หนี-เชือด‘เศรษฐา’ จตุพรชี้ทักษิณเหลือ2ทางเลือก/ไพบูลย์เมินนิรโทษฯ112

"ไพบูลย์" ลั่นจุดยืน "พปชร.-ประวิตร" ปกป้องสถาบัน ไม่เอานิรโทษกรรมเหมาเข่งคดี ม.112 "กลุ่ม 40 สว." พร้อมแจงคำร้องถอดถอนนายกฯ ชี้ชัดความผิดของ “พิชิต” ชัดเจน "รังสิมันต์" เย้ย “เศรษฐา-เพื่อไทย” บ้อท่าพึ่ง “เนติบริกร” เป็นมือกฎหมาย เสี้ยมไม่เชื่อมือ “ชูศักดิ์” ตอกย้ำขาดความพร้อมบริหาร ปท. เชื่อหวังช่วยแก้เกมคดีในศาล รธน. ถามนายกฯ ยังมีเครดิตอยู่ไหม “เสี่ยนิด" เมินโต้ บอกถ้าถามในสภาจะตอบ "ธรรมนัส" ปัดไม่เคยรู้กระแส "บิ๊กป้อม" รอส้มหล่นนั่งนายกฯ "จตุพร" ชี้ "ทักษิณ" กลัวคุก มี 2 ทางเลือก ไม่หนีไป ตปท.ก็เชือด "เศรษฐา" พ้นเก้าอี้แลกได้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรค พปชร. ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรรม ที่มีกระแสข่าวจะรวมมาตรา 112 ด้วยว่า จุดยืนของพรรค พปชร.ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค  ตั้งแต่ต้นคือเราไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม

"หลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประวิตร คือการปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว

ขณะที่ นายประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ว่า ถ้าศาล รธน.แจ้งให้ผู้ร้องชี้แจงเพิ่มเติม ทางกลุ่ม 40 สว.จะดูว่าศาลต้องการให้ผู้ร้องชี้แจงประเด็นใดบ้าง และเมื่อทราบประเด็นแล้วจะมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องในประเด็นนั้นๆ ชี้แจง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตามคำร้องมีรายละเอียดชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะพฤติการณ์ตามคำร้อง ในมาตรา 160 (4) และ (5) เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

 “รายละเอียดอยู่ในคำสั่งศาลฎีกาที่วินิจฉัยพฤติการณ์ของนายพิชิตไว้อย่างละเอียดและทุกขั้นตอน ว่ามอบของให้เจ้าหน้าที่ใครบ้าง อย่างไร และเจ้าหน้าที่ได้นำของมาคืน และศาลฎีกานอกจากสั่งลงโทษเรื่องละเมิดอำนาจศาล ยังมอบให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน และผู้ตัดสินคดีเป็นประธานศาลฎีกาขณะนั้น รวมถึงรองประธานศาลฎีกาขณะนั้นชี้ความผิดแล้ว หากศาลจะถามก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นอื่น” นายประพันธุ์กล่าว

ส่วน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สว.กล่าวว่า ได้เตรียมรายชื่อไว้แล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญต้องการให้ชี้แจงประเด็นใด

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีว่า ต้องมองว่าที่ผ่านมาคืออะไร ซึ่งมีข้อท้วงติงมาตลอดของปัญหาด้านกฎหมายต่างๆ แสดงว่าสิ่งที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) ขาดมือกฎหมาย ขาดคนที่จะให้ความเข้าใจในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อผลักดันนโยบาย อาจจะขาดจริงๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง สุดท้ายไม่รู้จะเอาใคร ต้องไปยืมมือนายวิษณุเหมือนเดิม

"พูดง่ายๆ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืมมือนายวิษณุ รัฐบาลนายเศรษฐาก็ยืมมือนายวิษณุ สุดท้ายไหนบอกว่ามีความพร้อมในการบริหารงานบริหารประเทศ ผมมองว่าเป็นเรื่องของเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม ในเรื่องนี้ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนายเศรษฐาขาดเอกภาพ ไม่มีความพร้อมในด้านการบริหารงานจริงๆ สุดท้ายต้องใช้บริการนายวิษณุที่มีส่วนช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น" นายรังสิมันต์กล่าว

เศรษฐาเมินโรมวิจารณ์

ถามว่า มองเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลหรือไม่ที่ขาดมือกฎหมาย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เกิดคำถามว่าที่ผ่านมาปัญหาข้อกฎหมายมีอยู่จริงหรือไม่ ถือเป็นประเด็น แต่ที่เป็นประเด็นใหญ่คือรัฐบาลนายเศรษฐา โดยเฉพาะนายเศรษฐาวิพากษ์วิจารณ์นายวิษณุในหลายโอกาส แต่ถึงเวลาทำเหมือนว่าเรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น ไปบอกว่าเป็นเรื่องของความ ไม่ใช่เรื่องของคน ตนบอกว่าเป็นวิธีการที่จะหลบเลี่ยง สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ ให้มาดูแค่เรื่องกฎหมายในคณะรัฐมนตรี

"นายเศรษฐาจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ กำลังถูกแขวนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าสนับสนุนในสิ่งที่นายเศรษฐาโดน การเมืองควรแก้ด้วยการเมือง แต่ปัญหาคือจุดนั้นหรือไม่ที่ทำให้ต้องเชิญนายวิษณุเข้ามา ผมเชื่อว่าสังคมจำนวนไม่น้อยก็จะตั้งคำถามว่า การที่นายวิษณุเข้ามา คือมีภารกิจทำให้นายเศรษฐารอดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญ" นายรังสิมันต์กล่าว

ถามย้ำว่า มองว่าไม่ใช่ให้นายวิษณุเข้ามาเพื่อกลั่นกรองกฎหมายก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช่หรือไม่ สส.พรรคก้าวไกลรายนี้ระบุว่า ตนไม่แน่ใจว่าทางปฏิบัติจะทำได้แค่ไหน เพราะนายวิษณุก็สุขภาพไม่ดี ซึ่งอาจจะช่วย แต่ช่วยร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่มองคือ นายเศรษฐาไม่ไว้วางใจฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว จึงทำให้ไม่รู้จะไปหาทางออกอย่างไร จึงต้องไปยืมเนติบริกรที่มีผลงานในหลายรัฐบาล คือนายวิษณุ พูดง่ายๆ ก็คือการันตีของแทร่

ซักว่า จะกระทบกับเครดิตของพรรค พท.และนายเศรษฐาหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า สส.พรรคก้าวไกลรายนี้ระบุว่า ต้องดูว่านายเศรษฐายังมีเครดิตมากแค่ไหน ตนขอให้ชวนคิด ไม่อยากจะให้ความเห็นตรงนั้นมาก วันนี้สังคมก็มองรัฐบาลพรรค พท.จับมือกับหลายพรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน และเป็นพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำ  พอมาวันนี้มาตั้งนายวิษณุ แม้จะไม่ได้เป็นรองนายกฯ แต่ต้องยอมรับว่ามีบทบาทคล้ายรองนายกฯ ทำให้คนในสังคมมองว่าคนในรัฐบาลนี้ไม่ต่างจากรัฐบาลเดิมสักเท่าไหร่

"สุดท้ายจะเกิดคำถามเรื่องความเป็นเอกภาพภายในพรรค พท.ว่านายเศรษฐาไม่เชื่อมือนายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมายของพรรค พท.หรือไม่ จึงต้องนำนายวิษณุเข้ามาเป็นเนติบริกร" สส.พรรคก้าวไกลรายนี้ระบุ

 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ย้อนถามนายรังสิมันต์ที่ระบุการเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นเพราะไม่เชื่อมั่นทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังมีนายชูศักดิ์เป็นมือกฎหมายหรือไม่ว่า "ถามผมหรือถามใคร" ก่อนกล่าวอีกว่า แต่ก็เป็นเรื่องของเขาไป ถ้าถามตนในสภาก็จะตอบในสภา แต่ถ้าเป็นคอมเมนต์แบบนี้ ตนไม่ขอตอบ ถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัว

ถามว่า ให้นายวิษณุมาดูกฎหมายทั่วไปใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นไปตามที่คำสั่งได้ออกไปทุกอย่าง

"การเชิญนายวิษณุก็อย่างที่ผมเรียน การคุยกันระหว่างผมกับท่านให้อยู่ระหว่างผมกับท่านดีกว่า ซึ่งผมได้ไปหาท่านจริง" นายเศรษฐากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลต้องหารองนายกฯ เข้ามาเพิ่มหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนละประเด็น ไม่เกี่ยว

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายว่า ตนมีความมั่นใจในตัวท่าน และในรัฐบาลที่แล้วที่ตนเป็นรัฐมนตรีก็เป็นคนหนึ่งที่ปรึกษานายวิษณุมากที่สุดในเรื่องของข้อกฎหมาย จึงมีความคุ้นเคยและเชื่อมั่นในตัวท่าน

ถามว่า การที่ดึงนายวิษณุเข้ามานั้นมองหรือไม่ว่าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลที่นำโดยพรรค พท.ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอื่น ขอวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะเรื่องส่วนตัวของตนกับนายวิษณุ

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลว่า ได้เตรียมสถานที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้คือรอกำหนดวัน โดยต้องดูวันที่นายกฯ ว่าง ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงเดือนมิ.ย. ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.จะมาร่วมด้วยหรือไม่  เดี๋ยวค่อยว่ากัน

ถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรอาจหวังส้มหล่นหากนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระทำขัดรัฐธรรมนูญ ตามที่ สว.ยื่นเรื่องถอดถอน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนทำงานแต่กับกระทรวงเกษตรฯ และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แทบไม่มีเวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์การเมืองหรือไม่ หลังถูก สว.ยื่นถอดถอนนายกฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "ผมอยู่แวดวงการเมืองปีนี้เป็นปีที่ 31 แล้ว ผมเห็นอะไรมาเยอะ"

ร้องสอบวิษณุรวยผิดปกติ

นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งนายวิษณุว่า ในฐานะที่ตนเป็นนิสิตเก่าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือเป็นลูกศิษย์ของนายวิษณุ ซึ่งตนสอบได้คะแนน 98 คะแนนจาก 100 คะแนน ในวิชากฎหมายของนายวิษณุ จนนายวิษณุให้เกียรติโดยเอาชื่อของตนไปใส่ในตำรากฎหมายที่นายวิษณุแต่งเล่มหนึ่ง และในสมัยนั้นตนก็เป็นกรรมการนิสิตคณะนิติศาสตร์ โดยนายวิษณุเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และตนได้ปรึกษากับนายวิษณุบ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้ จึงอยากขอร้องให้นายวิษณุปล่อยวางทางการเมืองเสียที เพราะในโลกนี้ทุกเรื่องไม่มีใครที่ขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้ ต้องมีคนรุ่นใหม่แทนจนได้ นายวิษณุอย่าไปเชื่อหากมีคนมาบอกท่านว่ารัฐบาลนี้ขาดท่านไปไม่ได้

"ผมขออนุญาตเรียนไปยังอาจารย์วิษณุว่า แม้ท่านจะลงเรือแป๊ะมาแล้ว  ตอนนี้ผมไม่ได้ห่วงว่าท่านจะล่มไปพร้อมกับเรือนิด แต่ผมเป็นห่วงสุขภาพของท่าน  จึงขอให้อาจารย์วิษณุใช้เวลาในปัจจุบัน ไปรักษาสุขภาพให้แข็งแรงจะดีกว่า และหาความสุขเดินทางท่องเที่ยวที่ท่านชอบตามวัยของท่าน” นายจุลพงศ์กล่าว

ถามว่า การที่นายกฯ แต่งตั้งนายวิษณุให้ไปช่วยด้านกฎหมาย แสดงว่านายกฯ ไม่ไว้ใจฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายจุลพงศ์กล่าวว่า คงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ตนไม่ทราบว่าความคิดที่ไปดึงนายวิษณุมาช่วย เป็นความคิดของนายกฯ เองหรือไม่ เพราะพวกเราก็เคยรู้อยู่แล้วว่าในสมัยก่อนนายกฯ ก็เคยพูดถึงนายวิษณุไว้อย่างไรบ้าง และในพรรคเพื่อไทยก็มีผู้ใหญ่ด้านกฎหมายที่มีความสามารถหลายคน 

วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงาน ป.ป.ช. เรื่องขอร้องเรียนนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่อว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ผ่านงานสารบรรณ สำนักงาน ป.ป.ช.

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี มีความประสงค์ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของ นายวิษณุ เครืองาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และปัจจุบันดำรงตำแหน่งราชบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายปกครอง และที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน)  ด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 205/2567 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 และบุคคลที่เกี่ยวข้องส่อว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งนายวิษณุแจ้งบัญชีทรัพย์สินเมื่อคราวพ้นตำแหน่งไว้ที่ ป.ป.ช. จำนวน 118 ล้านบาทเศษ

นายวัชระกล่าวว่า ประชาชนให้ตนร้องเรียนกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบว่าเหตุใดนายวิษณุรับราชการปกติ ลำพังเงินเดือนทางราชการหรือเบี้ยประชุม หรือเงินจากทางราชการจะร่ำรวยมากมายขนาดนี้หรือ ตนเชื่อว่านายวิษณุสุจริต ไม่ได้ว่าทุจริต เพียงแต่ประชาชนมีข้อเคลือบแคลงสงสัย ดังนั้นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย จึงขอให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าร่ำรวยโดยปกติหรือไม่ ตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย ป.ป.ช.ต่อไป

 "การที่นายวิษณุมารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแล้วอ้างว่าไม่ได้ตระบัดสัตย์นั้น ท่านอาจารย์เป็นถึงราชบัณฑิต ก่อนหน้านี้พูดว่าปิดประตูการเมือง แล้วมาแถข้างๆ คูๆ แบบนี้ก็สุดแท้แต่ท่านผู้ชม สมัยที่นายวิษณุเป็นรองนายกรัฐมนตรี เคยกระทำอนันตริยกรรมกับสมเด็จพระสังฆราชไว้ใช่หรือไม่ เคยก้าวล่วงศาสนจักรไว้ใช่หรือไม่ ขอให้ท่านทำแต่กรรมดีเถิด" นายวัชระกล่าว

เชื่อทักษิณกลัวคุกหนีสูง

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า  แนวโน้มนักโทษทักษิณ ชินวัตร มี 2 ทางเลือกให้เดินเท่านั้น คือ หนีคดี ม.112 ไปต่างประเทศอีกครั้ง กับเชือดนายเศรษฐา ทวีสิน ให้พ้นจากนายกฯ เพื่อแลกกับความมั่นใจได้ประกันตัวเมื่อถูกนำตัวฟ้องศาลในวันที่ 18 มิ.ย.นี้

"ทักษิณเป็นคนกลัวคุก และคิดทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ดังนั้นก่อนถึง 18 มิ.ย.นี้ จะเห็นร่องรอยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น ถ้าทักษิณไม่หลบหนีไปต่างประเทศ แต่ยอมถูกนำตัวฟ้องต่อศาลอาญาข้อหาคดี ม.112 แล้ว นายเศรษฐาต้องหลุดจากนายกฯ เพื่อแลกกับการได้ประกันตัว ถ้ารอผลวินิจฉัยของศาล รธน. ยิ่งจะเสี่ยงกับผลร้ายตามมามากกว่า” นายจตุพรกล่าว

นอกจากนี้ ถ้า 18 มิ.ย.นี้ นักโทษทักษิณถูกนำตัวไปศาลอาญาฟ้องคดี 112 ต้องมั่นใจว่าได้รับการประกันตัว ซึ่งวันนั้นเชื่อว่าคงไม่มีนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ดังนั้นจึงไม่ควรประมาทสถานการณ์ข้างหน้าที่กลุ่มทุนการเมืองกับนักโทษทักษิณพยายามตั้งรัฐบาลโดยคงกลไกอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้ดั่งเดิม ซึ่งจะยิ่งนำพาให้ประเทศไปสู่ความชะงักงันได้

นายจตุพรกล่าวว่า การตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นที่ปรึกษานายเศรษฐา เพื่อดูงานด้านกฎหมาย แต่การไปทาบทามต้องการให้มาเป็นรองนายกฯ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะไม่ต้องการตระบัดสัตย์กับคำพูดตัวเองที่จะไม่มายุ่งกับตำแหน่งทางการเมืองอีกแล้ว นักโทษทักษิณเคยตราหน้านายวิษณุเป็นคนน่ารังเกียจ ส่วนนายเศรษฐากล่าวหาว่าเป็นคนไม่มียางอาย

อย่างไรก็ตาม ถ้ากลไกรัฐบาลเดินไปแบบพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลผสมกับกลไกของ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งสร้างความอึดอัดให้ประชาชน เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่แคร์ประชาชน ดังนั้น คู่ดีลอีกฝ่ายจึงต้องรุกกลับ เพราะอับอายที่ตัวเองมียศตำแหน่งใหญ่โตแต่ถูกหักหน้าโดยคนอย่างนักโทษทักษิณที่ถูกถอดยศตำแหน่งไปจนหมดสิ้นแล้ว

 “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การจับมือร่วมเป็นร่างเดียวกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับทักษิณ จะเกิดความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างมากมาย แม้นักการเมืองต้องการให้เป็นเช่นนี้ แต่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา” นายจตุพรระบุ

เช่นเดียวกับ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่ง ชาติ โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า หนีไม่หนี หนี มีข่าวลือ เกิดคำถามขึ้นมากมาย หลังอัยการสั่งฟ้องคดี 112 ข่าวลือว่า หนีออกนอกประเทศไปแล้ว กระหึ่มไปทั่ว ถามว่าถ้าสู้คดี มีหลักประกันอะไรว่าจะชนะ แพ้คือติดคุก แกเป็นคนกลัวคุก ปากกล้าขาสั่น แม้แต่น้องวันเดียวก็ไม่ให้เข้าคุก แล้วตัวเองจะเข้าหรือ เมินเสียเถอะ

"ช้าหรือเร็วคำพิพากษาต้องออกมา จะรอศาลพิพากษาว่าผิดติดคุกเสียก่อน หรือว่าหนีขณะที่ตัวยังขาวๆ ไปในขณะที่ยังไปได้ดีกว่าไหม" อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟิล์ม-รัฐภูมิ ยื่น กกต.ไขก๊อกพ้นสมาชิก พปชร. ‘ไพบูลย์’ ชี้เรื่องส่วนตัวไม่กระทบพรรค

เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิดหรือเขาถูก เพราะเราไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ไม่กระทบกับภาพลักษณ์พรรค ไม่ทำให้เรามีปัญหา