ปี ราคายางพุ่งทะลุกิโลกรัมละ 100 บาท ฝ่ายค้านกลับพูดได้เพียงแค่ว่า การที่ราคายางพาราพุ่งสูงเพราะเป็นช่วงยางพาราผลัดใบ เพื่อไม่ให้เครดิตเกิดกับรัฐบาล ทั้งที่ถ้าเป็นไปตามตรรกะนั้น ยางพาราอะไรจะใช้เวลาผลัดใบนานถึง 12 ปี

“การมีคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมงานกับรัฐบาลมากขึ้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี รัฐบาลทำงานผลักดันนโยบายเข้มข้น ประเทศก็เข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน อย่าทำตัวเป็นฝ่ายค้านประเภทเพียงแค่วิจารณ์รัฐบาลก็ถือว่างานสำเร็จแล้ว เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ทำได้” นายอนุสรณ์กล่าว

ด้าน น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเหมือนที่นายรังสิมันต์พูดอย่างแน่นอน รัฐบาลมีความพร้อมในการบริหารงานอย่างเต็มที่ นโยบายหลายเรื่องมีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด การทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมีความเหนียวแน่นเป็นเอกภาพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การที่ สส.ฝ่ายค้านพูดเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจกับความพยายามดิสเครดิตรัฐบาล สร้างความสับสน บั่นทอนความเชื่อมั่น

เธอกล่าวอีกว่า การที่บอกว่านายกฯ  และรัฐบาลไม่พร้อมบริหารประเทศนั้น คงเป็นความเข้าใจผิดของนายรังสิมันต์คนเดียว หรืออาจแกล้งไม่เข้าใจ เพราะมักจะพูดเอามัน ตีกินไปวันๆ ที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างเคยเป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาแล้วทั้งสิ้น มีผลงานที่ประชาชนจับต้องได้ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน ถ้าไม่พร้อมคงไม่มีใครเสนอตัวลงสนามเลือกตั้งอยู่แล้ว นายกฯ เองก็มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ

"ดิฉันเคารพบทบาทของคุณรังสิมันต์  โรม แต่ก็อยากให้ใจกว้างเหมือนนายกฯ เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แม้จะรู้ว่าการแต่งตั้งคุณวิษณุจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา แต่ท่านมองเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก การเอาคนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยงานให้บ้านเมือง ย่อมเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าการคำนึงถึงแต่เรื่องการเมือง ดังนั้น การมัวแต่มานั่งจับผิดรัฐบาล ใช้ปากทำงาน ชี้นิ้วไปมาอย่างเดียว คนจะมองว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" น.ส.เกณิกากล่าว

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง   กล่าวว่า จริงๆ แล้วนายรังสิมันต์เป็น สส.อยู่แล้ว ถ้านายกฯ ทำอะไรไม่ถูกต้องก็มีสิทธิ์ตั้งกระทู้ถามในสภาได้ หรือถ้าไม่ไว้วางใจก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่การที่จะมาไล่ยื่นที่ทำเนียบฯ เพื่อให้เป็นข่าว เอาแอ็กชันตัวเองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เหมือนว่ามาบุกทำเนียบฯ แล้วทวงถาม คุณเป็นฝ่ายค้าน มีสิทธิ์ถามเต็มที่อยู่แล้ว และรัฐบาลก็พร้อมจะตอบคำถามในสภา อยากให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ สังคมการเมืองจะได้น่าอยู่

ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะตั้งนายวิษณุหรือตั้งใคร ก็เป็นอำนาจนายกฯ  เพราะคงจะมองว่าใครที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เราก็ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ใครจะอยู่ฝ่ายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเข้ามาช่วยประเทศชาติก็ดีทั้งนั้น อย่าไปตั้งอคติจนเกินไป อย่าไปคิดทางการเมืองมากนัก บ้านเมืองเราจะเดินไม่ได้

"ไม่เกี่ยวว่ารัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยไม่มีความพร้อมด้านมือกฎหมาย แต่เกี่ยวที่ใครมีความสามารถก็เชิญมาช่วยงานกัน เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อใครเลย ฉะนั้นหน้าที่ฝ่ายค้านถ้าไม่วางใจยังไงค่อยว่ากันในสภา นายกฯ พร้อมจะไปตอบ" นายสมคิดกล่าว

พร้อมเลือกตั้งทุกเมื่อ

วันเดียวกันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลสถาบันพระปกเกล้า สำรวจคะแนนความนิยมพรรคการเมือง ซึ่งพรรคก้าวไกลและนายพิธามีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งว่า ขอบคุณประชาชนที่ยังให้การสนับสนุน ตนจะเอามาใช้เป็นพลังงานในการทำงานให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

“แน่นอนว่าทุกโพลมีข้อจำกัดของแต่ละโพล อย่างโพลนี้มีเพียงแค่ 1,600 ตัวอย่างเท่านั้น เพราะฉะนั้นเป็นกำลังใจเป็นแรงผลักดันในการทำงาน ผมไม่ได้มองว่าเป็นการหลงตัวเอง หรือว่าไม่ได้ประมาท ไม่ได้รู้สึกว่าเรานำเกือบจะ 50% แล้ว เราสบายๆ ได้ เราต้องทำงานหนักขึ้นทุกวันๆ เป็นกำลังใจจากพี่น้องประชาชนในการทำงานต่อไปของพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” นายพิธากล่าว

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งหรือไม่ ที่รัฐบาลทำงานมาเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว แต่คะแนนนิยมยังอยู่ที่นายพิธา นายพิธากล่าวว่า เป็นสัญญาณในหลายๆ สัญญาณ โพลแต่ละโพลก็มีข้อจำกัด ตนจึงไม่เคยคิดว่าจะเอามาเข้าข้างตัวเองว่าทำงานได้ดีแล้ว แต่จะเอามาเป็นแรงผลักดันในการทำงาน และยังมีอีกหลายๆ สัญญาณที่ต้องจับตามอง เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม เรื่องการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีนัก ต้องเอาหลายๆ สัญญาณมาประกอบกัน

ซักว่า หากนายเศรษฐาหลุดจากตำแหน่ง จะมีแผนอย่างไร เนื่องจากเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายพิธาตอบว่า แผนของเราก็ทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าหากมีอุบัติเหตุการเมือง เราก็จะมีหลักการในวิธีคิดของเรา ถ้าหากมีการยุบสภา เราก็พร้อมเลือกตั้งทุกเมื่อ ก็คงเป็นไปตามครรลองคลองธรรม ไม่ได้ต้องการที่จะแก่งแย่งชิงดีหรือเอาอำนาจอะไรไป

ถามยํ้าว่า หากนายเศรษฐาหลุดจากตำแหน่งจริง พร้อมจะลงแข่งในการเลือกตั้งนายกฯ รอบหน้าหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถ้ากฎหมายอนุญาตตนก็ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แต่งตั้งตน

มีเจตนาทำผิดพลาด

สำหรับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เชื่อว่านายเศรษฐาจะไม่รอดจากการถูกถอดถอนให้พ้นจากนายกฯ ตามข้อกล่าวหาของ 40 สว. เพราะมีเจตนาทำผิดพลาดในการกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี

อีกทั้งกล่าวถึงพฤติกรรมที่ส่อเจตนาผิดพลาดว่า สำนักเลขาธิการนายกฯ  เจตนาตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ครบถ้วน ทั้งมาตรา 160 ของ รธน. 2560 ซึ่งว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลมาเป็นรัฐมนตรี จนทำให้นายกฯ อ้างเป็นเหตุนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯ แต่งตั้ง

นายจตุพรระบุว่า เจตนาจงใจจึงเป็นปัญหาหนักที่สุด เพราะรัฐบาลชุดก่อนๆ  เคยมีหนังสือเวียนถึงการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นกราบบังคมทูลฯ ต้องตรวจให้ละเอียดไม่ให้มีความผิดพลาด แต่กรณีการตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี แสดงถึงเจตนาที่ต้องการทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น นับตั้งแต่การตั้งคำถามสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ไม่ครบถ้วน  และเป็นการถามเพียงมาตรา 160 (6) และ (7) เท่านั้น

“เจตนาตั้งคำถามที่ผิดพลาด ย่อมทำให้ผู้รับสนองพระบรมราชโองการต้องรับผิดชอบ ดังนั้นนายเศรษฐาจึงอยู่ในสถานการณ์เปราะบาง แม้ให้นายวิษณุ เครืองาม มาช่วยให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหาของ 40 สว. แต่สุขภาพที่อ่อนแรงคงทำงานยาวได้ยาก”

พร้อมทั้งถอดรหัสว่า เมื่อนายวิษณุมีปัญหาหนักต้องล้างไตวันละ 10 ชั่วโมง ร่างกายทรุดโทรมแทบไร้เรี่ยวแรง ดังนั้น การหอบสังขารมาทำงานด้านกฎหมายเป็นที่ปรึกษานายกฯ จึงสะท้อนเวลาทำงานที่สั้น เพราะอาจคาดว่ารัฐบาลอยู่ไม่ได้นาน

ส่วนนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน โพสต์ข้อความว่า วิษณุ เครืองาม  คือหนึ่งในสัญลักษณ์อนุรักษนิยมเก่าที่อยากหยุดสังคมไทย ทั้งที่มันหยุดไม่ได้ หนุ่มสาวที่เป็นสัญลักษณ์อนาคต จึงต้องออกแรงเยอะ เปลืองตัว เปลืองชีวิต เพื่อทะลุทุกขีดจำกัดออกไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง