โวยโยงกัญชาการเมือง

"อนุทิน" วอนอย่าจุดประเด็น "กัญชา" เป็นเรื่องการเมือง ยันไม่ส่งผลร่วมงานรัฐบาล ย้ำให้ คกก.ยาเสพติดชี้ขาด "เลขาฯ เพื่อไทย" ป้องนายกฯ สั่งดึงกลับบัญชียาเสพติด ไร้กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม "เครือข่ายกัญชาไทย" ประกาศบุก สธ. 16 พ.ค. ขู่ปักหลักค้างคืน ขีดเส้น 15 วัน สรุปข้อดีข้อเสียเทียบกับบุหรี่-เหล้า  

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นายอนุทิน    ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการพิจารณานำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า เรื่องดังกล่าวต้องผ่านการศึกษาและประเมิน ซึ่งยังมีขั้นตอนอีกมาก โดยจะต้องผ่านคณะกรรมการ 2-3 ชุด ก่อนจะมีการดำเนินการใดๆ ที่จะผิดแปลกไปจากปัจจุบันนี้

ส่วนจะกระทบกับผู้ที่ปลูกกัญชาในปัจจุบันหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า  ทุกอย่างมีผลดี-ผลเสียหมด ฉะนั้นจะต้องมาพิจารณาดู ซึ่งข้อมูลจากเมื่อปี 2565  จากการปลดล็อกกัญชา มีอะไรที่แตกต่างจากข้อมูลในปี 2567 นี้หรือไม่ หากมีความแตกต่างสามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้ ซึ่งในฐานะที่เป็นกรรมการชุดเก่ามีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง และคณะกรรมการชุดใหม่อาจมีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง จึงจะต้องมาหารือกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และหากเป็นไปตามการตัดสินใดๆ เรายอมรับในการตัดสินใจนั้น

นายอนุทินยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่มีผลต่อการร่วมงานในรัฐบาล และขออย่านำประเด็นกัญชามาเป็นเรื่องทางการเมือง รวมถึงย้ำว่าประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา

เมื่อถามว่า ประเด็นดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรือไม่   นายอนุทินยอมรับว่า พูดคุยแล้ว ซึ่งได้พูดเหมือนกับที่ชี้แจงกับสื่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยและอธิบายกับนายกรัฐมนตรีว่าอย่างไรบ้าง  นายอนุทินกล่าวว่า ได้พูดคุยตามที่นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไป ซึ่งหลังจากนี้จะต้องไปเริ่มที่คณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ที่ต้องไปพิจารณา และจะต้องไปศึกษา ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนได้เลย เพราะมีที่มาที่ไป ก่อนจะผ่านคณะกรรมการชุดก่อนๆ ซึ่งการปลดล็อกกัญชาเมื่อปี 2565 ถือว่าเป็นเอกฉันท์ การจะมาเปลี่ยนนโยบายจะต้องมีการพูดคุยกัน และคณะกรรมการชุดปัจจุบันยังมีบุคคลที่เคยนั่งดำรงตำแหน่งในการพิจารณาปลดล็อกกัญชา รวมถึงตนอยู่ด้วย ส่วนประธานคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ปัจจุบันนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี

"หากมีการโหวต ผมจะโหวตตามข้อมูลที่มี ซึ่งหากผลโหวตออกมาอย่างไร ผมพร้อมที่จะยอมรับ จะได้เลิกคิดว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง ฉะนั้นหากมีข้อมูลที่เป็นข้อมูลปัจจุบัน ขอให้นำข้อมูลใหม่เข้ามา อย่าเป็นเหตุทางการเมือง เพราะหากใครเข้ามาเป็น รมว.สาธารณสุขอีก อาจจะเปลี่ยนอีก ซึ่งทำไม่ได้ เพราะเราจะใช้อารมณ์ส่วนตัวมาพิจารณาไม่ได้" นายอนุทินระบุ

ส่วนพรรคการเมืองอื่นที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าควรนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น นายอนุทินกล่าวว่า แล้วแต่นโยบายของพรรคการเมืองอื่น แต่ไม่ใช่นโยบายของพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้นจะต้องมาว่ากันด้วยเหตุผลดีที่สุด พร้อมย้ำว่าตนเองจะไม่ต่อต้านหรือเป็นคลื่นใต้น้ำ เพราะมาอยู่กระทรวงมหาดไทยแล้ว

เมื่อถามว่า จะชดเชยผู้เสียผลประโยชน์ในการลงทุนไปแล้วอย่างไรนั้น   นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ใจเย็นๆ เพราะนายกฯ ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไปศึกษาก่อน และจากนี้ไปควรไปถาม สธ. โดยยึดประโยชน์ของประชาชน ทั้งจากผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้รื้อกฎกระทรวงแก้ยาบ้าเม็ดเดียวมีความผิด และกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ใช้แค่การแพทย์และสุขภาพ จะกระทบต่อความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า มองว่าไม่กระทบ ทุกอย่างมีการพูดคุยกัน การให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติดอาจจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งต้องให้ทางฝ่ายบริหารเป็นคนตอบดีกว่า แต่ในเรื่องผลกระทบของพรรคการเมืองไม่น่ามี เพราะต้องมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว

ขณะที่ นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เปิดเผยว่า เครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับทั้งหมด หรือกลับเป็นยาเสพติดเพียงบางส่วนก็ตาม แต่เห็นว่าการคุมโดยใช้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะจะสามารถนำเอาส่วนที่ดีของกัญชามาใช้ประโยชน์ได้ และควบคุมส่วนเสียได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่กลับไปเป็นยาเสพติด จะทำอะไรไม่ได้เลย และจะมีกติกาเฉพาะให้คนที่มีคุณสมบัติเท่านั้นที่ปลูกได้ นั่นก็คือการกีดกัน จึงเห็นว่าออกเป็น พ.ร.บ.ดีกว่า

"ดังนั้น ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ เครือข่ายฯ จะรวมตัวกันไปที่ สธ. เพื่อขอให้ทำเรื่องเดียว คือการทำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบระหว่างบุหรี่ สุรา และกัญชา ว่า 3 สิ่งนี้ สิ่งใดมีประโยชน์ต่อร่างกาย และสิ่งใดมีโทษต่อร่างกาย อย่างไรแล้ว เอาขอเท็จจริงนี้ในการกำหนด ทั้งนี้ จะให้เวลา 15 วันในการดำเนินการจัดทำข้อมูลตรงนี้ หาก สธ.ไม่ทำ ก็จะปักหลักค้างคืนที่กระทรวงจนกว่า สธ.จะทำงานวิชาการชิ้นนี้ออกมาให้สังคมเห็น ถ้าทำแล้วพบว่ากัญชาร้ายมาก ก็เอากลับไปเป็นยาเสพติดได้เลย เราไม่ขัด" นายประสิทธิ์ชัยระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายฯ มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสีย ของกัญชา สุราและบุหรี่ไว้แล้วหรือไม่ นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า ตอนนี้เรื่องบุหรี่และเหล้ามีงานวิจัยออกมาเป็นร้อยชิ้น เมื่อไรที่ค้นอินเทอร์เน็ตจะเจอว่าก่อโรคอะไร บุหรี่เป็นสาเหตุให้คนไทยเสียชีวิตปีละกว่า 7 หมื่นคน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสาเหตุของการก่อโรคเสียชีวิต รวมถึงอุบัติเหตุตั้งไม่รู้เท่าไรต่อปี ขณะที่กัญชา เมื่อค้นอินเทอร์เน็ตว่ามีอันตรายอะไรบ้าง จะมีแค่ข่าวว่ามีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เกิดอาการฟั่นเฟือน ไม่มีงานวิจัยเป๊ะๆ  ออกมา แต่เมื่อค้นว่ากัญชามีประโยชน์อย่างไร จะพบงานวิจัยจำนวนมาก เป็นการพิสูจน์ว่า ต้นไม้ต้นหนึ่งที่หมอพื้นบ้านใช้ในการรักษาสุขภาพกันมาคือยา แต่ปัญหาคือมีการปั่นจนทำให้กัญชาถูกมองเป็นปีศาจร้าย

ส่วนที่ รมว.สธ.ระบุ 2 ปี ที่มีการปลดล็อก ทำให้วัยรุ่นสูบมากขึ้น ไอคิวลดลงกว่า 8-9 จุดนั้น นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า   ต้องดู 2 อย่าง 1.ข้อเท็จจริงที่บอกว่าเยาวชนสูบเพิ่มขึ้น 10 เท่า กำลังตามหางานวิจัยที่ว่านี้ เนื่องจากกัญชามีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ง่วงนอน ถ้าสืบจากร้านกัญชา จะพบว่าคนที่มาซื้อคือคนที่สูบมาก่อนจะปลดล็อก อายุ 40 ปีขึ้นไป คนสูบรายใหม่น้อยมาก 2.ในแง่ของกฎหมาย ปัจจุบันมี พ.ร.บ.สมุนไพรที่มีรายละเอียดควบคุมกัญชา ห้ามสูบ ใครจะนำกัญชาไปใช้ต้องขออนุญาต แต่ต้องบอกว่าไม่มีความรัดกุม

"ผมมองว่าเป็นเรื่องการเมือง เราเรียกร้องมา 2 ปีแล้วเช่นกันว่าให้ออก พ.ร.บ.มาควบคุม พูดง่ายๆ คือตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เล่นการเมืองมาตลอด ไม่ยอมผ่าน พ.ร.บ. มาถึงรัฐบาลชุดนี้ก็ยังไม่ทำ มี พ.ร.บ. 4 ฉบับที่อยู่บนโต๊ะนายกฯ หลายเดือนแล้ว แต่ไม่ยอมเซ็น หากคลอด พ.ร.บ.ออกมาแล้ว ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ทำ แต่เลือกที่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด" นายประสิทธิ์ชัยระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มหาดไทยเร่ง 8 มาตรการแก้ปัญหายาเสพติดเชิงรุกใน 3 เดือน

มท.ขับเคลื่อน 8 มาตรการตามแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก ในระยะเร่งด่วน 3 เดือน เน้นบูรณาการทุกภาคส่วน ปลัด มท.วอนแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567