คลังปัดฝุ่นลดหย่อนภาษีรอเงินหมื่น

“คลัง” เดินเครื่องเร่งงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างรอ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เล็งปลุก Easy e-Receipt   กระทุ้งช่วงสั้น พร้อมสั่ง “สรรพากร” ดึงเทคโนโลยีเสริมแกร่งหวังช่วยจัดเก็บรายได้เพิ่ม รับภาพถอนขนเป็ดปีงบ 67 หลุดเป้าแต่ไม่กระทบรัฐ

เมื่อวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2567   นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมสรรพากรว่า จากการหารือของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาหลายจุด ทั้งภาคการผลิต การเกษตร และอุตสาหกรรม จำเป็นต้องพิจารณากลไกในการกระตุ้นที่มีความเหมาะสม โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นระยะสั้นในช่วง 5 เดือนที่อยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้

“ได้มอบโจทย์ให้ 3 กรมจัดเก็บภาษีไปเร่งพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยยอมรับว่าอยู่ระหว่างพิจารณาในหลายมาตรการ ทั้งใหม่และเก่าที่เคยทำก็อาจเอามาทำได้ เช่น  โครงการเดิมที่เคยทำมาแล้วอย่าง Easy e-Receipt ซึ่งก็อยู่ในแผน แต่อาจต้องไปพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการกับกลุ่มใดแบบเฉพาะเจาะจงหรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาพิจารณารายละเอียดทั้งหมดก่อน”

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น จะเป็นเรื่องของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งกลไกทางภาษีมีส่วนสำคัญเพื่อกำกับธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับแนวนโยบาย หรือมาตรการของรัฐ เช่น เรื่องแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยไม่ได้หวังเพียงแค่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว (ESG) เรื่องฝุ่นควัน กลไกในการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ผู้สูงอายุ รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจในระยะยาว และเพื่อให้ไทยกลับมาอยู่ในขีดความสามารถในการแข่งขันที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายให้กรมสรรพากรเร่งขยายฐานภาษี โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็น Zero Tax Gap ในปี 2570 รวมถึงการเร่งปรับปรุงข้อกฎหมายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ง่ายขึ้น

“สัดส่วนตัวเลขการจัดเก็บรายได้ต่อจีดีพีในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง ดังนั้นจำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ แนวทางหนึ่งคือดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ หาหนทางขยายฐานภาษี รวมทั้งสร้างกลไกในการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เพื่อให้เข้าใจว่าการเสียภาษีแล้วจะเกิดประโยชน์อย่างไร” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์ยังกล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2567 นั้น อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 1 กรม คือ กรมสรรพสามิต จากการลดภาษีน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยหากให้ทำอีกก็จะทำเรื่อยๆ เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่การจัดเก็บที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงานของภาครัฐ เพราะเป็นเพียงการพลาดเป้าเล็กน้อย และรัฐบาลมีกลไกทางพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และเงินคงคลังในการบริหารจัดการตามกรอบกฎหมาย

รมช.การคลังยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการแบ่งงาน ที่ได้รับผิดชอบให้ดู 3 กรมภาษีว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง แบ่งงานตามฟังก์ชันของหน่วยงาน เช่น หน่วยงานที่ดูแลเรื่องทรัพย์สิน เช่น สำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกรมธนารักษ์ ส่วนกรมภาษีเป็นเรื่องของการจัดเก็บ จึงอยู่ในความรับผิดชอบเดียวกัน เป็นการแบ่งงานเพื่อให้เหมาะสมกับการขับเคลื่อนงานของกระทรวงการคลัง โดยยืนยันว่าข้าราชการกระทรวงการคลังมีความเป็นมืออาชีพ มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกในการปฏิบัติงาน จึงไม่มีความเป็นห่วงเรื่องการทำงาน เพราะหลายนโยบายที่ได้รับมอบจากรัฐบาลก็สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างจำนวนมากแล้ว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการพิจารณานำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า ได้นำข้อมูลส่งกลับไปยังฝ่ายนโยบายพิจารณา  โดยจะประชุมเพื่อหารือแนวทางร่วมกันอีกครั้ง แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาในขณะนี้ โดยหากฝ่ายนโยบายตัดสินใจดำเนินการ  ก็เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ เพราะมีกลไกเดิมที่รองรับอยู่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ชาญ’นำ‘แจ๊ส’นายกอบจ.ปทุม

ลุ้นมันหยด ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กกต.ปทุมฯ ตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 70 ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ "บิ๊กแจ๊ส" กับ "ลุงชาญ" คะแนนเบียดกันสูสี ก่อนที่ลุงชาญจะขึ้นนำในช่วงท้าย