ศาลฎีกาสั่งจำคุก "สนธิญาณ" ขวางเลือกตั้ง 8 เดือน เเต่เเก้โทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี ส่วน 3 กปปส. "สกลธี-สมบัติ-ดร.เสรี" รอดคดี ด้าน "สนธิญาณ" ขอบคุณศาลที่เมตตาให้รอลงอาญา ย้ำมีเจตนาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว "ทนาย กปปส." เผยศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ "สุเทพ" กับพวกกบฏชุดใหญ่ 27 มิ.ย.
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ห้อง 607 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกบฏ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 62 ปี แกนนำ กปปส. และผู้บริหารท็อปนิวส์, นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 47 ปี อดีต สส.กทม. ร่วมชุมนุม, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 73 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และนายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 75 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด
เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 รวม 8 ข้อหา
โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้อง ตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส. ที่มีนายสุเทพเป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 25 ก.ค.62
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้เป็นว่า นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 59 ปี ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.เเละ สว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
โดยวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 นายสนธิญาณ โดยศาลฎีกาพิพากษาเเก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกนายสนธิญาณ 8 เดือน เเต่พิจารณาเเล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อน ประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ เเต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่น
ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นายสนธิญาณกล่าวว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาล โดยศาลมีการพิจารณาตามหลักฐานที่มี ต้องกราบขอบพระคุณศาลที่เห็นว่าโทษจำคุก 8 เดือนเป็นระยะเวลาที่สั้นนั้น ควรให้ตนเองออกมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในฐานะสื่อมวลชน โดยศาลได้ระบุแบบนั้น จึงมีคำสั่งให้รอลงอาญา ในคดีที่จำคุก 1 ปีตามศาลอุทธรณ์ และให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือ 8 เดือน ค่าปรับจาก 30,000 ลดเหลือ 20,000 บาท
"ยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำมีเจตนาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือมีเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ฉะนั้นภายใต้คำพิพากษาดังกล่าว ศาลเห็นว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งเรายอมรับแต่ภายใต้คำพิพากษานั้น เราภาคภูมิใจในหน้าที่ที่เราได้ทำเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง รวมถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" นายสนธิญาณกล่าว และว่า ตอนนี้ไม่มีคดีอื่นแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนของศาลฎีกาคดีเป็นอันยุติหมดแล้ว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรตอนที่ศาลมีคำวินิจฉัยว่าให้รอลงอาญาเนื่องจากเห็นว่าทำสื่อมานานและสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ นายสนธิญาณกล่าวว่า ก็เป็นความเมตตาของศาล
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เผยว่า สำหรับคดีที่เกิดจากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.มีอยู่ 3 คดี เรียกว่ากบฏเล็ก กบฏใหญ่ และก็กบฏกลาง โดยกบฏเล็กเป็นคดีของนายสนธิญาณ กบฏใหญ่คือคดีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่จะนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ซึ่งมีจำเลยจำนวน 39 คน ส่วนคดีกบฏกลาง มีจำนวนจำเลย 7 คน เป็นคดีของฝั่งทนายนกเขา ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายเวลายื่นอุทธรณ์ทั้งส่วนอัยการและจำเลย ส่วนกระบวนการของศาลจะออกมาอย่างไรนั้น ต้องรอฟังอีกครั้ง ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าหรือคิดเองได้ แต่ถือว่าเป็นกระบวนการของศาลที่ต้องยอมรับ
ทนายความ กปปส.กล่าวว่า ในส่วนของนายสนธิญาณที่ได้ยื่นฎีกาแล้วนั้น ทางอัยการก็มีการยื่นฎีกาเช่นเดียวกัน ทั้งชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ โดยฎีกาทั้งสี่คนแม้ว่าศาลอุทธรณ์จะลงโทษแค่นายสนธิญาณคนเดียว จึงมีการคัดค้านซึ่งศาลรับฎีกาจำเลยไว้ แต่ไม่รับฎีกาโจทก์ จึงไม่รับวินิจฉัย จึงวินิจฉัยเฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 1.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"