อัดฉีด‘คนจน’16ล้านคน พ่วงแพ็กเกจ‘คนละครึ่ง’

เฮ! รัฐบาลจ่ออัดฉีดคนจน-เปราะบาง 16 ล้านคน เดินคู่โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 แจงทำเป็นแพ็กเกจ เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนกัน พร้อมรอ ครม.เคาะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า มาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย. 2565 พร้อมกันนี้กระทรวงการคลังจะต้องพิจารณาให้เงินเพิ่มเติมกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 14 ล้านคน และกลุ่มเปราะบางอีก 2 ล้านคนด้วย ส่วนจะใช้งบประมาณดำเนินการเท่าไหร่ ขอพิจารณาจากงบประมาณที่เหลืออยู่ก่อน

“ที่ผ่านมาการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะทำเป็นแพ็กเกจ ทั้งการให้วงเงินตามมาตรการคนละครึ่ง การให้เงินเพิ่มกับผู้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางมาตลอดทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็จะพิจารณาไปพร้อมกันกับการดำเนินมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่เหมือนกัน” นายอาคมกล่าว

สำหรับการลงทะเบียนผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีต้องรอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับสิทธิ์ต่างๆ ที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับ โดยยังจะได้รับสิทธิ์ต่อไปเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการลงทะเบียนรอบใหม่

อย่างไรก็ดี มาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ปี 2564 ที่ได้สิ้นสุดโครงการทั้ง 4 โครงการ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2564 ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ, โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยมีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการ รวม 41.5 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 254,281.7 ล้านบาท

โดย 1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ 13.55 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 24,010 ล้านบาท 2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ 1.51 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 2,183.3 ล้านบาท

3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 26.35 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวน 27.98 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 4,500 บาท 10.87 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 223,921.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 113,936 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 109,985.8 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 88,712.9 ล้านบาท, ร้านธงฟ้า 36,037 ล้านบาท, ร้านโอท็อป 10,843.2 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 84,160.7 ล้านบาท, ร้านบริการ 3,900.1 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 267.9 ล้านบาท

และ 4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีประชาชนผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 91,952 ราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวนกว่า 4.9 แสนราย มียอดใช้จ่ายสะสมส่วนประชาชน 3,827.4 ล้านบาท มีมูลค่าการใช้จ่ายสะสมที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 3,064 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 353.8 ล้านบาท และมูลค่าการใช้จ่ายสะสมส่วน e-Voucher 339.2 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมรวมส่วนประชาชนและ e-Voucher แบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 197.6 ล้านบาท, ร้านธงฟ้า 214.4 ล้านบาท, ร้านโอท็อป 441 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 3,167.6 ล้านบาท และร้านบริการ 146 ล้านบาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ปี 2565 จะเป็นปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องรับศึกหลายด้าน สารพัดปัญหาที่รัฐบาลหมดปัญญาแก้ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่มาจากการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศเพื่อมุ่งหวังที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอยู่แล้ว จึงไม่เคยคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะมารุมเร้ารัฐบาล แต่มองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน คงเป็นเพียงแค่มุมมองของฝ่ายค้านเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มองปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องน่าหนักใจ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องรับศึกหนักจริงๆ ก็คงจะเป็นศึกจากฝ่ายค้านที่จ้องแต่จะดิสเครดิตรัฐบาลรายวันโดยปราศจากข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะ ซึ่งมีแต่จะทำให้เสียเวลาในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน

“ส่วนกรณีที่อ้างว่านายกฯ บริหารประเทศมาเกือบ 8 ปี ไร้ผลงานที่ชัดเจน เชื่อว่าประชาชนไม่ต้องการให้ท่านนายกฯ อยู่ในตำแหน่งแล้วนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยจะหลอกตัวเองแบบนั้นเพื่อให้ตัวเองสบายใจก็ไม่ว่ากัน เพราะข้อเท็จจริงเห็นกันอยู่ชัดเจนว่านโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่องนั้น ล้วนเข้าถึงประชาชน โดยเฉพาะคนรากหญ้า อาทิ โครงการคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ หรือเราเที่ยวด้วยกัน ที่ประชาชนต่างเรียกร้องให้เพิ่มเฟสใหม่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีอยากให้ฝ่ายค้านรีบตื่นจากฝัน เลิกละเมอ แล้วกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองในสภาเสียที” นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง