เจรจาจีนจบแล้ว ‘เรือดำน้ำ’ไปต่อ ทอ.ซื้อเครื่องบิน

ผบ.ทร.เจรจาจีนจบแล้ว  “เรือดำน้ำ” ไปต่อ รอเข้า ครม. แก้สัญญา   มั่นใจหากเข้าประจำการจะล้ำสมัยในอาเซียน ยิงจรวดได้เหมือนในหนังฝรั่ง “สุทิน” สัญญางบฯ 68 ให้เครื่องบินรบ ฟริเกต ทร.เข้าคิวต่อ ย้ำไม่ได้ซื้อเพิ่ม เป็นการทดแทน ทบ.-ทอ.-ทร. โชว์ซ้อมรบเต็มอัตราศึก ทหารม้าโชว์รถรบยุคสงครามเย็น

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาเรือดำน้ำว่า เป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะนำเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อนำสู่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะเป็นที่สิ้นสุดว่าจะเดินหน้าหรืออย่างไร หาก ครม.ได้พิจารณาให้เดินหน้าต่อ เราก็มาแก้ไขสัญญา มาถึงขั้นตอนนี้แล้วไม่ยาก และเมื่อแก้สัญญาแล้วก็เดินหน้าต่ออีก 1,217 วัน กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำมาเป็นเขี้ยวเล็บให้กับประชาชนคนไทย

“หากเราได้เรือดำน้ำลำนี้มา จะเป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัย และเป็นลำแรกของภูมิภาคนี้ ที่มีอาวุธนำวิถีปล่อยจากใต้น้ำ ที่เหมือนกับหนังฝรั่งที่เรือดำน้ำอยู่ใต้น้ำและสามารถปล่อยอาวุธจากใต้น้ำ เป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญที่สุดของกองทัพเรือ ซึ่งอาวุธดังกล่าวอยู่ในสัญญาที่ซื้อเรือดำน้ำอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยจะต้องภูมิใจกับเรือดำน้ำลำนี้”  พล.ร.อ.อะดุงกล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากได้ลำแรกแล้วเราจะดูลำที่ 2-3 เลยหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า เราต้องทำให้ประชาชนสบายใจและมั่นใจ ซึ่งกองทัพเรือมั่นใจว่าลำที่หนึ่งดี

 “เมื่อเราเดินหน้าเรือดำน้ำจนถึงขั้นตอนสุดท้าย จะเซ็นรับหรือไม่รับในช่วงปลายปี 2570 ต้นปี 2571 ถ้าไม่เป็นไปตาม Condition ที่เราตกลง เราก็ไม่ต้องเซ็นรับ ด้วยความสบายใจ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนนี้เราจะเดินหน้าไปสู่วันสุดท้ายในการส่งมอบเรือ ซึ่งการเจรจากับจีนครั้งล่าสุด ก็น่าจะจบแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา” ผบ.ทร.กล่าว

 ที่สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี และการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA-S ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567

ขณะที่ สนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3 จังหวัดสุโขทัย กองทัพอากาศ    ร่วมดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริงในการปฏิบัติการร่วมกับกองทัพบก โดยมีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธาน  โดยมีกำลังทางบก ประกอบด้วย รถถังเบา 32 (Stingray) จำนวน 30 คัน, รถสายพาน M113 จำนวน 16 คัน ซึ่งเป็นรถรบที่เข้าประจำการมาหลายสิบปี รวมถึง ปืนใหญ่ 105 มม. จำนวน 6 กระบอก, เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 120 มม. จำนวน 6 กระบอก และกำลังพล จำนวน 600 นาย และกำลังทางอากาศ ประกอบด้วย อากาศยานไร้นักบิน DA-42 จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องบิน F-16 จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องบิน T-50 จำนวน 3 เครื่อง, เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC-725 จำนวน 2 เครื่อง, ชุดผู้ควบคุมอากาศยานหน้า และชุดควบคุมการรบ จำนวน 20 นาย เข้าร่วม

นายสุทินให้สัมภาษณ์หลังชมการฝึกว่า เป็นการฝึกสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด ซึ่งตนพอใจกับการฝึกในครั้งนี้ และมองว่าเหล่าทัพมีศักยภาพอยู่แล้ว วันนี้ยังไม่พบข้อผิดพลาด เพราะมีประสิทธิภาพสูง เป็นที่น่าพอใจ ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีในการรบ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกับสังคม แต่เชื่อว่าสังคมก็เรียนรู้ และหลายประเทศก็พัฒนากองทัพ และเห็นว่ามีเหตุสงครามเกิดขึ้น ก็ต้องพิจารณาว่าประเทศเราจะทำอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องอธิบาย ซึ่งวันนี้กองทัพก็อธิบายให้สังคมเข้าใจ ดังนั้นเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์คงได้รับความเห็นชอบจากประชาชนมากขึ้น

 “การฝึกในวันนี้ผมก็อยากให้เต็มสิบ แต่ต้องผลการประเมินหลังการฝึก แต่ที่เห็นในวันนี้ประสบความสำเร็จสูง แต่การพูดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เป็นการเอาใจกองทัพ ผมชื่นชมจริงๆ” นายสุทินกล่าว

เมื่อถามว่า ในการชมฝึกกำลังทางอากาศในวันนี้ เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการจัดหาเครื่องบินรบของกองทัพหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า หากดูจากในวันนี้ก็ยังสามารถทำงานได้ แต่ถ้าใช้งานมากกว่านี้และสถานการณ์เข้มข้นกว่านี้ ต่อให้เก่งขนาดไหน การประเมินของนักบิน ก็จะมีเรื่องอายุการใช้งาน รวมถึงยุทโธปกรณ์ประเภทอื่น เช่น รถถัง บางรุ่นที่มีอายุใช้งานมานานตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะจัดหาใหม่นั้น นายสุทินกล่าวว่า มองว่าไม่ได้เป็นการซื้อเพิ่ม แต่เป็นการซื้อทดแทนของเก่าที่หมดอายุ โดยดูเหตุผลและความจำเป็น ในส่วนของ ทอ. ที่เครื่องบินจะทยอยปลดประจำการ จึงมีความจำเป็นต้องซื้อทดแทน ซึ่งเรื่องนี้สังคมมีคำตอบ เราต้องทำให้กองทัพแข็งแกร่ง ไม่มีเหตุอย่างอื่น ที่จะทำให้กองทัพอ่อนแอ มีเหตุผลที่ต้องซื้อ เมื่อคนอื่นแข็งแกร่งเราก็ต้องพัฒนาตัวเอง ซึ่งจะต้องดูคู่แข่งด้วย

ส่วนเหตุการณ์ที่ กมธ.งบประมาณฯ ปี 2567 ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายคว่ำงบโครงการจัดหาเรือฟริเกต นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของการวางไทมิงงบประมาณ แต่สุดท้ายก็ให้เพื่อจัดลำดับงบประมาณมาให้โป่งพอง ไม่ใช่ให้ปีเดียวหลายโครงการ เมื่อถามย้ำถึงโครงการจัดหาเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ ในปีงบประมาณ 2568 จะอนุมัติหรือไม่ นายสุทินกล่าวยืนยันว่า “ให้”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง