อึ้ง!นายกฯกินแล้ว ข้าว10ปีลงท้องขอบคุณในความห่วงใย/‘ชัย’อ้างพวกค้านลวงโลก

 
กาญจนบุรี ๐ เอวัง! นายกฯ ก็กินข้าวเก่าเก็บ 10 ปีแล้ว ลั่นรัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมให้หน่วยงานที่น่าเชื่อถือตรวจสอบเพื่อทุกฝ่ายสบายใจ   ถ้าผลออกมาไม่ปลอดภัยไม่ขาย โฆษกรัฐบาลเปิดข้อมูลชุดใหม่ฟอกขาวเอี่ยมอ่อง อ้างมีคนมโนสร้างเรื่องเพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไป กลบเกลื่อนคำโกหก คำโกงมาตลอด 10 ปี สร้างวาทกรรมทำลายทางการเมือง เปิดช่องให้พรรคพวกได้เข้ามาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่ จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บไว้ 10 ปีในโกดัง จ.สุรินทร์ ไปตรวจสอบ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ระบุว่าจะนำข้าวนี้ส่งออกไปขายยังแอฟริกา จะทำให้ประเทศเสียชื่อเสียงหรือไม่ แล้วจะมีการตรวจสอบหรือระงับยับยั้งอะไรหรือไม่ ว่าก่อนที่จะนำออกไป ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้อาจจะบานปลาย เพราะหลายๆ ฝ่ายมองว่าข้าว 10 ปีนั้นทานไม่ได้ จะมีอันตราย นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่าให้มันบานปลาย เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้ามันไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เราชัดเจนอยู่แล้ว

สำหรับเสียงคัดค้านที่ค่อนข้างจะเยอะหากนำข้าวส่วนนี้ไปบริโภคนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ก็อย่างที่บอก เสียงคัดค้านมาจากอะไร หากเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่าสามารถบริโภคได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากไปทำการทดลอง ทดสอบดูแล้วว่ามีปัญหา เชื่อว่าท่านก็ไม่ขายอยู่ดี

ถามว่า ควรตรวจสอบข้าวนี้ก่อนที่นำมาทานและก่อนที่เป็นข่าวหรือไม่ เพราะมันเป็นผลเสียมากกว่า นายกฯ ตอบว่า ก็เดี๋ยวจะนำไปทดสอบทดลองอย่างที่ตนพูดไป

เมื่อถามว่า จะให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ตรวจสอบใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า  ใช้คำว่าเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า หากให้เป็นหน่วยงานภาครัฐเดี๋ยวจะไม่เชื่อกันอีก ต้องเป็นหน่วยงานสามารถตรวจสอบได้ และมีความน่าเชื่อถือ เพราะเราไม่ได้มีธงไว้ก่อนว่าปลอดภัย แต่ธงของเราคือจะต้องเป็นข้าวที่มีความปลอดภัย ถ้าเกิดว่าไม่มีความปลอดภัยเราก็ไม่ทำ

ซักว่า รัฐบาลจะต้องเร่งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือตรวจสอบก่อนเลยหรือไม่เรื่องนี้จะได้จบปัญหาดรามา นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบกรรมวิธีการตรวจสอบ ถ้าหากเร่งก็จะไม่ครบถ้วนไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวจะมีปัญหา ตรงนี้ขอให้ใจเย็นๆ หน่อย มันมีขั้นตอนของมัน นายภูมิธรรมตระหนักดีถึงข้อนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเป็นคนตรวจสอบเอง ไม่ใช่ให้เอกชนมาประมูลเพื่อตรวจสอบใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้จะต้องเป็นที่สบายใจของทุกฝ่าย  ถ้าเราตรวจสอบแล้วเขาไม่สบายใจก็ตรวจสอบเองได้ จะให้ดีทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนรู้เห็นในตรงนี้ ไม่ใช่แอบๆ ทำ

ถามว่า ได้รับประทานข้าวนี้ไปหรือยัง  นายเศรษฐากล่าวว่า รับประทานไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วมีอาการอะไรหรือไม่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ สื่อมวลชนเป็นห่วง นายเศรษฐาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณในความห่วงใย วันนี้ก็มายืนตรงนี้ทำภารกิจตั้งแต่เช้าไม่ต้องห่วง อย่าให้บอกดีกว่าทานแล้วเป็นอย่างไร อย่างที่สื่อมวลชนเป็นห่วงมา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบเป็นผลทางวิทยาศาสตร์เอามาดีกว่า

ซักว่าตามหลักข้าวที่เก็บไว้ 3 ปีก็ตีว่าเป็นข้าวเน่า แต่ข้าวนี้เก็บไว้ 10 ปีจะมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มันไม่จริง มันขึ้นอยู่กับการเก็บและกรรมวิธีหลายๆ อย่าง หากเก็บไม่ดีไม่ถึง 3 ปีก็แย่ได้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์

10 ปีไม่ใช่ข้าวเน่า

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทย ระบุว่า ข้าวที่เก็บไว้เกิน 3 ปีถือเป็นข้าวเน่า ว่า การเสื่อมเรื่องราคา และคุณภาพ 2.71 เปอร์เซ็นต์ และเสื่อมปริมาณ 0.72 เปอร์เซ็นต์ เสียหายรวม 3.43 เปอร์เซ็นต์   ซึ่งอยู่ในรายงานหน้าที่ 26 ย่อหน้าสุดท้ายของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในรายการหน้าต่อไปจึงให้แนวทางว่า ข้าวที่เก็บไว้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็นศูนย์  หากอายุไม่เกิน 2 ปี ให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ และหาก 3 ปีให้ถือว่าค่าเสื่อมเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ อายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไปให้ค่าเสื่อมเป็น 15 เปอร์เซ็นต์  ปรากฏว่ายุคที่มีการจำนำข้าว เมื่อตรวจว่าบัญชีขาดทุนเท่าไหร่ โดยนับจากสต๊อกเมื่อปี 2546 มีข้าวล็อตนั้น 6 ล้านตันอายุ 1 ปี คณะกรรมการบัญชีฯ เข้าไปตัดค่าเสื่อมจาก 14,600 บาทต่อตัน เหลือ 12,030 บาทต่อตัน ตัดลงไปกว่า 4,000 บาท ภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งไม่มีที่ไหนทำ โดยที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในยุคนั้นยึดถือรายงานของทีดีอาร์ไอเป็นหลักในการเอาผิด แต่เวลามีการตัดค่าเสื่อมข้าว ผิดไปจากหลักวิชาการโดยสิ้นเชิง ไม่มีการออกมารับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น 

ดังนั้น การที่บอกว่าข้าว 3 ปีถือเป็นข้าวเน่าหรือไม่ ต้องบอกว่าผิดจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลักวิชาการที่ไหนบอก และข้าวในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เก็บไว้มีอายุนานมากๆ เป็น 10 ปีก็มี นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หากจะเอาไปกินเอาไปอีกแล้วจะกินทันที ผู้ประมูลจะมีการปรับปรุงคุณภาพข้าว

"10 ปีคุณภาพของข้าวย่อมไม่เท่ากับข้าวใหม่ 1-2 ปี คุณค่าก็ยอมลด แต่ไม่ใช่ข้าวเน่าแน่นอน ข้าวทุกเมล็ดที่อยู่ในโกดังถือเป็นสมบัติของประเทศ เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน ถ้ายังมีราคาอยู่ สามารถผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ และสามารถขายออกไปให้ตลาดที่เขาพร้อมจะบริโภค ซึ่งมีข่าวว่าพ่อค้าที่เป็น 1 ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไปร่วมพิสูจน์ที่จังหวัดสุรินทร์ ยินดีจะซื้อข้าวกิโลกรัมละ 15 บาท ซึ่งปีที่แล้วบริษัทดังกล่าวส่งออกไป 5 แสนตัน โดยพร้อมที่จะเหมาข้าวของเรา แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องเปิดให้ประมูล"

เขากล่าวว่า แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่ นำตัวอย่างข้าวมาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใช้จินตนาการเอา หากข้าวล็อตนี้ไม่ได้เน่าจริง ยังบริโภคได้ แม้คุณภาพจะไม่เท่าเดิม ลดลงบ้าง แต่มันก็ขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท และกินได้ ผลที่ออกมาจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า คนที่โจมตีเรื่องข้าวเน่าตลอดในประวัติศาสตร์ 10 ปีที่ผ่านมา สังคมก็คิดว่าข้าวเน่าหมด มันจะเริ่มหางโผล่ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกโจมตีมาตลอด 10 ปี ขอฝากสื่อมวลชนช่วยไปสอบว่าก่อนหน้านี้วาทกรรมข้าวเน่า มีผลทำให้ข้าวอายุ 2-3 ปีถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ ถ้าข้าวชุด 10 ปีขายในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมได้    และข้าว 2-3 ปีขายได้ในราคา 8-10 บาท ต้องลองไปขุดคุ้ยกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น

โต้มโนข้าวเก่า 10 ปี

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการนำการเมืองมาครอบเรื่องข้าวใช่หรือไม่ นายชัย   กล่าวว่า ในทางกลับกันมีคนกล่าวหาว่าเป็นการฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล ตนจึงคิดว่าการพยายามออกมาด้อยค่าข้าวชุดนี้ เป็นการพยายามกลบเกลื่อนลวงโลก หลอกลวงคนมา 10 ปีหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้ระบายข้าวชุดนี้สำเร็จหรือไม่ขัดขวางเพื่ออะไร เพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า

“ไม่กลัว เพราะพูดความจริง รัฐบาลแถลงตามข้อเท็จจริง แต่ก็มีคนมโนสร้างเรื่องเพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไป และมีออปชันว่าสร้างเงื่อนไขข้าวเน่าขายให้คนบริโภคเห็นแก่เงินหรือเปล่า มีเชื้อราสร้างข้อโต้แย้งทุกอย่าง ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่พยายามกลบเกลื่อนคำโกหก  คำโกงมาตลอด 10 ปี และเห็นว่าเป็นการสร้างวาทกรรมทำลายกันในทางการเมือง  และเปิดช่องให้พรรคพวกได้เข้ามาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ขอสื่อช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบตรงนี้ด้วย” นายชัยกล่าว

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐบาลเพียงอยากสื่อสารว่าข้าวไทยหากจัดเก็บถูกต้อง 10 ปีก็ยังสามารถรับประทานได้ และไม่ควรนำข้าวดีไปขายเป็นข้าวเน่า เท่านั้นเอง

ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์   อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์   (ปชป.) กล่าวว่า อย่าเอาข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตันนี้มาทำเล่นให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรชาวนา เพราะจะทำให้ต่างประเทศที่จะซื้อข้าวจากไทย ที่เราส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งหรือ อันดับสองของโลกต้องพลอยจะเสียชื่อของประเทศไทยไปด้วยว่า เราเอาข้าวเสื่อมคุณภาพเข้าระบบข้าว มาขายแล้วไปผสมให้เขา จะทำให้ต่างประเทศสงสัยและเอาไปพูดต่อให้เสียหาย นี่เป็นเรื่องของการตลาดและความน่าเชื่อถือของข้าวไทย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าอยากจะช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ยึดความจริง  อย่าไปเอาเรื่องไม่จริงไปหลอกลวงให้คนอื่นสับสนวุ่นวาย และมันจะกระทบต่อภาพรวมของวงการค้าข้าวทั้งระดับประเทศ ระดับโลก  

“ท่านจะซื้อข้าวนี้ไปเอง จะซื้อไปเก็บ หรือจะซื้อไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ แต่อย่าเอามาเล่นเป็นการเมือง ผมขอฝากถึง รมว.พาณิชย์ อย่าคิดสั้น ให้คิดยาว คุณเป็นรมว.พาณิชย์ของประเทศไทย ไม่ใช่ทนายแก้ต่างให้คุณยิ่งลักษณ์ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ศาลท่านตัดสินแล้วว่าพวกคุณทำผิดกัน และก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งมีการใช้หนี้ไปจำนวนมากแล้ว โดยใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนมาชดใช้หนี้เสียจำนำข้าว ไม่ใช่เอาเงินของคุณยิ่งลักษณ์หรือของตระกูลชินวัตรมาชดใช้ หรือเอาเงินของพรรคเพื่อไทยมาใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว เพราะฉะนั้นผมขอฝากชัดๆว่าบ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเล่น" นายชาญชัย  กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป