ยื้ออัยการฟ้อง112 ‘ทักษิณ’อ้างติดโควิด/วิษณุประดับครม.4มิ.ย.ช่วยนายกฯ

"เศรษฐา" มั่นใจตั้ง  "วิษณุ"  นั่งที่ปรึกษา สลค. ช่วยงานกฎหมาย ลั่นรู้จักกันส่วนตัวไม่กลัวถูกวางยา จ่อให้เข้าร่วมประชุม ครม. 4 มิ.ย. "เนติบริการ" เตรียมเข้าทำเนียบฯ 30 พ.ค. บอกรับแค่กุนซือไม่สนเก้าอี้อื่น ปัดไม่ใช่หัวขบวนแจงศาล รธน. "เลขาฯ ครม." ยันตรวจสอบคุณสมบัติ "รมต." ถูกต้องทุกขั้นตอน  "ภูมิธรรม" เมินข่าว 40 สว.ล้มนายกฯ โยงบ้านป่ารอยต่อฯ "ทักษิณ" ส่งทนายยื่นอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี ม.112 วันพุธ 29 พ.ค.นี้ อ้างติดโควิด "คปท.-จตุพร" ดักคออัยการต้องยึด กม. ทำให้ถูกต้อง

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 28 พ.ค. เวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม  อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย  สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา   เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่า รอคำสั่งอย่างเป็นทางการดีกว่านะครับ

ถามว่า เมื่อนายกฯ ทาบทาม นายวิษณุไม่ปฏิเสธเลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำคำเดิมว่า รอคำสั่งอย่างเป็นทางการดีกว่านะครับ เมื่อซักว่าให้นายวิษณุมาช่วยงานด้านใด นายกฯ ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า แสดงว่ารัฐบาลยังมีช่องโหว่ด้านกฎหมายหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามเช่นกัน ถามต่อว่าจะถึงขั้นแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบ ก่อนเดินเข้าไปยังบริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1

ต่อมาหลังการประชุม ครม. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเหตุผลการแต่งตั้งนายวิษณุว่า กำลังอยู่ในช่วงการร่างคำสั่งอยู่ เป็นเรื่องของความถูกต้องและเหมาะสม เมื่อถามว่านายวิษณุก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยงานใช่หรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า “ครับ ใช่ครับ เรื่องนี้ผมได้ไปพูดคุยกับท่านมาแล้ว”

ซักว่า เป็นการสะท้อนหรือไม่ว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยขาดกุนซือมือกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า ความจริงแล้วการทำงานก็มีผู้ชำนาญงานในด้านต่างๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมายหรือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเราก็พยายามหาทางเพื่อที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล เพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอยู่ตลอดเวลา

ถามว่า ใครแนะนำให้นายกฯ ไปพูดคุยกับนายวิษณุหรือไม่ นายเศรษฐาได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะบอกว่า คำถามต่อไปครับ และกล่าวต่อว่า  ก็รู้จักกันอยู่แล้วครับ รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ต้องการที่จะไปคุยกับนายวิษณุอยู่แล้ว ไม่มีใครแนะนำใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ครับ เราทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว ทีมผมที่ทำงานอยู่ในทำเนียบฯ ก็รู้จักอยู่แล้ว โดยเฉพาะ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็รู้จักกับนายวิษณุดีอยู่แล้ว

พอถามว่า มีบางฝ่ายกังวลแทน เนื่องจากนายวิษณุเคยอยู่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จึงเกรงว่าจะมีการวางยาหรือไม่   นายกฯ กล่าวว่า ถ้ากลัวตรงนี้ก็คงไม่ไปชวนท่านมาหรอกครับ เมื่อถามว่านายวิษณุก็พร้อมที่จะช่วยงานรัฐบาลทุกด้านใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าทุกด้านดีกว่า แต่เป็นการช่วยงานตามที่มีการพูดคุยกัน ตอนนี้ขอให้รอดูคำสั่งก่อนเพื่อความถูกต้อง

นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีมีการพาดพิงถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุอยู่เบื้องหลังกลุ่ม 40 สว.ว่า เรื่องนี้ได้อ่านข่าวมาบ้าง แต่อย่าไปพาดพิง พล.อ.ประวิตรเลยดีกว่า เพราะพรรค พปชร.ก็ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ตนก็ทำงานร่วมกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้โอเค ไม่มีปัญหาอะไรกัน 

"ผมว่าอย่าไปกล่าวโทษท่านโดยไม่มีหลักฐานเลยดีกว่า เพราะขณะนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผมก็มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลและชี้แจงต่อศาลภายใน 15 วัน ตรงนี้ก็ขอให้ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่อยากจะไปกระทบกระทั่งอะไร เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการแล้ว ผมก็มีหน้าที่ทำงานต่อไป" นายกฯ กล่าว

'วิษณุ' จ่อร่วมประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมครม. นายเศรษฐาพร้อมคณะเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ไปยังเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมงาน UBS Asian Investment Conference 2024 ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค.2567 โดยวันที่ 29 พ.ค. ช่วงเช้านายกฯ มีภารกิจเข้าร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูงกลุ่มเล็ก  ก่อนที่จะเข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาในงาน UBS Asian Investment Conference 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทีที่สำคัญด้านการเงิน การธนาคาร และการลงทุน รวมทั้งนายกฯ จะหารือทวิภาคีกับนายจอห์น ลี คา-ชิว ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ก่อนเดินทางกลับไทยเวลา 15.30 น.

มีรายงานว่า นายวิษณุจะเข้ามารายงานตัวกับนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์  เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ตึก สลค.ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 11.00 น. รวมทั้งนายเศรษฐาก็ต้องการให้นายวิษณุได้เข้าร่วมประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 4 มิ.ย.นี้ด้วย

ขณะที่นายวิษณุให้สัมภาษณ์กับเนชั่นทีวี ถึงการพูดคุยกับนายกฯ จนมีข่าวเตรียมตั้งเป็นที่ปรึกษา สลค.ว่า ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษา สลค.จริง โดยตำแหน่งนี้เป็นการพูดคุยกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลังจากตนพ้นตำแหน่งรองนายกฯ ไว้นานแล้ว ซึ่งพอนายกฯ เศรษฐาทราบข่าว ก็มาเรียนให้ตนทราบว่าจะมีการลงนามแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

 “ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเขาจะมีการปรับระบบระเบียบของเอกสาร งาน สลค.และ ครม.มาก่อนว่าจะให้ผมมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวไม่ใช่ตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง ไม่มีอัตราเงินเดือน หรือต้องแสดงบัญชีหนี้สินทรัพย์สินอะไร และก็ไม่เหมือนตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ แต่อย่างใด” นายวิษณุกล่าว

อดีตรองนายกฯ เล่าถึงการพบกับนายกฯ เศรษฐาเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พบกันที่บ้านพักเมื่อวันเสาร์ ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกฯ คงจะมาบ้านใครสักแห่งและอยู่ใกล้ๆ บ้านตน จึงแวะเข้ามาพบปะพูดคุย ซึ่งคุยกันหลายเรื่อง ท่านยังเล่าถึงการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ยุโรป ฝรั่งเศส รวมถึงที่เป็นประเด็นข่าวเกี่ยวกับ 40 สว. ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบท่านนายกฯ ก็พูดคุย คือพูดคุยกันหลายเรื่อง

"เป็นการปรึกษาด้วยการให้ผมไปเป็นหัวขบวนชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่ผม ต้องเป็นคุณพิชิต ชื่นบาน เป็นหัวขบวน และตอนนี้ เขา (สำนักเลขาฯ ครม.) ก็มีการเตรียมการทำคำชี้แจงล่วงหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" นายวิษณุกล่าว

ถามว่า ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา สลค. แล้วจะปูทางสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุปฏิเสธว่า ไม่ขอรับตำแหน่งใดทางการเมือง และตอนนี้ก็พักรักษาตัวดูแลสุขภาพ

ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นคำสั่ง ต้องรอดูคำสั่งก่อน ซึ่งอาจอยู่ระหว่างการยกร่างว่าจะให้นายวิษณุมาทำภารกิจอะไรบ้าง และต้องดูว่าในการแต่งตั้งดังกล่าวใช้กฎหมายอะไร

ถามว่า ได้คุยกับนายกฯ บ้างหรือยัง  เลขาฯ ครม.กล่าวว่า ได้คุยนิดเดียว ซึ่งนายกฯ ได้บอกว่าเดี๋ยวรอดูคำสั่ง ตอนนี้คำสั่งยังไม่เสร็จ

อ้วนไม่เชื่อ 40 สว.โยงบ้านป่าฯ

นางณัฐฏ์จารียังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีมติรับคำร้องของ 40 สว.ว่า โดยหลัก สลค.ต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ต้องมีการให้ข้อมูล ทำชี้แจงต่างๆ ในประเด็นที่ศาลถามมา เรามีการเตรียมพร้อมไว้เยอะแล้ว และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้

 ถามว่า ต้องขอคำปรึกษานายวิษณุด้วยหรือไม่ เลขาฯ ครม.กล่าวว่า ถ้านายกฯ มอบหมายก็คงต้องทำอย่างนั้น เมื่อถามว่าเลขาธิการ ครม.ต้องเป็นพยานในคดีนี้ด้วยหรือไม่ นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า   ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้ทำอย่างไร แต่ถ้าต้องให้เป็นพยานจริงตนก็พร้อม และสามารถตอบในประเด็นต่างๆ ได้หมด แต่เวลานี้ยังพูดอะไรไม่ได้  เพราะอยู่ระหว่างการทำคำชี้แจง

 ซักว่า สลค.ยืนยันได้ทำกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนอย่างถูกต้องใช่หรือไม่ นางณัฐฏ์จารีกล่าวว่า ใช่ เราทำแบบนี้มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้ และทำกับรัฐมนตรีทุกคน ขอย้ำว่าพร้อมที่จะชี้แจง

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งนายวิษณุเป็นที่ปรึกษา สลค.ว่า  นายวิษณุเป็นนักกฎหมาย ไม่แน่ใจว่าท่านรับหน้าที่ให้กับทุกฝ่ายทุกคนที่ผ่านมา ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่าท่านคิดอย่างไร เพราะปกติท่านก็ใช้ความรู้ทางกฎหมายของท่านในการให้ความคิดเห็น ต้องดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จึงไม่อยากวิจารณ์ และนายกฯ ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าใครที่มีข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ท่านก็พร้อมที่จะรับฟังพูดคุย

ถามว่า จะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยเสียหายหรือไม่ เพราะไปร่วมกับระบอบประยุทธ์ชัดเจนขึ้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดเรื่องนี้มาก อยู่ที่ว่าเราตั้งใจจะทำงานอย่างไรดีกว่า ถ้าเรามัวแต่คิดว่าอยู่กับคนนั้นไม่ได้ คนนี้ไม่ได้ ก็จะแก้ไขปัญหาประเทศไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันใครที่เป็นประโยชน์หรือมีสิ่งดีๆ ก็ควรรับฟัง ในเมื่อเราไม่ได้คิดว่าจะให้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้

นายภูมิธรรมกล่าวถึงกระแสวิจารณ์รายชื่อ 40 สว. ที่ยื่นถอดถอนนายกฯ ออกจากตำแหน่ง อาจเชื่อมโยงกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ว่า ตนไม่เห็นว่าเชื่อมโยงกับพรรคร่วม ก็เห็น สว.ทั้งหมดได้แสดงจุดยืน ตัดสินใจเลือกนายกฯ อยู่แล้ว และ สว.ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

 ถามว่า สว.ที่ยื่นตรวจสอบนายกฯ อยู่สายบ้านป่ารอยต่อฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คุณจินตนาการมาตลอดว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ เรื่องนี้คิดบวกคิดลบก็ได้ อย่าไปคิดเยอะ ตนว่าเอาความเป็นจริง ถ้าเขายืนยันว่ามาจากคนนี้ค่อยว่ากัน  จินตนาการมีแต่สร้างปัญหา

ซักถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาล หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า  เป็นสิทธิของนายชัยธวัช ซึ่งต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน พรรคการเมืองต่างๆ มีสิทธิที่จะคิด ตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และการเมืองก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยคิดแบบเดียวกับนายชัยธวัชหรือไม่ คือจะไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลเช่นกัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคิดว่าอะไรที่พอเป็นประโยชน์ให้ประเทศเดินหน้าได้เราก็ยินดี

ก.ก.ข้องใจ รบ.ตั้งเนติบริกร

ในส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงข่าวการแต่งตั้งนายวิษณุเป็นที่ปรึกษา สลค.ว่า ยังไม่เห็นและไม่รู้เรื่องหนังสือดังกล่าว แต่ถ้าได้นายวิษณุมาช่วยเรื่องกฎหมาย ตนก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าถามตนก็มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะตนกับนายวิษณุรักกันมาก

ถามว่า ต่อไปรัฐบาลก็จะเบาใจได้ใช่หรือไม่หากมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย  นายอนุทินกล่าวว่า เราดูเจตนา เพราะไม่ใช่ว่าการที่เรามีนักกฎหมายดีๆ แล้วจะทำอะไรได้ตามใจชอบ ต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และถูกต้องต่อบ้านเมือง หากทำสิ่งเหล่านี้แล้วมีนักกฎหมายที่มีประสบการณ์และมีความรู้มากมายเข้ามายืนยัน ก็จะทำให้เราเกิดความมั่นใจ และเร่งผลักดันงานต่างๆ ให้สำเร็จรวดเร็ว

"ถือเป็นปัจจัยบวก ผมว่าการที่นายกฯไปเชิญนายวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำหรับผมถือเป็นสิ่งที่ดี" นายอนุทินกล่าว

ซักถึงความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล  นายอนุทินกล่าวว่า มีความกลมเกลียวกันอย่างดี และเชื่อว่าเร็วๆ นี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาฯ พรรค พปชร. จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนจะจัดวันไหน ก็มีการทวงถามกันบ้างแล้ว ซึ่งครั้งล่าสุดที่พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพก็คือเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว และมีการปรับ ครม. คิดว่า ร.อ.ธรรมนัสจะหาเวลาที่เหมาะสมเชิญพรรคร่วมรัฐบาล

ถามว่า ในวงกินข้าวพรรคภูมิใจไทยจะมีการเสนอประเด็นการเมือง รวมถึงเรื่องโควตาต่างๆ ของพรรคจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คงไม่มีการคุยเรื่องนี้ เราก็จะทำงานตอบสนองนโยบายของนายกฯ ทุกเรื่อง อาทิ เรื่องค่าแรง จับบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรึและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีมีการเชื่อมโยง พล.อ.ประวิตรอยู่เบื้องหลังกลุ่ม 40 สว. ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิตและนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ทราบ ให้ไปถามหัวหน้าพรรค

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแต่งตั้งนายวิษณุเป็นที่ปรึกษา สลค.ว่า เพิ่งทราบข่าว ยังไม่ได้ดูในรายละเอียด คงต้องไปถามนายเศรษฐาว่าเจตนาในการตั้งเป็นไปเพื่ออะไร จะเป็นเพื่อจุดประสงค์เฉพาะหน้าเพื่อมาช่วยเรื่องคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือตั้งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในระยะยาวในการดำเนินงานของรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นการที่รัฐบาลชุดนี้จะดึงบุคลากรจากรัฐบาลที่แล้ว ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานของรัฐบาลชุดนี้

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในเชิงจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าเราชัดเจนว่าในมุมหนึ่งเราตั้งคำถามถึงความเหมาะสม ที่นายกฯ แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี แต่อีกมุมหนึ่งเราไม่เห็นด้วยกับวิธีการในการที่ สว.เลือกใช้คือยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรม ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมสูง และช่องทางนี้อาจเปิดช่องให้สามารถเอาอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาตีความประเด็นเรื่องจริยธรรมไปในทางที่มิชอบได้

 “แม้เราไม่เห็นด้วยกับการตั้งนายพิชิตมาเป็นรัฐมนตรี แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะเอาศาลรัฐธรรมนูญมาตีความเรื่องจริยธรรม ฉะนั้นทางที่ดีที่สุคคือนายกฯ ควรจะเลือกที่ไม่ตั้งนายพิชิตตั้งแต่ต้น หรืออย่างน้อยควรแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง” นายพริษฐ์กล่าว

แม้วติดโควิดเลื่อนฟังคดี 112

วันเดียวกัน มีรายงานจากสำนักงานอัยการสูงสุดแจ้งว่า วันที่ 28 พ.ค. ช่วงบ่าย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ  ไปยื่นเรื่องต่ออัยการ 8 ขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี ม.112 เนื่องจากทักษิณป่วยติดโควิด มีอาการไข้ เจ็บคอ คาดว่าเกิดจากเดินทางไปพบปะประชาชนในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลา 18.00 น. ก็ยังไม่มีคำสั่งจากอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม  กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่งคดีม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 29 พ.ค.ว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้ตามเรื่อง เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เป็นในส่วนของพนักงานอัยการ และเขาไม่ได้รายงานมาให้ตนทราบ เพราะมีความเป็นอิสระต่อกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินให้คดีถึงที่สุด ให้สันนิษฐานก่อนว่าผู้นั้นบริสุทธิ์

ถามว่า นายทักษิณจะได้รับการประกันตัวคดี 112 หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรม เราก็เคารพในองค์กร ขอยืนยันว่ามีความเป็นอิสระต่อกัน

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเซอร์ ยีหมะ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (คปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ดำเนินการโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งมีนายณรงค์ ศรีระสันต์ เเละนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับหนังสือร้องเรียน

นายพิชิตกล่าวว่า การที่อัยการสูงสุด ได้เลื่อนการมีคำสั่งคดีนายทักษิณ ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาเป็นวันที่ 29 พ.ค.2567 โดยระบุว่าพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วนนั้น การใช้สิทธิ์ในการขอความเป็นธรรมและการใช้สิทธิ์โนการชี้แจงข้อกล่าวหานั้น เป็นสิทธิ์ทางกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ แต่ที่ผ่านมาพวกเราเห็นว่า การใช้สิทธิ์ทางกฎหมายของนายทักษิณเป็นเพียงข้ออ้างในการถ่วงเวลาเพื่อขยายเวลาคดีออกไปให้ได้นานที่สุดเท่านั้นเอง

"เราเห็นว่า บัดนี้การหาข้อเท็จจริงทางคตีและการรวบรวมพยานหลักฐานนำจะเสร็จสิ้นและหาข้อยุติได้แล้ว เนื่องจากว่านายทักษิณ ชินวัตร ได้ยื่นขอความเป็นธรรม และอัยการสูงสุดได้ให้โอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อกล่าวหาและระยะเวลาที่ผ่านมา    เห็นได้ว่าข้อเท็จจริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เกิดการพิจารณามีคำสั่งของอัยการสูงสุดที่เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นที่โดนกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เราเห็นว่าอัยการสูงสุดต้องรีบมีคำสั่งทางคดีตามหลักฐานที่กองทัพบกได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายทักษิณ ชินวัตร โดยเร็วที่สุด" นายพิชิตกล่าว

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งระบุว่า ผลสำรวจ 1 ปีของรัฐบาลเพื่อไทย สะท้อนได้ชัดเจนถึงดีลลังกาวีล้มเหลวที่ทำให้เกิดรัฐบาลโกหกตระบัดสัตย์อยากได้อำนาจ จึงกล้าโกหกประชาชน สุดท้ายจึงสิ้นศรัทธา ความนิยมชมชอบแทบสูญหาย

"ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ อัยการสูงสุดจะตัดสินใจอย่างไรกับนักโทษทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะไปฟังคำสั่งฟ้องคดี 112 หรือไม่ ทั้งที่อัยการคนเดิมได้สั่งฟ้องไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อคณะดีลถูกหักข้อตกลงอย่างนี้แล้ว จึงควรใช้เป็นช่องทางทำให้ถูกต้อง ดังนั้นอัยการนัดวันที่ 29 พ.ค. ที่จะสั่งฟ้องหรือไม่นั้น ถ้าต้องเลื่อนออกไปอีก ยิ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นถดถอยลงมาก เพราะประชาชนไม่ศรัทธากับคนโกหกที่ไม่รักษาคำพูดทางการเมือง ซึ่งปลายทางจึงหนีไม่พ้นรัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง" นายจตุพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป