หลายจังหวัดส่อฮั้วเลือกสว.

หลายจังหวัดเตรียมความพร้อมเลือก สว.ระดับอำเภอ “แสวง” อ่วม เจอร้องเรียนเพียบ “พิเชฐ” อัดไม่เป็นธรรมตัดสิทธิ เหตุมีผู้สมัครสาขาอาชีพเดียว ยุ ฟ้องศาลฎีกา ด้าน “ทนายอั๋น” แฉบุรีรัมย์ไม่ชอบมาพากลเพียบ เอื้อบางพรรคหรือไม่

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อผู้สมัคร สว.ออกมา โดยมี 5 อำเภอในประเทศที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว ได้แก่ นครราชสีมา กาฬสินธุ์ และน่านอีก 3 อำเภอ และมีอำเภอที่มีผู้สมัคร 2 คน ได้แก่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก แล้วอีกจังหวัดมีผู้สมัคร 3 คนในกลุ่มอาชีพเดียวกัน ซึ่ง กกต.ได้ประกาศตัดสิทธิ ด้วยเหตุผลว่า ในช่วงของการเลือกไขว้ ในการเลือกครั้งที่ 2 ระดับอำเภอ คนเหล่านี้จะไม่มีคะแนนที่จะผ่านไปในระดับจังหวัดได้ว่า ตนมองว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีคนมาสมัครจำนวนมาก การเลือกในระดับอำเภอที่เลือก 2 รอบ รอบแรกเลือกกันเองภายในกลุ่มอาชีพเดียวกัน และรอบที่ 2 เลือกไขว้ อย่างน้อยต้องมี 1 คะแนน นั่นคือ ผ่านกระบวนการเลือกรอบแรกแล้ว แต่กรณีนี้ไม่มีการเลือกไขว้ เพราะมีเพียงกลุ่มอาชีพเดียว จึงมีการตัดสิทธิ

“เหตุใดไม่เปิดโอกาสให้ผ่านระดับจังหวัด เพราะกรณีนี้ถือว่าไม่มีคนเลือก ไม่ใช่ไม่ถูกเลือก จึงถือเป็นการตัดสิทธิอย่างไม่เป็นธรรมกับผู้มีเจตนารมณ์ในการสมัครเข้ามาเลือก สว. จึงอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้สมัครทั้งหลายในกรณีนี้ โดยมองว่าการวินิจฉัยของ กกต.นั้นไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมกับผู้สมัคร และอยากฝากไปถึงผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากกรณีนี้ว่า สามารถยื่นร้องต่อศาลฎีกาภายใน 3 วัน เพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการตัดสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” นายพิเชฏฐระบุ

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่ พร้อมตรวจระบบสื่อสารและคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กล้องวงจรปิดที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอ โดยมีนายประเสริฐ พงษ์สิงห์ ปลัดอำเภอเขื่องใน เป็นผู้สรุปความพร้อมด้านงานอำนวยการและสถานที่ของอำเภอ

ส่วนที่สำนักงาน กกต.บุรีรัมย์ มีการจัดประชุมคณะกรรมการประจำสถานที่เลือก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. พร้อมสาธิตการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการประจำสถานที่เลือก เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล บรรลุผลสำเร็จด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต.บุรีรัมย์ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น  บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ให้ข้อมูลเรื่องโกงการเลือก สว.ที่บุรีรัมย์ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. กกต.เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจจะมาเป็น สว. และมีการปิดรับสมัครทั่วประเทศไทยทุกกลุ่มอาชีพรวมแล้วกว่า 84,000 คน ทาง กกต.มีเงื่อนไขแนะนำตัวและมีกฎระเบียบที่ กกต.สร้างมา แต่ท้ายที่สุดทำให้หลายคนไม่เห็นด้วยว่าใช้เงื่อนไขหรือกฎระเบียบเป็นการจำกัดสิทธิหรือไม่อย่างไร และนำสู่ศาลให้ยกเลิก 5 ข้อ ซึ่งนายแสวงได้บอกว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์ โดยตนได้ตั้งคำถามว่า กกต.ต้องการอะไรจากการจำกัดสิทธิของบุคคลในการสร้างกฎระเบียบในการเลือกตั้ง สว. หรือพวกเขามีวัตถุประสงค์อะไรแอบแฝงบางอย่าง

ร้องบุรีรัมย์พิรุธอื้อ

นายภัทรพงศ์กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ประชาชนที่ไม่ได้สมัครไม่สามารถมีส่วนร่วมเลย ไม่มีสิทธิ์ในการเลือก แต่ กกต.ดันไปสร้างเงื่อนไขเพื่อไม่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ท้ายที่สุดก็จะเกิดการฮั้วกัน และเกิดการตั้งกลุ่มกัน ในฝ่ายการเมืองไม่ว่าจะเป็น สส. หรือนักการเมืองทั้งหลาย มีการส่งเด็กของตัวเองมาสมัคร สว. นอกจากนี้ ขอตั้งคำถามว่า กกต.ทำให้กระบวนการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ไม่โปร่งใสและซื่อตรงใช่หรือไม่ ยกตัวอย่าง จ.บุรีรัมย์ ตามปกติแล้วเขาจะไปสมัคร สว.กันที่อำเภอ แต่ที่ จ.บุรีรัมย์ ไปสมัครที่บ่อนไก่ ซึ่งเป็นบ่อนไก่ของ สจ. โดยมีนายก อบจ. เกณฑ์ชาวบ้านมาสมัคร ชาวบ้านบางคนยังเขียนคำว่า สว.ไม่ถูกต้องเลย และมีปลัดอาวุโสอำนวยความสะดวกต่างๆ

นายภัทรพงศ์กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อให้ กกต.กลางไปตรวจสอบที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเฉพาะนายแสวงที่เป็นคน จ.บุรีรัมย์ และมีคำถามที่จะถามอีกว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง คนพูดถึง จ.บุรีรัมย์ในลักษณะที่ดูถูกดูแคลน ที่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกบ้านใหญ่ เลือกตั้งทุกครั้งไม่โปร่งใสทุกครั้ง ทั้งที่นายแสวงเป็นคนที่มีอำนาจโดยตรงเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ตนอยากถามนายแสวงว่ารู้สึกอย่างไร

เขายังตั้งคำถามอีกว่า ทาง กกต.รู้หรือไม่ หน้าที่ของ กกต.คือการจัดการเลือกตั้ง ให้บริสุทธิ์ ให้ประชาชนรู้สึกว่าอุ่นใจ ในหลายๆ ครั้ง ตนเชื่อว่าทาง กกต.เป็นคนที่ทำลายการเลือกตั้งที่มีเจตจำนงบริสุทธิ์ของประชาชนทั้ง 70,000,000 คน ที่มีการวาดฝันไว้ให้ สว.มาดำรงตำแหน่ง ให้มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้อยากเห็น สว. ที่มาจากอำนาจของนักการเมือง วันนี้ตนเอาหลักฐานบางส่วนมายื่นให้กับทางประธาน กกต.ได้พิจารณา ในการตรวจสอบการทุจริตและเพิ่มมาตรการเพื่อป้องกันการโกงการเลือกตั้ง สว. หลังจากนี้ทาง กกต.จะทำอย่างไรกับ สว.ที่มาจากน้ำมือของนักการเมืองที่มีการล็อกไว้

นายภัทรพงศ์ระบุด้วยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ กกต.จ.บุรีรัมย์ ตนไม่รู้ว่าได้รับเงินจากบ้านใหญ่หรือไม่ กกต.ใครที่จะรับใช้บ้านใหญ่อยู่ในขณะนี้ ทราบว่า กกต.บุรีรัมย์ไปตัดสิทธิเขา 51 คน เนื่องจากไปสังกัดพรรคการเมือง แต่ไม่บอกกว่าพรรคการเมืองไหนบ้าง ตนอยากรู้ว่า 51 คนนี้ มีพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ กล้าตัดพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ กกต.บุรีรัมย์กล้าไปยุ่งกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ หรือว่าพรรคเล็กๆ น้อยๆ พรรคอะไรที่ไม่เกี่ยวกับภูมิใจไทยกล้า แต่กับภูมิใจไทยไม่กล้า หรืออย่างไร

ขณะที่ จ.นครพนม สำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดนครพนม ได้รายงานสรุปข้อมูลผู้สมัคร สว.นครพนม ต่อที่ประชุมคณะกรมการจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 5/2567 มีผู้สมัครจาก 20 กลุ่มอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ตรวจประวัติพบผู้สมัครขาดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ส่วนใหญ่ยังเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จำนวน 7 คน คงเหลือผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น 143 คน

อำเภอที่มีผู้สมัครมากที่สุดคือ อำเภอเมืองนครพนม 58 คน รองลงมาอำเภอนาแก 26 คน และอำเภอธาตุพนม จำนวน 10 คน ฯลฯ กลุ่มอาชีพที่มีผู้สมัครมากที่สุดคือ กลุ่มสตรี 24 คน รองลงมาเป็นกลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์สาธารณประโยชน์ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระกลุ่มละ 17 คน กลุ่มการศึกษา 15 คน ส่วนกลุ่มอาชีพที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม กลุ่มละ 1 คน

จากข้อมูลการรับสมัครพบว่า มีอดีตนักการเมืองที่มีชื่อเสียงลงสมัครแค่ 2-3 คน นอกนั้นจะเป็นอดีตข้าราชการ ขณะเดียวกัน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวการรับสมัครน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอ้างว่าไม่มีส่วนร่วมในการเลือก เหมือนการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน

ทั้งนี้ สำหรับการเลือก สว.ระดับอำเภอ กำหนดในวันที่ 9 มิ.ย.67 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิ.ย. และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิ.ย.

เร่งวางมาตรการกันทุจริต

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสัมมนาโรงแรมเวลาดี เขตเทศบาลเมืองนครพนม  น.ส.พิมล โพนทราย ผอ.กกต.นครพนม ได้จัดโครงการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในกิจกรรมอบรมให้ความรู้เครือข่ายพลเมืองช่วยเหลือและสังเกตการณ์การเลือกตั้ง สว. โดยมีเป้าหมายที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายพลเมือง และส่งเสริม สนับสนุน บูรณาการความร่วมมือ รวมถึงให้เครือข่ายมีการประชาสัมพันธ์ ในการพัฒนาการมีส่วนร่วม ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระบวนการการได้มาซึ่ง สว.ที่จะมีขึ้น

โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเครือข่ายภาคพลเมือง ได้แก่ กรรมการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย ดีเจประชาธิปไตยอาสาสมัคร หน่วยงานภาคีเครือข่าย สภาองค์กรชุมชน และเครือข่ายภาคประชาชน จำนวน 106 คน ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 19 คน รวมทั้งสิ้น 125 คน โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เดินทางมาร่วมชมสาธิตการเลือก สว.ของแต่ละกลุ่มในแบบฉบับย่อ

ทั้งนี้ น.ส.พิมลกล่าวว่า เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินการ  เพราะผู้อบรมเหล่านี้มีส่วนในการสังเกตการณ์การเลือก สว. เพื่อให้กระบวนการเลือกฯ เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที่ จ.เลย นายอนุกูล ศรีจันทร์งาม ผู้อำนวยการสำนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดเลย เปิดเผยว่า หลังจากได้ปิดรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา ในพื้นที่ 14 อำเภอของ จ.เลย ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้สนใจยื่นสมัครจาก 20 กลุ่มอาชีพ รวม 907 คน และกลุ่มอาชีพเกษตรกร เป็นกลุ่มที่มีผู้สมัครรับเลือกมากที่สุด หลังจากหมดการรับสมัครได้มีกระแสข่าวลือในจังหวัดเลย ว่ามีบางกลุ่มการเมืองในพื้นที่ ได้ว่าจ้างให้คนไปสมัคร สว. โดยเฉพาะกลุ่มเป็นสตรี อสม.บางพื้นที่ โดยมีการระบุว่า จ้างคนละ 2,000 บาท ไม่รวมค่าสมัครอีก 2,500 บาท

นายอนุกูลกล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ทางกกต.เองไม่ได้นิ่งนอนใจ และให้เจ้าหน้าที่ลงหาข่าวตรวจสอบตลอดเวลา เพราะเกรงว่าจะมีการฮั้วกัน ซึ่งทาง กกต.เองได้เตรียมการรับมือในเรื่องพวกนี้อยู่ เริ่มต้นตั้งแต่การรับสมัคร ซึ่งเราจะมีเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่เร็วที่จะเข้าไปสังเกตอยู่ในนั้น และยังมีผู้ตรวจการลงไปทุกพื้นที่ที่มีกระแส แต่สุดท้ายกระแสก็คือกระแส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าหากมีพยานหลักฐานจะไม่ละเลย

นายอนุกูลยังเปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้มีการกำหนดวันที่เลือก สว.ระดับอำเภอ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ หากมีการฮั้วและมีข้อสังเกตผู้สมัครไปเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต้องมีข้อสังเกตในกลุ่ม ในวันนั้นเราจะมีชุดเคลื่อนที่เร็วประจำอยู่ในที่เลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีผู้ตรวจการเลือกตั้งจะเข้าไปสังเกตการณ์เลือกตั้งในนั้นด้วย หากพบว่ามีความผิดปกติหรือข้อสังเกตจะมีการรายงานเข้ามา

เขากล่าวด้วยว่า ทาง กกต.มีระเบียบว่าด้วยการสืบสวนสอบสวน มีความปรากฏไม่ต้องมีใครมาร้อง เราสามารถหยิบยกตั้งเป็นสำนวนดำเนินการ และนำไปสู่การดำเนินการฟ้องร้องนำไปสู่ขบวนการทางศาล เพราะฉะนั้นผู้ใดหรือแม้แต่ชาวบ้านพบเห็น หรือมีพยานหลักฐาน ทางเราพร้อมที่จะรับข้อมูลนั้นมาพิจารณาและรายงานให้ กกต.ส่วนกลางทราบ ทางเรานอกจากจะมีชุดเคลื่อนที่เร็วและชุดผู้ตรวจการ เรายังมีการแต่งตั้งเครือข่ายซึ่งเป็นประชาชนในพื้นที่เข้ามาเป็นผู้สังเกตการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวในพื้นที่ยังคงเป็นแค่กระแส แต่ทาง กกต.จะระวังและหาข่าว พร้อมเฝ้าสังเกตกลุ่มพวกนี้อยู่ หากเราพบและมีพยานหลักฐานเราจะดำเนินการให้ถึงที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง