ขึงขัง!โละศาลรธน. เชิดชัยเดือด!คดีเขี่ย‘นิด’ ถาวรเตือน‘อสส.’ปม112

“แม้ว” ลุ้นคดี ม.112   ทนายบอกยังไม่ได้สัญญาณ อสส.จะสั่งคดีพุธนี้หรือไม่ “ถาวร” เตือนอย่าเขียนด้วยมือลบด้วยเท้าหลังอดีต อสส.เคยสั่งเอาผิดมาแล้ว หากเลื่อนอีกจะถูกมองมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แกนนำ พท.ชี้ขั้วอำนาจเก่า สนธิกำลัง "สว. 2 สาย" ร้องสอบนายกฯ  ลั่นได้เวลาโละศาล รธน.ทิ้งกลับไปใช้ระบบ "คณะตุลาการ รธน." โวยไม่ได้มาจากการเลือกของ ปชช. จะถอดถอนนายกฯ ไม่ได้ จับตาพยานปากเอก "เลขาธิการ ครม.” คาดกลุ่ม 40 สว.ส่งชื่อให้ศาล รธน.เรียกให้ถ้อยคำมัด "นายกฯ-พิชิต" ด้าน "ดิเรกฤทธิ์" เมิน "ทักษิณ" รู้แกวเบื้องหลัง 40 สว. ลั่น ต้องสร้างบรรทัดฐาน ตอกอย่าทำผิด กม. แม้ ปชช.ยังสงสัยถุงขนม 2 ล้าน สุจริตไหม

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีในวันพุธที่ 29 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. อัยการสูงสุด (อสส.) นัดฟังคำสั่งคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   ถูกอดีตอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในความผิดข้อหามาตรา 112 เมื่อปี 2558 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีกระแสข่าวออกมาตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกระแสข่าวอัยการสูงสุดเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีกหนึ่งนัด รวมถึงสั่งฟ้องนายทักษิณ และข่าวสั่งไม่ฟ้อง

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณในคดี 112 กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข่าวว่า อสส.จะมีความเห็นอย่างไรต่อคดีนี้ แต่คาดว่าก่อนถึงวันนัดหมายน่าจะพอทราบ เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าจนถึงช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่มีการแจ้งจากฝ่ายทีมงานของคณะทำงานอัยการที่พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวไปยังผู้เกี่ยวข้องในสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าจะมีการสั่งคดีในวันพุธที่ 29 พ.ค.นี้หรือไม่ หรือว่าจะเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีก แต่คาดว่าภายในเย็นวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.นี้ น่าจะมีความชัดเจนว่า อสส.สั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องนายทักษิณ หรือจะเลื่อนการสั่งคดีออกไป  

ด้านนายถาวร เสนเนียม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตอัยการ  กล่าวถึงการที่ อสส.นัดฟังคำสั่งคดีนายทักษิณในวันพุธนี้ว่า คนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ไม่อยากเป็นจำเลยให้ถูกสั่งฟ้อง นั่นคือทักษิณ ประชาชนที่อยากเห็นความยุติธรรม ที่บริโภคข่าวสารว่าทักษิณไปพูดไว้ว่าอย่างไร ฟันธงไปแล้วว่าผิด แต่คนที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงใช้อำนาจรัฐ สั่งฟ้องนายทักษิณก็คืออดีตอัยการสูงสุด (ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น) เมื่อปี 2558 เป็นการฟ้องในนามรัฐ ไม่ใช่ฟ้องส่วนตัว ต่อมาเมื่อทักษิณเดินทางกลับมา (ปี 2566) ก็ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกสั่งฟ้องในครั้งนั้น ก็ขอให้พิจารณาพยานหลักฐาน ขอให้การเพิ่มเติม อัยการก็รับเรื่องแล้วก็เลื่อนฟังการสั่งคดี มาเป็นวันพุธที่ 29 พ.ค.นี้

 “เป็นที่จับตามองของนักการเมือง และคนในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงประชาชนอย่างมากว่าจะออกมาอย่างไร แต่ผมขอส่งสัญญาณไปยังคณะทำงานของอัยการชุดนี้ รวมถึงอัยการสูงสุดด้วย อย่าเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า  เพราะอดีตอัยการสูงสุดคนเก่าเป็นผู้เขียนด้วยมือ ว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอในการสั่งฟ้อง ซึ่งถ้าจะสั่งไม่ฟ้อง ต้องมีเอกสารหลักฐานมาแถลงข่าวซึ่งเป็นที่น่าเชื่อถือได้ว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด ต้องมีจริงๆ แต่ถ้าอ้อมๆ แอ้มๆ หรือเลื่อนการสั่งคดีไปเรื่อย คนก็ยิ่งสงสัยหนักขึ้น แต่ผมเชื่ออัยการสูงสุดคนเก่าที่สั่งฟ้องคนระดับอดีตนายกฯ เพราะถ้าแกล้งฟ้องเขา ทักษิณอำนาจล้นฟ้า คุณถูกฟ้องกลับตาย ผมก็ว่าไม่น่าเป็นไปได้ เขาก็ต้องฟ้องไปตามข้อกฎหมายและพยานหลักฐาน” นายถาวรกล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีก สันนิษฐานว่าอย่างไร  นายถาวรกล่าวว่า ก็มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีอยู่บ่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2558 โดยช่วงดังกล่าว ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น ได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณว่ามีความผิดกรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 21 พ.ค.2558 ที่ต่อมามีการแจ้งความเอาผิดนายทักษิณ เพราะเห็นว่าเนื้อหาคำให้สัมภาษณ์บางช่วง เข้าข่ายผิดมาตรา 112 จนต่อมาอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณ แต่เนื่องจากขณะนั้นนายทักษิณหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ทำให้คดีไม่คืบหน้า

ต่อมาหลังนายทักษิณเดินทางกลับไทยเมื่อปีที่ผ่านมา และเข้าสู่การสู้คดี โดยยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและขอให้สอบสวนเพิ่มเติม ทำให้นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด คนปัจจุบัน จึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความ และอัยการสูงสุดได้นัดฟังคำสั่งคดีในวันพุธที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. หลังก่อนหน้านี้เลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 10 เม.ย.

'แม้ว' มอบ 2 แสนให้พระพยอม

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ เมื่อเวลา 13.00 น. ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายทักษิณเข้ากราบนมัสการพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พร้อมมอบสิ่งของและเงินสดจำนวน 200,000 บาทให้กับทางวัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้กุฏิจนมีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 3 ราย และมีการพูดคุยถึงเหตุเพลิงลุกไหม้กุฏิวัดในครั้งนี้ รวมทั้งพูดคุยเรื่องต่างๆ และปัญหาภายในวัด

โดยนายทักษิณระบุว่า ถ้าหากมีความต้องการให้ช่วยเหลือก็สามารถแจ้งติดต่อประสานมาได้ ซึ่งการพูดคุยได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

ด้านพระพยอมกล่าวว่า ทางวัดไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อใดๆ จากอดีตนายกฯ ทักษิณ ท่านมาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ตอนท่านเดินทางมาถึงเพียง 10 นาที ตอนที่ท่านอยู่เมืองนอกทราบมาว่ามีคนนำหนังสือพุทธทาสภิกขุไปมอบให้กับท่านเป็นจำนวนมาก ท่านเองก็เลื่อมใสศรัทธา ในปีนั้นตนเองถูกต่อว่ามากมายจากสังคมหาว่าเป็นคนหิวแสง วันนี้ที่ท่านเดินทางมา ก็มาสนทนาธรรมกับอาตมา และมอบเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมสิ่งของเครื่องใช้จำนวนหนึ่งให้กับทางวัด ทางอาตมาก็ขออนุโมทนาสาธุในผลบุญครั้งนี้กับอดีตนายกฯ ทักษิณด้วย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเดินทางมายัง จ.นครราชสีมา ของนายทักษิณเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เพื่อร่วมงานฌาปนกิจนายวิชัย ช่างเหล็ก อดีตคนขับรถคนสนิทนายทักษิณว่า ภาพที่ออกมาไม่ได้เหนือความคาดหมาย มีประชาชนมารอต้อนรับนายทักษิณอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น สะท้อนถึงความรักความศรัทธาที่ชาวโคราชมีต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ทุกคนต้องการมาร่วมแสดงความคิดถึงผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเมืองโคราชให้มีความเจริญอย่างก้าวกระโดด

นายประเสริฐกล่าวว่า ภาพบรรยากาศที่ออกมาทำให้เห็นว่ากระแสความชื่นชมศรัทธานายทักษิณไม่ได้ลดน้อยถอยลง มีแต่เพิ่มขึ้น และรัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย มีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชน สอดประสานกับพรรคเพื่อไทยที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีแนวทางการทำงานเหมือนยุคไทยรักไทย ที่มุ่งมั่นทำงานยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน จนทำให้มีการต่อยอดนโยบายและทำได้สำเร็จ เช่น การพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการ 30 บาท เชื่อว่าการทำงานที่สอดประสานกันของนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากคนโคราชและประชาชนทั้งประเทศได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. ขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายเศรษฐาว่า เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อ 40 สว. ทำให้เห็นภาพการสนธิกำลังผสมผสานกันเป็นขบวนการ ระหว่างกลุ่ม สว.ขั้วอำนาจเก่า 2 สาย ซึ่งเมื่อเห็นรายชื่อก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายว่าเป้าประสงค์ในการเข้าชื่อกันร้องนายกฯ ครั้งนี้คืออะไร เชื่อว่านายกฯ สามารถชี้แจงได้ และไม่เสียสมาธิในการทำงานแต่อย่างใด ประเทศไทยเสียโอกาสไปมากแล้ว การแก้ไขปัญหาของประเทศรอไม่ได้ ไม่ควรมีขบวนการใดพยายามสร้างสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคให้การทำงานของรัฐบาลชะงักหรือช้าลง

ด้าน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ว่าที่สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรค พท. ที่จะเข้ามาเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยสมัยที่ 2 ในสัปดาห์หน้า หลังจากเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ได้ยื่นใบลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พท. ส่งผลให้ นพ.เชิดชัย ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อของ พท.คนถัดไป ได้ขยับขึ้นมาเป็น สส.แทน กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกลุ่ม 40 สว.ที่ทำให้นายเศรษฐาตกเป็นผู้ถูกร้องว่า ระบอบประชาธิปไตยมีการแบ่งแยกอำนาจไว้สามโครงสร้าง (ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ) เป็นเรื่องสำคัญ บนหลักคือต้องไม่มีการก้าวก่ายกัน ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมีอำนาจตัดสินนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ให้หลุดจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ หากจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ ก็ควรแค่ว่านายกฯ ทำผิดหรือไม่ผิด เช่นอาจบอกว่าทำไม่ถูก หรือทำไม่ถูกกฎหมายตรงไหนก็ว่าไป แต่ไม่ใช่มาตัดสินให้หลุดจากนายกฯ ได้

โละศาล รธน.ห้ามถอดนายกฯ

ว่าที่ สส.พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การจะมาถอดถอนนายกฯ ต้องเป็นเรื่องของรัฐสภาทำกันเอง เพราะว่านายกฯ เป็นตัวแทนที่มาจากประชาชนที่เลือกกันมาแทบตาย แล้วอยู่ๆ จะมาตัดสินเขาให้ต้องออกจากตำแหน่ง เหมือนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แค่ย้ายคนคนเดียว (ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสมช.) มันไม่ถูก อย่างสหรัฐอเมริกา หากประธานาธิบดีทำอะไรไม่ถูกต้อง เขาก็ส่งเรื่องให้รัฐสภา ใช้ระบบอิมพีชเมนต์ (Impeachment) แต่ของเรามันประหลาด มาก้าวก่ายอะไรกัน หากจะบอกว่าสิ่งที่ทำมันขัด รธน.ก็บอกมาว่าขัดอย่างไร แต่จากนั้นก็ให้เป็นเรื่องที่รัฐสภาจะว่ากัน เช่นให้ลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากไม่โดน ก็ทนอยู่กันไป วิจารณ์กันไป ก็มัวหมอง ก็เป็นเรื่องของระบบ แล้วพอมีการเลือกตั้งในครั้งต่อไปคนก็อาจไม่เลือกเข้ามาก็ได้

“แล้วจู่ๆ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นใครมาจากไหน ไม่ได้ผ่านมาจากประชาชนเลย เอาแต่เพียงอ้างว่า สว.เห็นชอบเลือกมาแบบนี้มันไม่ถูก ที่จะมาก้าวก่ายกันมาก ถ้าจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ควรต้องมาคำนึงถึงเรื่องการขยายขอบเขตของแต่ละอำนาจต่อไป หากสภาผู้แทนใหญ่สุดจะทำยังไงล่ะทีเนี้ย จะย้ายศาลยัง”

เมื่อถามว่า แบบนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ นพ.เชิดชัย กล่าวว่า ก็ให้มีแบบคณะตุลาการรัฐธรรมนูญแบบในอดีตก็ได้ เพราะเป็นเรื่องคดีการเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่มาให้เอานายกฯ อกจากตำแหน่ง ต้องเขียนเกณฑ์ให้ดีๆ หรือไม่ก็ไม่ต้องมีเลยก็ไม่เป็นไร ก็ต้องคุยกันว่าจะให้มีหรือไม่ให้มี ถ้าจะให้มี แล้วจะให้มีขนาดไหน มีที่มากันอย่างไร หรือหากไม่มี แล้วจะส่งผลเสียอะไรหรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเสียอะไร เพราะมันคานกันอยู่แล้วในระบบประชาธิปไตย

ถามย้ำว่า อาจให้กลับไปใช้ระบบคณะตุลาการรัฐธรรมนูญแบบอดีต นพ.เชิดชัยระบุว่า ก็ยังดี เพราะก็มีตัวแทนจากฝ่ายการเมือง และทุกฝ่าย ไม่ใช่ศาลซึ่งมี 9 คน แล้วมาตัดสินกันแบบนี้ ไม่ได้หรอก ประหลาด

 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 1 ใน 40 ส.ว.ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณระบุ รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังในการยื่นร้องครั้งนี้ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าปัญหาของเรื่องอยู่ตรงไหน และคนที่หยิบปัญหานี้มาดำเนินการควรดำเนินการหรือไม่ ประเด็นทางการเมือง นายทักษิณอาจจะบอกว่าใครจะได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ และเมื่อเปิดรายชื่อ 40 สว.มาแล้ว ใครเป็นเพื่อนใคร ใครเป็นกลุ่มใคร ใครเคยทำงานร่วมกับใคร แต่ละคนก็หลากหลาย ส่วนการวิเคราะห์ก็แล้วแต่ท่านจะวิเคราะห์ ส่วนทางตนก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร และไม่ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาอะไรต่างๆ เพราะเป็นมุมมองทางความคิดเห็น

"ไม่ว่าใครจะมาจากอาชีพอะไร มาจากสายไหน เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา และเห็นปัญหาว่ารัฐบาลควรจะเคารพนิติรัฐ นิติธรรม เคารพรัฐธรรมนูญ ทุกคนก็ควรจะเคร่งครัด ไม่ทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เมื่อเราเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่อยู่ เราก็ควรเอาปัญหานี้ไปสู่ข้อยุติที่จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและทุกคน เพื่อให้เกิดบรรทัดฐาน" นายดิเรกฤทธิ์กล่าว

จับตาเลขาฯ ครม.พยานปากเอก

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีใครมาสั่งให้ทำ นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า ใช่ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าใคร แม้แต่ประชาชนยังรู้สึกว่าควรจะตรวจสอบ เพราะนายพิชิตมีปัญหาที่ชัดเจน ไปถามประชาชนคนไหนก็ได้ว่าการเอาเงิน 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ศาล เป็นความสุจริตใช่หรือไม่ ลองไปถามคน 100 คนดู ก็จะเห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นความสุจริตกี่คน และแม้แต่ประชาชนยังสงสัยเลย แล้วเราเป็นสมาชิกรัฐสภา ทำไมไม่เอาปัญหานี้ไปดำเนินการให้เกิดข้อยุติ และให้เป็นบรรทัดฐานทางการเมือง และเมื่อดูแล้วเนื้อหาก็ควรจะทำ

ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าอาจจะถูกเช็กบิลย้อนหลังได้ นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะเราคิดว่าเราทำหน้าที่ เมื่อได้ทำแล้วก็ต้องกล้าหาญ กล้ารับผิดชอบ จึงไม่ได้กังวลอะไร

นายดิเรกฤทธิ์วิเคราะห์เส้นทางคดีดังกล่าวของศาล รธน.ต่อจากนี้ว่า เนื่องจากศาล รธน. การพิจารณาคดีใช้ระบบไต่สวน คือองค์คณะตุลาการศาล รธน.จะทำหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงตามคำร้อง ดังนั้น คดีนายกฯ ครั้งนี้เป็นไปได้สูงที่ศาล รธน.จะมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดีในห้องพิจารณาคดีของศาลรธน.อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อให้คู่กรณีได้แถลงปิดคดีต่อศาล รธน.เพื่อให้สรุปข้อเท็จจริง-ข้อกล่าวหา-ข้อกฎหมายในการสู้คดีทั้งหมด ก็เป็นกระบวนการไต่สวนที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และเมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนเพียงพอที่ศาล รธน.จะนัดลงมติวินิจฉัยคดีได้ ศาลรธน.ก็จะนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยคดีต่อไป คงใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 3 เดือน

มีรายงานว่า หากศาล รธน.มีการเปิดห้องไต่สวนคดีเพื่อเรียกผู้ร้องคือตัวแทนกลุ่ม 40 สว. และผู้ถูกร้องคือนายกฯ รวมถึงพยานที่เกี่ยวข้องที่ศาลรธน.ต้องการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดี ที่จะมีการเรียกมาให้ถ้อยคำ มีการคาดการว่าพยานบุคคลที่คาดว่าฝ่ายผู้ร้องคือกลุ่ม 40 สว. จะระบุไว้ในบัญชีรายชื่อพยานบุคคลที่ขอให้ศาล รธน.เรียกมาให้ถ้อยคำเพื่อทำการไต่สวนคดี  บุคคลหนึ่งก็คือ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายกลั่นกรองตรวจสอบคุณสมบัติ ตลอดจนคุณลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี และที่สำคัญเป็นบุคคลที่ลงชื่อทำหนังสือตีตราลับ ถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้พิจารณาว่าคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน ที่ถูกเสนอชื่อเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าสามารถเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ หลังก่อนหน้านี้นายพิชิตเคยถูกคุมขังในคดีถุงขนม 2 ล้านบาท และต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือตีตรา ลับมาก ส่งความเห็นดังกล่าวไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง