‘หนูหวานเจี๊ยบ’ เห็นตามนายกฯ ปมเรื่อง‘กัญชา’

นิด้าโพลเผยคนส่วนใหญ่ 60% เห็นด้วยดึงกัญชากลับบัญชียาเสพติด ซ้ำร้าย 47% บอกไม่ต้องชดเชยนักธุรกิจและผู้ปลูกทั้งหลาย “อนุทิน” เผยเป็นหนูหวานเจี๊ยบ ไร้ขัดแย้ง “เศรษฐา-ทักษิณ” แต่ถูกปั่นให้เป็นเรื่องการเมือง

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่องกัญชาเป็นยาเสพติด? โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดของรัฐบาล โดยเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับกัญชาเป็นยาเสพติด พบว่า 53.74% ระบุว่าเป็นยาเสพติด  แต่ก็มีประโยชน์, 33.59% ระบุว่าเป็นยาเสพติด และไม่มีประโยชน์ใดๆ, 11.60% ระบุว่าไม่เป็นยาเสพติด และ 1.07% ระบุว่าไม่แน่ใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการกำหนดนโยบายกัญชาของรัฐบาล  พบว่า 74.58% ระบุว่าเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษาโรค, 19.39% ระบุว่ารัฐบาลไม่ควรออกนโยบายใดๆ  เพื่อสนับสนุนกัญชา/ผลิตภัณฑ์กัญชา,  10.53% ระบุว่าเพื่อสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์กัญชาที่ถูกกฎหมาย, 7.40% ระบุว่าเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้ประชาชนทั่วไป, 3.21% ระบุว่าเพื่อสนับสนุนความบันเทิงในสังคม เช่น การเสพกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย การมีบุหรี่กัญชา เป็นต้น และ 0.99% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ส่วนความคิดเห็นต่อการนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดอีกครั้ง พบว่า  60.38% เห็นด้วยมาก, 15.27% ค่อนข้างเห็นด้วย, 14.50% ไม่เห็นด้วยเลย, 8.93% ไม่ค่อยเห็นด้วย และ 0.92% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับความคิดเห็นต่อการจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ปลูกกัญชาหรือนักธุรกิจกัญชา หากรัฐบาลนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดอีกครั้ง พบว่า 46.95% รัฐบาลไม่ควรจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ใดเลย, 35.03% รัฐบาลควรจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ปลูกกัญชาและนักธุรกิจกัญชา, 10.08% รัฐบาลควรจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ปลูกกัญชาเท่านั้น, 2.06% รัฐบาลควรจ่ายค่าชดเชยให้กับนักธุรกิจกัญชาเท่านั้น และ 5.88% ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ  ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชาของประชาชน พบว่า 68.93%  ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวกับกัญชา, 31.07% เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชา ซึ่งเมื่อพิจารณาตัวอย่างที่ระบุว่าเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชา พบว่า 52.58% เคยมีประสบการณ์การใช้กัญชาเพื่อประกอบอาหารหรือเครื่องดื่ม, 34.64% การเสพหรือสูบกัญชา, 22.36% การใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค, 15.97% การปลูกกัญชา และ 0.98% การแปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาในเชิงพาณิชย์ และการค้ากัญชา ในสัดส่วนที่เท่ากัน

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในรายการชั่วโมงข่าวเสาร์-อาทิตย์ ทางไทยพีบีเอส กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีแนวคิดดึงกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดว่า แนวคิดของนายกฯ และพรรค ภท.ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เหลือเพียงการผลักดันพระราชบัญญัติกัญชากัญชงให้มีผลบังคับใช้

 “เหลือแค่กฎหมาย ออกกฎหมายมาควบคุมให้ชัดเจน อย่าหักหลังกันเหมือนรัฐบาลชุดก่อน ทุกอย่างก็จะชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้”

นายอนุทินยืนยันว่า พรรคใส่ใจความรู้สึกและผลกระทบของประชาชนที่เลือกพรรค และผู้ที่เชื่อมั่นในแนวทางพูดแล้วทำ และได้ผลักดันการใช้ประโยชน์จากกัญชาตามแนวทางที่ได้หาเสียงไว้ แต่มีความพยายามของผู้ที่ไม่หวังดี ต้องการเห็นความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย  นายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งต่อกัน นับแต่ที่ทั้ง 2 พรรคจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล และให้ความเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ

 “มีคนอยากให้ผมและเพื่อไทยไม่รักกัน  เป็นไปไม่ได้ ความขัดแย้งจบตั้งแต่จับมือตั้งรัฐบาล และยกมือโหวตให้ท่านเศรษฐา  ใครจะไปยกมือให้คนที่เราไม่ชอบ คนที่เราเกลียดให้มาเป็นเจ้านายเราล่ะ มีคนถามทำไมเอาใจนายกฯ ก็เพราะถ้าท่านเศรษฐาอยู่ไม่ได้ อนุทินก็อยู่ไม่ได้ ท่านพ้นนายกฯ ผมก็พ้นจาก รมว.มหาดไทยเหมือนกัน โดยคุณลักษณะของผมก็หนูหวานเจี๊ยบ ไม่ปะทะ ไม่ขัดแย้ง เป็นคาแรกเตอร์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว”  นายอนุทินกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง