กกต.ถอยไม่อุทธรณ์ศาลปค. เปิดช่องแนะนำตัวฟรีสไตล์

กกต.ถอย! เคาะไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองเพิกถอนระเบียบ สะบัดก้นหนีปัดรับความผิดชอบผู้เสียหาย อ้างเดินตามหลังศาล พร้อมเปิดช่องผู้สมัครแนะนำตัวฟรีสไตล์ ผงะ! บอกยอดสมัคร 4 หมื่นเป็นไปตามธรรมชาติ ถือว่าฮั้วแบบไม่เข้มข้น ด้าน “สมชาย” กังขาตีกรอบประกาศรับรอง เตือนตรวจสอบไม่ดี ปล่อยไปก่อนสอยทีหลัง ชะตากรรมบิ๊ก กกต.อาจเดินซ้ำรอยคุกตามหลังรุ่นพี่  

เมื่อวันจันทร์ เวลา 16.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา สั่งเพิกถอนระเบียบ กกต.ว่า ด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567  ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เม.ย. 2567 - 15  พ.ค. 2567 และข้อ 11 (2) และ (3) โดยให้มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ โดยเริ่มประชุมกันตั้งแต่เวลา 13.00 น. ก่อนที่นายแสวง บุญมี  เลขาธิการ กกต.จะแถลงผลการประชุมในเวลา 16.30 น.  รวมใช้เวลาประชุมทั้งหมดกว่า 4 ชั่วโมง โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง

นายแสวงกล่าวว่า วันนี้ กกต.พิจารณาคำพิพากษา และข้อเสนอของสำนักงานใน 4 ประเด็น ประเด็นแรก เนื่องด้วยขณะนี้อยู่ระหว่างหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกา ต้องมีการเลือก สว. กระบวนการเลือก สว.ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ หากจะอุทธรณ์คำพิพากษา กว่าคดีจะสิ้นสุดก็จะพ้นระยะเวลาการเลือก สว.ไปแล้ว ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไรก็ไม่เกิดประโยชน์แก่การเลือก สว.ครั้งนี้แล้ว

นายแสวงระบุว่า ประเด็นที่ 2 สาระสำคัญของคำพิพากษา ซึ่งเป็นการขยายสิทธิให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือก สว.ให้มากยิ่งขึ้น คำพิพากษาไม่กระทบต่อสาระสำคัญของการแนะนำตัวของ สว.แต่ประการใด ประเด็นที่ 3 ความชัดเจนคือการแนะนำตัว ก็เพื่อประโยชน์ของผู้สมัครในการแนะนำตัว และในส่วนของประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือก สว.ครั้งนี้ และประเด็นที่ 4 คือความเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งการเลือก สว. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ที่ประชาชนจะได้ สว.ตามไทม์ไลน์ที่ว่างไว้ คือประมาณต้นเดือน ก.ค.นี้

 “กกต.พิจารณาแล้วจึงไม่เห็นสมควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้จะไม่มีการแก้ไขระเบียบใดๆ ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวได้ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ควบคู่ไปกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้สมัครพึงระวังการทำผิดตามมาตรา 77  ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และยึดการไม่ขอ หรือแลกคะแนน ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ที่ถือว่าเป็นความผิด" นายแสวงระบุ 

เมื่อถามว่า คนรู้สึกเสียหายจากระเบียบของ กกต. จึงตั้งคำถามว่า กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร นายแสวงกล่าวว่า  ก่อนจะออกระเบียบเราก็ดูกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 และเห็นว่าการออกระเบียบจำเป็นต้องให้เกิดความเสมอภาคและความเรียบร้อย เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดเรื่องค่าใช้จ่าย สว. ดังนั้นยืนยันว่า กกต.ออกระเบียบมาเพื่อความเสมอภาคและเรียบร้อย แต่เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาออกมา กกต.จึงไม่อุทธรณ์

นายแสวงยังกล่าวถึงยอดผู้สมัคร สว. ที่พบว่ามีหลายจังหวัดเล็กที่มีผู้สมัครจำนวนมาก ในขณะที่จังหวัดใหญ่ๆ  มีผู้สมัครจำนวนน้อยว่า ก่อนหน้านี้ กกต.ประเมินว่าจะมีผู้สมัครเป็นแสนคน ถ้าจะมีการจัดตั้งก็คงต้องมีอีกเป็นแสนคนเพื่อให้ได้รับคะแนนโหวต

"แต่สรุปยอดผู้สมัครสี่หมื่นกว่าคนจึงเหมือนเป็นไปตามธรรมชาติ การฮั้วจะถือว่าไม่เข้มข้น จะมีการจ้างสมัครหรือไม่ ตอนนี้ถือว่ายังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ บางจังหวัดมีผู้สมัครจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้กฎหมายรู้ จึงได้ออกแบบไม่ให้มีการเปิดเผยชื่อระหว่างการสมัคร ถือเป็นมาตรการป้องกันการฮั้วระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีข้อสงสัยว่า ทำไมจังหวัดเล็กคนสมัครเยอะ จังหวัดใหญ่คนสมัครน้อย  ตรงนี้ก็ต้องตรวจสอบต่อไป" นายแสวงระบุ

นายแสวงระบุด้วยว่า จากการสรุปยอดผู้สมัคร สว. พบว่ามี 2 อำเภอที่ไม่มีผู้สมัครทั้ง 20 กลุ่ม และมี 7 อำเภอ ที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น เท่าที่รู้มีผู้สมัคร 10 คน  โดยมีกลุ่มหนึ่งมีผู้สมัคร 3 คน และผู้สมัคร 1 คนใน 6 กลุ่ม  อย่างไรก็ตามในบางอำเภอมีผู้สมัคร 2 กลุ่ม ซึ่งตามหลักสามารถเลือกไขว้ แต่ก็ต้องวันมารายงานตัว หากมี 1 กลุ่ม ไม่มารายงานตัวก็จะเหลือเพียงกลุ่มเดียว มีสภาพที่ไม่สามารถเลือกไขว้ได้ ก็ต้องตกไปเช่นกัน 

นายแสวงกล่าวด้วยว่า กฎหมายกำหนดการเลือก สว.ให้เคลื่อนไปด้วยกันทั้ง 928 อำเภอ รวมเขตในกรุงเทพฯ  โดยในมาตรา 33 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กำหนดว่าการเลือก สว.ให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ฉบับนี้ เมื่อสภาพข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ระดับอำเภอที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวต้องตกไป ทำให้ผู้สมัครระดับดังกล่าวไม่สามารถข้ามไปในระดับจังหวัดได้  เพราะไม่ได้เลือกไขว้และไม่มีคะแนน เพราะมีเพียงแค่กลุ่มเดียวจะไปไขว้กับใคร กฎหมายกำหนดไว้ว่าการไขว้จะต้องมีคะแนน

นายแสวงย้ำว่า การมีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวในอำเภอนั้น ไม่สามารถข้ามไปในระดับจังหวัดได้ อย่างน้อยจะต้องมีผู้สมัคร 2 กลุ่ม แต่ไม่ได้กำหนดคะแนน ขอให้มีคะแนนและมีลำดับที่สามารถเลื่อนไปสู่ระดับจังหวัดได้

ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สว. ให้สัมภาษณ์ต่อกระบวนการเลือกกันเองของ สว. ที่ล่าสุดจำนวนผู้สมัครเข้ารับการเลือกแต่ละกลุ่มนั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่ กกต.ตั้งเป้าหลักแสนคนว่า การเลือกของ สว.ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือ ให้ได้ตัวแทนกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม แต่ขณะนี้พบว่ามีบางคณะการเมืองที่รณรงค์ให้ไปสมัครเป็นผู้เลือก  (โหวตเตอร์) แทนต้องการเป็น สว. ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญชัดเจน ขณะเดียวกันระเบียบของ กกต.ในการเลือกยังพบว่ามีปัญหา และ กกต.เตรียมอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ซึ่งตนมองว่ากรณีดังกล่าวถือว่าอันตรายและจะทำให้การเลือกมีปัญหา

นายสมชายกล่าวด้วยว่า ตนเห็นว่าเลขาธิการ กกต. พยายามให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกจะเป็นไปตามไทม์ไลน์  ซึ่งตนมองว่าหาก กกต.พยายามจะประกาศรับรองไปก่อน  อาจเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและอันตราย เพราะตนได้ข้อมูลทั้งจากผู้ตรวจการเลือกตั้งและคนในพื้นที่ ทราบว่ามีกระบวนการทุจริตและฮั้วการเลือก และพบการว่าจ้างให้มาลงสมัครหัวละ 2,000-10,000 บาท เช่นบางพื้นที่มีการจ้าง 5,000 บาท เป็นค่าสมัคร 2,500 บาท ตัวเองได้ 2,000 บาท และให้ลูก 500 บาท รวมถึงการขนคนให้มาสมัครโดยไม่รู้ว่าตนมาสมัครทำอะไร และจะทราบว่าต้องทำอย่างไรเมื่อถึงเวลา

 “ผมอยากให้ กกต.ตรวจสอบให้ดี เพราะหากเร่งประกาศและย้ำว่าจะทำตามไทม์ไลน์ เลขาฯ กกต. และ กกต.อาจจะถูกดำเนินคดีเหมือนกับอดีต กกต.ชุดก่อนหน้านี้ ที่ถูกจำคุก 4 ปีได้ ดังนั้นเมื่อ กกต.มีหน้าที่ต้องทำหน้าที่  ไม่ใช่ปล่อยให้การเลือกที่ผิดมีหลักฐานชัดเจน ไม่ใช่รับรองไปแล้วแล้วสอยทีหลังเหมือนการเลือก สส.เมื่อ 14 พ.ค. ที่พบว่าไม่สามารถเอาผิดได้ ผมมองว่าหาก กกต.ตรวจสอบให้ดีให้โปร่งใสก่อนประกาศ และใช้เวลาช้ากว่าปฏิทินที่กำหนดไว้ 1-2 เดือนจะดีกว่า เพื่อทำให้ได้ สว.ตรงปกและไม่เกิดปัญหา” นายสมชายกล่าว

นายสมชายกล่าวด้วยว่า ตนได้รับข้อมูลด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ กกต.บอกกับผู้สมัคร สว.ให้เปลี่ยนกลุ่ม เพราะพบว่าในกลุ่มเกษตรกรมีผู้สมัครจำนวนมาก จึงบอกให้เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มอื่น ซึ่งทำให้เห็นว่ามีกระบวนการที่ส่อว่าจะฮั้วการเลือก และอาจจะได้ สว.แห่ที่อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคตและตั้งคำถามว่ามี สว.ไว้ทำไม ซึ่งการได้มาซึ่ง สว.นั้นอาจทำให้เกิดข้อครหาที่เลวร้ายกว่าที่เคยกล่าวหา สว.สรรหาอีก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ