บีบนิรโทษคดี112 ก้าวไกลโหน‘บุ้ง’ชง‘กมธ.’ กรมคุกลิ้นพันแจงไทม์ไลน์

นายกฯ แสดงความเสียใจครอบครัวบุ้ง ทะลุวัง เงียบเป็นเป่าสากเพื่อไทยไร้แววพูดถึงนโยบายปล่อยนักโทษการเมือง ขณะที่ "กรมคุก" ยกขบวนแจงไทม์ไลน์นาทีชีวิต “บุ้ง” หัวใจหยุดเต้น มึนหนักให้ข้อมูลไม่ตรงกัน  “ราชทัณฑ์” ปรี๊ดไม่มีหมอเทวดาคนไหน รักษาผู้ต้องขังที่มีอุดมการณ์อดอาหารได้ “ตะวัน” เครียดหนักส่งเข้า รพ.อีกราย ทนายสามนิ้วโวยบุ้งตายในรัฐบาลเศรษฐาต้องรับผิดชอบ ด้าน "โรม" ดันสุดลิ่มนิรโทษกรรมพ่วงผิด ม.112  หวังตัดไฟไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำอีก

เมื่อวันพุธ เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ระบุถึงกรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม  หรือบุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรมทางการเมืองที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  ซึ่งเป็นการเสียชีวิตขณะอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ว่า ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวด้วย มั่นใจว่ารัฐบาลจะให้ความเป็นธรรม โดยสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมสืบสวนสอบสวนในแง่รายละเอียดการเสียชีวิต

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการทวงถามถึงนโยบายพรรคเพื่อไทย ที่หาเสียงเกี่ยวกับการปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยเมื่อไหร่  นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์  นพ.สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์, นางอาจารี ศรีสุนาครัว ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง  และ นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าว           โดย นพ.สมภพชี้แจงว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับตัวน.ส.เนติพรมาควบคุมตัวไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อวันที่ 26 มกราคม โดยขณะนั้น น.ส.เนติพรได้อดอาหารอยู่แล้ว

ยกขบวนแถลงนาทีชีวิต

นพ.สมภพระบุว่า ต่อมาวันที่ 29 กุมภาพันธ์-8 มีนาคม ได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากอาการอ่อนเพลีย จากนั้นวันที่ 8 มีนาคม-4 เมษายน ได้ย้ายตัวน.ส.เนติพรไปรักษาโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เป็นเวลา 27 วัน และมีรายงานว่าปฏิเสธการรับสารอาหาร ยาบำรุงเลือดต่างๆ ด้วยเช่นกัน และยังอยู่ในภาวะทั่วไปที่สามารถรับประทานอาหารเองได้ จึงมองว่าไม่น่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จนกระทั่งวันที่ 4 เมษายน แพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ จึงได้มีหนังสือส่งตัว น.ส.เนติพรกลับมารักษาตัวที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์  เนื่องจากเห็นว่าสามารถรักษาต่อได้

นพ.สมภพระบุว่า โดยทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้จัดให้พักในห้องผู้ป่วยรวมที่มี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เพื่อนสนิทพักอยู่ด้วย ยืนยันว่าแพทย์และพยาบาลได้เฝ้าตรวจรักษาอาการอยู่ตลอดเวลา ขณะนั้นพบว่า น.ส.เนติพรรู้สึกตัวดี มีอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จนกระทั่งวันเหตุคือวันที่ 14 พฤษภาคม เวลาประมาณ 06.00 น. น.ส.เนติพรได้เกิดอาการวูบและหมดสติไปขณะกำลังพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวัน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้การช่วยเหลือและกระตุ้นหัวใจทันที พร้อมประสานส่งตัวไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ จนกระทั่งมีข่าวว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นพ.สมภพกล่าวว่า ก่อนจะเกิดภาวะช็อก น.ส.เนติพรมีอาการปกติทุกอย่าง และขณะที่ น.ส.เนติพรรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ก็มีรายงานว่าปฏิเสธการรับสารอาหาร ยาบำรุงเลือดต่างๆ ด้วยเช่นกัน และยังอยู่ในภาวะทั่วไปที่สามารถรับประทานอาหารเองได้ จึงมองว่าไม่น่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และในเช้าวันเกิดเหตุก็ยังสามารถคุยกับ น.ส.ทานตะวันได้ตามปกติ กล่าวเพียงว่ามีอาการปวดหัว

หมอเทวดาก็รักษาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะมีมาตรการในการป้องกันเหตุซ้ำรอยอีกหรือไม่ นพ.สมภพกล่าวว่า ราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามมาตรฐานอยู่แล้ว แต่หากเกิดเหตุจนถึงแก่ชีวิตนั้น ไม่มีแพทย์ที่ไหนจะยื้อชีวิตได้ แม้กระทั่ง น.ส.เนติพรเองก็ทำนิติกรรมไว้แล้วล่วงหน้า เนื่องจากมีความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ และเราไม่สามารถแตะต้องอะไรได้ เราช่วยชีวิตได้ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่

 “ส่วนการป้องกันนั้น เราได้พยายามส่งนักจิตวิทยาเข้าไปโน้มน้าวแล้วอย่างเต็มที่ แต่หากเขายืนยันจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ร่างกายทนไม่ไหวแล้ว ทางราชทัณฑ์ทำได้เต็มที่ก็คือส่งให้แพทย์รักษาเท่านั้น ส่วนการจะให้เปลี่ยนใจนั้นทำไม่ได้ เป็นเรื่องยาก หากร่างกายมาถึงจุดที่ไม่สามารถดูแลได้แล้วก็ยาก ต่อให้เป็นแพทย์เทวดาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้" นพ.สมภพระบุ

ด้าน นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตั้งแต่หลังวันที่ 4 เมษายน ที่กลับจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ น.ส.เนติพรยังคงมีอาการอ่อนเพลีย สามารถรับประทานอาหารได้บ้างตามลำดับ เช่น ข้าวต้ม ไข่เจียว โดยจัดหาอาหารให้ทั้ง 3 มื้อ และยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการแนะนำกับ น.ส.เนติพรโดยตลอดว่าการอดอาหารอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 “น.ส.เนติพรรับทราบอย่างต่อเนื่องแต่ยังยืนยันในแนวทางเดิม โดยมีเจตจำนงที่จะปฏิเสธรับเกลือแร่หรือวิตามิน  ยืนยันว่าให้การรักษาและดูแลตามมาตรฐาน ก่อนเกิดเหตุไม่มีภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตาม ในการนำตัว น.ส.เนติพรไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ นั้น ไม่ได้ใช้เครื่อง AED  หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจ เพราะไม่มีข้อบ่งชี้” นพ.พงศ์ภัค ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามถึงข้อมูลลำดับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ รวมถึงขั้นตอนการช่วยเหลือกู้ชีพ น.ส.เนติพรทั้งหมด ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์และผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังคงมีความสับสนและให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เช่น ช่วงแรกผู้ตรวจฯ กล่าวว่าไม่พบสัญญาณชีพของ น.ส.เนติพร จึงได้ฉีดยากระตุ้นหัวใจ แต่ภายหลังแพทย์ให้ข้อมูลว่ามีสัญญาณชีพอ่อน ผู้ต้องขังที่ได้รับการฝึกให้เป็นผู้ช่วยพยาบาลจึงได้ CPR ที่เตียงนอน จนมีสัญญาณชีพกลับมา ก่อนเจ้าหน้าที่จะพยุง น.ส.เนติพรลงไปห้องรักษาพยาบาล

รวมถึงข้อมูลก่อน น.ส.เนติพรจะหมดสติไป ที่ตอนแรกให้ข้อมูลว่า น.ส.เนติพรลุกไปเข้าห้องน้ำและมีการพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวันว่าปวดท้องหรือไม่ และกลับมานอนข้างกัน ภายหลังมีการให้ข้อมูลว่า น.ส.ทานตะวันเป็นผู้ลุกไปเข้าห้องน้ำ และบุ้งนอนอยู่ที่เตียง ก่อนที่สุดท้ายทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้แก้ไขว่ายังไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนลุกไปเข้าห้องน้ำกันแน่ แต่หลังกลับจากเข้าห้องน้ำแล้วบุ้งและทานตะวันมีการพูดคุยกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาวัดความดัน หลังจากนั้น 1-2 นาที บุ้งกระตุกหนึ่งถึงสองครั้ง เจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบสัญญาณชีพ เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ให้ข้อมูลสับสนว่า น.ส.ทานตะวันเห็นเหตุการณ์ขณะบุ้งกระตุกหรือไม่ น่าจะตอนแรกให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุขณะตะวันหลับอยู่ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้อย่างไรเมื่อมีคนหนึ่งไปเข้าห้องน้ำอยู่ ผอ.รพ.จึงให้ข้อมูลใหม่ว่า ตะวันเองก็วัดความดันอยู่เช่นกัน ขณะที่บุ้งเกิดอาการกระตุก ซึ่ง ผอ.รพ.อ้างว่าได้ดูเพียงกล้องบันทึกภาพขณะเกิดเหตุการณ์เท่านั้น แต่ช่วงอื่นๆ นั้นไม่ทราบ และไม่ได้ดูกล้องวงจรปิด  จึงไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้

ทำให้ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ได้ตำหนิผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า ผู้อำนวยการยังสับสนในคำถาม และไม่เข้าใจ และไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้ แต่ผู้ตรวจฯ ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรฐาน การกู้ชีพทั้งหมดเป็นไปตามจรรยาบรรณของแพทย์  พร้อมอ้างว่าเป็นข้อมูลที่ลึกเกินไป แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง

ตะวันเครียดหามส่ง รพ.

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้า น.ส.ทานตะวันมีอาการเศร้าและเครียด ซึ่งทางโรงพยาบาลส่งจิตแพทย์เข้าไปพูดคุยกับตะวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัว “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องขังคดี 112 โพสต์ข้อความระบุว่า  ตะวันถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ  เมื่อเวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังใช้เวลาในการผ่าชันสูตรพลิกศพร่างของ "บุ้ง ทะลุวัง" เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ สาขานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นานเกือบ 2 ชั่วโมง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ตนได้สอบถามแพทย์เรื่องของหัวใจล้มเหลว ซึ่งแพทย์ได้ผ่าตัดหัวใจดู และจะต้องไปนำวิเคราะห์อีกครั้ง ว่า หัวใจล้มเหลวเกิดจากสาเหตุใด รวมถึงผลค่าตับกับค่าไตด้วยว่ามีสารพิษหรือไม่ โดยทางเราอยากให้ทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเก็บข้อมูลหลักฐานว่า บุ้งกินอะไรบ้าง กินเมื่อไหร่ และทำไมต้องส่งมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สาเหตุเป็นเพราะอะไร  และมีกล้องวงจรปิดหรือไม่

 “ส่วนที่นายกฯ ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของบุ้งนั้น ขอให้ส่งคนกลางมาร่วมดูแลเรื่องนี้ด้วย ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว ประเทศเรากำลังสมัครเป็นมนตรีสิทธิมนุษยชน ถ้าคนถูกคุมขังแล้วตายแบบนี้ ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผมมองว่าบุ้งเสียชีวิตในการควบคุมของรัฐบาลเศรษฐา ต้องหาคนรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ต้องว่ากันไป มันต้องชัดเจน" นายกฤษฎางค์ ระบุ

เพจเฟซบุ๊กทะลุวัง-ThaluWang โพสต์แจ้งกำหนดการของบุ้ง เนติพร ไว้ดังนี้ กำหนดการสวดพระอภิธรรม นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม วันที่ 16-18 พฤษภาคม 2567 เวลา 19.00 น. ณ ศาลา 8 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง น. และฌาปนกิจ วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.00 น. ขอความกรุณา และขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดถ่ายภาพครอบครัว และอยู่ในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้

ชงนิรโทษฯ 112 เข้า กมธ.

วันเดียวกัน นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 พ.ค. กมธ.มีการประชุม โดยมีวาระพิจารณารายละเอียดของการตรา พ.ร.บ.ว่าควรมีคณะกรรมการวินิจฉัยความผิดเพื่อการนิรโทษกรรมไว้ในร่างกฎหมายหรือไม่ นอกจากนั้นจะพิจารณารายงานของอนุ กมธ.ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.ด้วย

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จะเสนอให้ กมธ.พิจารณาในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างคุมขัง ในประเด็นการนิรโทษกรรมม เพื่อไม่ให้ผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งมีคดีความผิดมาตรา 112 ต้องเสียชีวิตอีก

 “ในการนิรโทษกรรมนั้น ผมมองไปไกลกว่า กมธ. เนื่องจากบุคคลที่เป็น กมธ.นิรโทษกรรม หลายคนเป็นผู้อาวุโสที่มีบทบาทต่อรัฐบาล ดังนั้น ควรพิจารณาในคดีต่างๆ ที่ไม่ได้ประกันตัวให้ได้รับการประกันตัว เพื่อได้ใช้สิทธิต่อสู้คดี และไม่ให้เกิดกรณีของ น.ส.เนติพรซ้ำรอยอีก นอกจากนั้นคือมาตรการที่ทำได้โดยรัฐบาล ผ่านกลไกของการชะลอคดีที่มีเงื่อนไขที่ตรงกับการนิรโทษกรรม ทั้งนี้ ควรได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม” นายรังสิมันต์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป