ติดดาบ‘วิษณุ’ประชุมครม.ได้

"เศรษฐา" เซ็นตั้ง  "วิษณุ" แล้ว ตำแหน่งขยับ จากที่ปรึกษา สลค. ติดดาบเป็นที่ปรึกษานายกฯ เข้าไปพูดในที่ประชุม ครม.ได้ ดูเอกสารสำคัญได้ ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน แต่มีเบี้ยประชุม เจ้าตัวยอมรับต้องให้คำปรึกษาเรื่อง 40 สว.ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติอยู่แล้ว แต่ไม่เกี่ยวเรื่้องพา "ยิ่งลักษณ์" กลับ    ขณะที่ "บิ๊กทิน" ยกสำนวน "เติ้ง เสี่ยวผิง"   แมวดำหรือแมวขาว เราไม่สน ขอให้จับหนูได้

 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 204/2567 เรื่อง การแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ มีเนื้อหาสรุปว่า เพื่อให้การบริหารราชการ การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำปรึกษา เสนอความเห็น และประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน สมควรแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  ในฐานะที่ปรึกษาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 

โดยมีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายหรือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร้องขอ ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรีตามที่มอบหมาย เชิญเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม หรือให้ข้อมูลรายละเอียด หรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร ให้ข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนได้ตามความจำเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และแต่งตั้งคณะทำงานหรืออนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น

 โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี   สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการดำเนินการ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด  โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ด้านนายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องเข้าทำเนียบรัฐบาล และตนไม่มีอะไรพูดไปกว่าสิ่งที่นายเศรษฐาได้พูดไปแล้ว นายกฯ พูดตรงและครบทุกประเด็น ที่ผ่านมานายกฯ มาพบตน มาขอให้ตนไปช่วย ก็ได้บอกไปว่าสุขภาพไม่ดี เปิดพุงให้นายกฯ ดูด้วย และที่สำคัญ 3 ข้อที่ตนปฏิเสธไป หนึ่งคือปัญหาสุขภาพ เมื่อก่อนเป็นแค่ไตอย่างเดียว วันนี้มีปัญหาเรื่องตาด้วย เพิ่งไปลอกตามา สอง ช่วง 10 เดือนที่ตนห่างหายไปก็ไปรับงานอื่นหลายอย่าง หากต้องลาออกไปงานเขาก็จะเสีย สาม มีเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาในบ้านที่ต้องจัดการ เลี้ยงหลานเลี้ยงลูก เดิมวางแผนไว้อย่างนั้น แต่นายกฯ บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นให้ตนมาเป็นที่ปรึกษาก็ได้ โดยไม่ต้องทำอะไรมากมาย ตนก็ได้แจ้งไปว่าไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน  นายกฯ เลยบอกว่าไม่ต้องเป็นที่ปรึกษานายกฯ ตามตำแหน่ง

โดยที่ปรึกษามีสองแบบ คือที่ปรึกษาโดยเจาะจงที่มี 5 คน และตั้งไปครบแล้วตนไม่ยอมเป็นอันนั้นแน่ เพราะการเป็นข้าราชการการเมืองต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน  แต่มีที่ปรึกษาอีกเยอะที่สามารถตั้งได้ อย่างที่นายกฯ เคยตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และอีกหลายคน นายกฯ เลยบอกให้มาเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ ที่ไม่มีห้องทำงาน ไม่มีรถประจำตำแหน่ง ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง มีแต่เบี้ยประชุม และได้ขอให้ช่วยทำในบางเรื่องที่รัฐบาลมีปัญหา ซึ่งตนก็ได้ถามไปเหมือนกันว่าทุกวันนี้มีปัญหาอะไร ก็เห็นทำได้ดีอยู่ แต่นายกฯ บอกว่ามีปัญหาอยู่เหมือนกัน เพราะบางทีเกิดความไม่แน่นอนขึ้นมา และในคณะรัฐมนตรีไม่มีนักกฎหมาย บางทีก็มีการทักท้วงกันระหว่างผู้ไม่รู้กับผู้ไม่รู้ หรือบางครั้งก็มีการทักท้วงจากคนข้างนอก เพราะฉะนั้นนายกฯ เลยบอกว่าอาจจะส่งประเด็นที่มีการทักท้วงให้ตนดูก่อน

ต้องให้คำปรึกษาคดีตั้งถุงขนม

"ผมก็บอกว่าหากเป็นเช่นนั้นก็ได้ ให้เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วกัน จะได้ไม่โลว์โปรไฟล์ และผมจะช่วยดูวาระคณะรัฐมนตรีที่สำคัญบางเรื่อง ซึ่งนายกฯ บอกว่าก็ได้ แต่ตอนหลังมีคนมาบอกผมว่าได้ไปคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งหลาย และเขาอยากให้ผมเข้ามานั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย คอยยกมือ อาจจะท้วงหรือแถมในระหว่างประชุม จะได้ไม่เสียเวลา ไม่เช่นนั้นหากมีมติไปก่อนแล้วไปเช็กทีหลัง ผมก็ทักท้วงไปว่าในที่ประชุมมีกฤษฎีกามีกระทรวงยุติธรรมอยู่ก็น่าจะช่วยได้ รัฐมนตรีหลายคนก็เป็นนักกฎหมาย เช่น คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  นายกฯ บอกว่าบางเรื่องเป็นอย่างนั้นได้ แต่บางเรื่องรัฐบาลต้องการความเห็นที่กลางๆ กรณีคุณพีระพันธุ์ ถ้าพูดอะไรในขณะที่เป็น รมว.พลังงานด้วยมันจะลำบาก ผมจึงบอกว่าแล้วแต่นายกฯ ไปจัดการ แต่ได้แจ้งไปว่าหากนายกฯสามารถหารองนายกฯ ที่ช่วยดูเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ผมก็จะขอกลับไปทำงานอย่างเดิม"

   เมื่อถามว่า สรุปแล้วตำแหน่งที่รับเป็นที่ปรึกษา สลค. หรือที่ปรึกษาของนายกฯ  นายวิษณุกล่าวว่า ตอนแรกเป็นที่ปรึกษา สลค. แต่มีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น จ่ายเบี้ยประชุมไม่ได้ และไม่มีสิทธิ์เข้าไปดูเอกสารและเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี  ตนก็เลยได้ยินว่าจะให้ตนเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ความจริงการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีไม่มีปัญหา ใครเข้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นที่ปรึกษา สลค. จะพูดอะไรไม่ได้ แต่การเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ สามารถพูดได้

เมื่อถามว่า การเข้ามาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่ 40 สว.ยื่นสอบคุณสมบัตินายกฯ ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรเลย เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะปรึกษาเรื่องนี้ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นไปได้ และคงต้องทำอยู่แล้ว เพราะเวลาเขามีอะไรเขาก็ต้องปรึกษา สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มีคดีความก็ส่งมาให้ตนดู แต่ยืนยันกรณี 40 สว. ตนไม่เป็นหัวขบวน นายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นเจ้าของเรื่อง มีทนาย มีกฤษฎีกา อัยการ ช่วยทำให้ แต่การที่มีหลายทีมอาจทำให้มีความคิดเห็นขัดกัน จึงให้ตนเข้าไปช่วยดูด้วยว่าแต่ละคนที่มีความเห็นคนละด้านจะนำมาผสมกลมกลืนอย่างไร

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่เข้ามาอาจต้องดูเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมา และคดีของนายทักษิณด้วย นายวิษณุกล่าวว่า ไม่จริง เพราะความจริงการจะเอา น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาไม่ยากเลย ซื้อตั๋วส่งไปให้แกก็กลับมาได้แล้ว ปัญหาคือมาแล้วต้องถูกจำคุก 5 ปี ตามที่ศาลตัดสินไว้ แล้วตนจะไปช่วยอะไรตรงนี้ได้ หรือกรณีของนายทักษิณ ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ที่ผ่านมาเพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ แล้วตนจะไปช่วยอะไรได้ เขาก็ต้องทำของเขาเอง

เมื่อถามอีกว่า หลังมีข่าวออกมา โซเชียลได้ไปขุดคำพูดของนายกฯ ที่กล่าวถึงนายวิษณุว่าไม่มียางอาย นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ติดใจอันนี้ เหมือนที่นายทักษิณเคยพูดถึงตนไว้ ตอนนั้นตนก็แลกไปคนละหมัดแล้ว เมื่อถามอีกว่านายเศรษฐาระบุว่าเป็นการว่าที่ความ ไม่ใช่ว่าที่คน นายวิษณุกล่าวว่า อันนี้จริง นายกฯก็พูดกับตนแบบนี้เช่นกัน นายกฯ บอกว่า เราเอาความเป็นใหญ่ และตนรู้จักนายเศรษฐามาก่อนนานแล้ว

เมื่อถามอีกว่า ทำไมถึงใจอ่อน เพราะคนในโซเชียลก็โจมตีว่าเป็นการตระบัดสัตย์ นายวิษณุกล่าวว่า “ก็ผมไม่รับไง เพราะถ้าผมตระบัดสัตย์ผมก็เป็นรองนายกฯ ไปแล้ว ผมอุตส่าห์เขียนหนังสือ  “ทะเลกับหาดทราย” วันหนึ่งทะเลซึ่งก็คือการเมืองมันคงขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อยๆ ที่หมอดูเคยทายเอาไว้วันนี้ก็มาถึง แต่ให้เป็นรองนายกฯ ผมไม่เป็น เพราะเคยบอกแล้วว่าใครมาชวนจะเปิดสะดือให้ดู แล้วก็เปิดให้ดูจริงๆ และผมไม่หนักใจการวิจารณ์ในโซเชียล ระบอบประชาธิปไตยใครจะว่าอะไรก็ว่าไป ข้อสำคัญ สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง บริสุทธิ์ ที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ย่อมรู้อยู่แก่ตัวเอง"

เมื่อถามว่า ถ้ายังไม่มีรองนายกฯ ด้านกฎหมาย ก็จะนั่งตำแหน่งนี้ยาวเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไปถึงจังหวะพอสมควร ถ้านานไปตนก็มีเหตุผลร้อยแปดที่จะบอกนายกฯ

แมวดำหรือแมวขาวเราไม่สน

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่า การเมืองในทุกรัฐบาลจะมีช่วงตื่นเต้น มีช่วงสงบ และช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ ตนคิดว่ารัฐบาลนายเศรษฐายังอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติ คลื่นลมทะเลจะให้ราบเรียบคงไม่มี ก็จะมีคลื่นอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับเรือจมหรือเดินไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยโดนหนัก ทั้งตัวนายเศรษฐาและนายทักษิณ รมว.กลาโหมตอบว่า เป็นกลไกของบ้านเมืองและกระบวนการยุติธรรม ก็เดินหน้าไป แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดอะไรรุนแรงต่อประเทศ อีกทั้งยังมีกลไกทดแทนและขับเคลื่อนประเทศไปได้

"พรรคเพื่อไทยจะก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ เพราะเรามีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสมควร ขณะเดียวกันยืนยันว่ายังไม่มีกระแสต่อต้านนายวิษณุ จากคนในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเขาอยากให้รัฐบาลมั่นคงและแก้ปัญหาได้ ผลักดันนโยบายต่างๆ จนสำเร็จ เพราะฉะนั้นจะมีแมวดำหรือแมวขาวเราไม่สน สามารถจับหนูได้" นายสุทินระบุ

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่อว่ากระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ จากกรณีเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศลงวันที่ 28 เมษายน 2567 แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

"ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  เป็นการคบค้าสมาคมกับผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่  ทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) โดยเหตุขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และการกระทำของนายเศรษฐามีลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๐ (๕) ด้วยเหตุนายเศรษฐาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่ใช้บังคับกับคณะรัฐมนตรี"

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการระบุว่าจะแหกปากกาโพลที่ระบุว่าประชาธิปัตย์จะได้สส.น้อยลงว่า จากการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ผ่านมานั้น เป็นการทำพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และจนถึงตอนนี้ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนและผู้นำศาสนา  รวมถึงอีกหลากหลายกลุ่ม ซึ่งตนยืนยันคำเดิมว่า มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้ สส.มากกว่าโพลที่ออกมา

เมื่อถามว่า ในสถานการณ์ตอนนี้มีการประเมินหรือจะมีปัจจัยอะไรที่จะต้องเปลี่ยนรัฐบาล หรือจะมีการจับขั้วจับมือกันใหม่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้

ถามย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะจับมือกับทุกพรรคหรือเลือกเฉพาะพรรค นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่ เราก็เลือก  อย่าคิดว่าเราอยากเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ใช่ ตนอยากฝากไปบอกถึงประชาชน และนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่าให้เลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว แต่การที่เป็นพรรคการเมืองจะต้องพร้อมทั้งการเป็นรัฐบาลและเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนที่ประกาศออกมาแล้วจะต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วได้เป็น หรือตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในโลกก็ไม่มี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป