ชิงเคาะค่าแรง 400 ครม.ปาดหน้า‘ไตรภาคี’ 16สภานายจ้างบุกขวาง

ครม.ไฟเขียวค่าแรง 400   บาททั่วประเทศ ก.ย.-ต.ค.นี้ 16 สภานายจ้างบุกกระทรวงแรงงาน ค้านขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โวยปีนี้ปรับแล้ว 2 รอบ หวั่นผู้ประการรายย่อยต้องปิดกิจการ "บอร์ดไตรภาคี" สวนรัฐบาล สั่งอนุฯ จังหวัดพิจารณา ก่อนส่งตัวเลขให้ชุดใหญ่เคาะ ก.ค.

ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 3/2567 ว่า ครม.รับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอความคืบหน้าในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ จะมีผลบังคับในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 นี้

ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.รับทราบรายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้าง 400 บาททั่วประเทศ โดยกระทรวงแรงงานและคณะกรรมการค่าจ้างได้ดำเนินการ ดังนี้ 1.กำหนดให้สำรวจค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของแรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงานในภาคอุตสาหกรรม ปี 2567 เดือนเมษายน-มิถุนายน 2567 2.กำหนดให้มีการประชุมหารือผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เดือนพฤษภาคม 2567

3.สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างเสนอคณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณากรอบแนวทางและหลักเกณฑ์การทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด เพื่อให้การประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดทุกจังหวัด และคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรอง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอย่างมีหลักวิชาการ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 4.สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างเสนอคณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดทุกจังหวัด และคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรอง เพื่อทบทวนการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 และเสนอประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้เดือนกันยายน-ตุลาคม 2567

ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อเวลา 13.30 น. นายเนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) พร้อมด้วยผู้แทนจากสภาองค์การนายจ้างทั้ง 16 สภาองค์การนายจ้าง ยื่นหนังสือถึงนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 เพื่อคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการยื่นหนังสือก่อนการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 ครั้งที่ 5/2567

นายเนาวรัตน์กล่าวว่า ด้วยสภาพของเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอยู่ในช่วงเปราะบาง เงินเฟ้อ ค่าเงินบาทอ่อน ขีดความสามารถในเชิงการแข่งขันด้อยลงไปเรื่อยๆ และเหตุผลทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ไม่พร้อมในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศแน่นอน โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) นอกจากนั้นยังมีเรื่องต้นทุน ค่าพลังงาน มีการปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องดูแลจุดนี้ด้วย ซึ่งเราเห็นด้วยที่จะขึ้นค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน ซึ่งทุกอุตสาหกรรมมีแรงงานทักษะอยู่แล้ว และสนับสนุนให้เอสเอ็มอีปรับมาจ้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือแรงงานเหมือนอย่างอุตสาหกรรมใหญ่ๆ แต่อาจจะมีความต่างกันในเรื่องของอัตราการจ้างงานที่จะต้องสอดคล้องกับกำไรและขนาดของธุรกิจนั้น" นายเนาวรัตน์กล่าว และว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำนั้น จึงต้องมองความสามารถของผู้ประกอบการเป็นหลัก

"ค่าจ้าง 400 บาท เป็นค่าแรงแรกเข้า แต่ไม่ใช่ค่าแรงของพนักงานที่อยู่นานที่มีการปรับค่าแรงขึ้นตามศักยภาพ ดังนั้น เมื่อค่าแรงแรกเข้าเพิ่มเป็น 400 บาท คนที่อยู่ก่อนก็ต้องปรับตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ปีนี้ปรับขึ้นมา 2 รอบแล้ว แล้วยังจะมาขึ้นอีกครั้งวันที่ 1 ต.ค. เราคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ถ้าขึ้นค่าจ้างแต่รายรับของธุรกิจไม่เพิ่มเท่ารายจ่าย เมื่อเขาอยู่ไม่ได้ก็ต้องปิดตัวไป จริงๆ แล้วมาตรา 87 กำหนดให้มีการตั้งบอร์ดค่าจ้างฯ ที่เป็นองค์กรอิสระ ให้พิจารณาค่าจ้างตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งกระทรวงแรงงานเป็นคนแต่งตั้งขึ้นมา ก็ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลต่างที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ไม่งั้นคุณจะตั้งเขาไว้ทำไม คุณก็ล้มเขาไปเลย" นายเนาวรัตน์ระบุ

ต่อมาเวลา 16.45 น. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และประธานคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ครั้งที่ 5/2567 กล่าวภายหลังการประชุมซึ่งใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมไตรภาคีทั้ง 3 ฝ่าย นายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ ได้นำประเด็นข้อเสนอของจากทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้าง หลังจากที่มีการประกาศว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ในวันที่ 1 ต.ค.2567 มาพิจารณา และคณะกรรมการไตรภาคีขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือของการเมือง ตามที่ฝั่งนายจ้างกังวล

"ดังนั้น ที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติในเรื่องของค่าจ้าง โดยให้คณะอนุกรรมการแต่ละจังหวัดพิจารณาว่าควรจะปรับขึ้นค่าจ้างเป็นตัวเลขเท่าใด กิจการไหนจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าจ้าง และเห็นด้วยหรือไม่ที่ต้องขึ้นภายในวันที่ 1 ต.ค.2567 โดยให้เสนอมาภายในเดือน ก.ค.2567" นายไพโรจน์ระบุ

ทั้งนี้ มติและการประชุมของคณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาโดยไม่มีอำนาจใดมาแทรกแซง เป็นไปตามกรอบพิจารณาสภาพเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และราคาสินค้าในท้องตลาดนั้นๆ เพราะบริบทของแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน เราจะให้เกียรติทางคณะอนุกรรมการไตรภาคีจังหวัดเป็นคนนำเสนอว่าแต่ละจังหวัดควรจะขึ้นค่าจ้างเท่าใด และกิจการใดบ้าง เพราะต้องเข้าใจว่าบางกิจการ อย่าง SMEs ค้าปลีก ค้าส่ง ชาวสวนชาวไร่ อาจจะไม่พร้อมให้ขึ้นค่าแรง อยากให้จังหวัดเสนอให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาความเห็น  และนำเสนอมาคณะกรรมการไตรภาคีชุดใหญ่ มาเคาะครั้งสุดท้าย เพื่อให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป