เปิดความเห็นกฤษฎีกา “กฤษฎา” พ้นจากเก้าอี้ รมช.คลังแล้วตามกฎหมาย เหตุเมื่อไม่ประสงค์รับผิดชอบในหน้าที่อีกต่อไป นายกฯ เผยยังไม่เห็นจดหมายลาออก แต่ถ้าถึง สลน.แล้วถือว่าสิ้นสุด ย้ำยังเป็นโควตา รทสช. “จุลพันธ์” เตรียมคุยนายกฯ มองเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ขอก้าวก่าย ด้าน “ปลัดคลัง” เชื่อไม่กระทบ ขรก.คลัง "เอกนัฏ" นำทีม รทสช. ยินดี "สุชาติ" เข้ารับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ย้ำพรรคยังเหนียวแน่น
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 9 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการแสดงเจตจำนงและยื่นจดหมายลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร ของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในการยื่นหนังสือลาออกตำแหน่ง รมช.การคลัง ต่อนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เมื่อวันที่ 8 พ.ค.นั้น แม้ในวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะได้โทรศัพท์เพื่อยับยั้งการลาออกดังกล่าว แต่ในทางกฎหมายแล้วถือว่าการลาออกของนายกฤษฎามีผลโดยสมบูรณ์แล้ว
โดยก่อนหน้านี้มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีการะบุไว้อย่างชัดเจนว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดให้รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตน และรับผิดชอบร่วมกันในนโยบายทั่วไปต่อสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาตามบทเฉพาะกาล เมื่อรัฐมนตรีคนใดไม่ประสงค์จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนหรือในนโยบายทั่วไปอีกต่อไป จึงต้องถือว่าเป็นสิทธิของรัฐมนตรีคนนั้น ที่จะลาออกเมื่อใดก็ได้ และไม่อยู่ภายใต้การยับยั้งของผู้ใด ดังนั้น ในกรณีที่มีการแสดงเจตนาลาออกด้วยวาจา การลาออกย่อมมีผลสมบูรณ์เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับทราบการแสดงเจตนานั้น
ส่วนในกรณีที่การแสดงเจตนาลาออกกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร การลาออกย่อมมีผลสมบูรณ์นับแต่วันที่ได้กำหนดไว้ในใบลาออกซึ่งได้ยื่น ณ สถานที่และต่อบุคคลตามระเบียบปฏิบัติราชการ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฤษฎา ยื่นใบออกสามารถยับยั้งได้หรือไม่ ว่ายังไม่ทราบ เดี๋ยวต้องไปดูที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ถ้าใบลาออกมาแล้วก็ถือว่าสิ้นสุด เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้มีปัญหาอะไรในการบริหารงานในกระทรวงการคลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามต่อว่า ยังมีการถกเถียงกันว่าขั้นตอนการลาออกจบสิ้นไปแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเกิดว่าจดหมายมาแล้วก็ถือว่าจบสิ้นแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นจดหมาย ตนถึงบอกว่าต้องเช็กที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถ้าจดหมายมาแล้วก็คือจบสิ้น
เมื่อถามอีกว่า เหตุการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในกระทรวงอื่น ถ้าหากมีการสอบถามและพูดคุยกันอย่างชัดเจนนายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงทุกเรื่องเกี่ยวกับความไม่สบายใจของทุกคน ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้ทุกคนมีความสบายใจ แต่เราก็ต้องยึดโยงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก
ถามย้ำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการส่งชื่อมาแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย อย่าไปพูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ก็ทราบกันดีอยู่ว่าเป็นโควตาของพรรค รทสช. ตนให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลเสมอ เมื่อถามว่าอาจจะมีการเปลี่ยนกระทรวงไม่เป็นรมช.คลังแล้วก็ได้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการพูดคุยกันเลย ก็ต้องพูดคุยกัน
ถามอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.แล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน อย่างน้อยตนเชื่อว่าในวันที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะมีการพูดคุยกัน
ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่ง รมช.การคลัง ว่าตอนนี้รู้เท่าที่ทุกคนรู้ และยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ จะรอฟังวันนี้ (9 พ.ค.) ว่าความคืบหน้าของเรื่องเป็นอย่างไร
“ในวันนี้จะได้เข้าไปหารือกับนายกฯ ในประเด็นอื่น ซึ่งก็คงได้มีโอกาสสอบถามเรื่องนี้ด้วย โดยตอนนี้ยังไม่ได้ต่อสายคุยกับนายกฤษฎา พบกันล่าสุดวันที่เข้ามาไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง โดยปกติเวลาคุยกันก็จะเป็นเรื่องงาน ส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นตอนนี้ยังไม่ได้คุย เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล เราจะไม่ก้าวก่าย” นายจุลพันธ์ระบุ
ไม่กระทบ ขรก.คลัง
ส่วนกรณีที่คาดว่าเกิดจากความน้อยใจเรื่องการแบ่งงานในกระทรวงนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า การแบ่งงานเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.การคลัง ซึ่งก็มีภาระงานที่กว้าง เพราะมีตำแหน่งเป็นรองนายกฯ ด้วย และยังมีภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลอีกมาก
“ภาระงานไม่ต้องห่วง จริงๆ แล้วงานเยอะ แม้แต่ผมเองก็มีหน่วยงานที่โดนตัดออก เช่น กรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นกรมใหญ่ เราก็ต้องทำงานตามที่แบ่ง แบ่งอย่างไรเราก็รับอย่างนั้น แต่เรื่องนี้ต้องให้สิทธิท่านกฤษฎาวินิจฉัยและตัดสินใจเอง คงไปก้าวก่ายกันไม่ได้” นายจุลพันธ์กล่าว
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายกฤษฎา แต่อย่างใด โดยมองว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินสินใจของนายกฤษฎา เชื่อว่าการลาออกของนายกฤษฎานั้นจะไม่กระทบกับการทำงานของข้าราชการกระทรวงการคลัง
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ก็ฟังจากข่าวว่าท่านลาออกด้วยเหตุอะไร เพราะการลาออกก็มีตามปกติอยู่ และนายกฯ คงต้องหาคนเข้ามาทำงานแทน แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนท่านอาจจะเชิญให้มาพูดคุยกันก่อน อาจมีเรื่องที่จะต้องปรับ ทำความเข้าใจ หากท่านอยู่ต่อก็ทำต่อ หากไม่อยู่ต่อข้อหาคนใหม่มาแทน
เมื่อถามว่า จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจาก รมว.การต่างประเทศ นายสุทินกล่าวว่า เป็นส่วนน้อย อาจจะไม่ถึงกับกระทบ แต่ถ้ายกกันลาออก หรือถอนตัวกันเป็นพรรค นั่นอาจจะกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล แต่เป็นเพียงบุคคลก็อาจไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นปัญหาภายใน เราสนับสนุนให้พรรคร่วมแก้ไขปัญหาภายในของเขา ส่วนโอกาสที่จะดึงพรรคร่วมอื่นมาร่วมรัฐบาลนั้น ยังไม่ทราบ เป็นการตัดสินใจของนายกฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายกฤษฎาลาออกว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่เราขอยุ่งเรื่องของเราดีกว่า ไม่อยากไปยุ่งเรื่องคนอื่น
เมื่อถามว่า ปรับ ครม.เรียบร้อยแล้ว แต่แรงกระเพื่อมยังไม่จบ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าการทำงานมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ในเรื่องการทำงานไม่มีปัญหางานของรัฐบาลและข้อสั่งการนายกฯ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงงานของตนในกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และการลาออกก็ไม่ได้ทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป และพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไร
เมื่อถามว่า การปรับ ครม. ส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาเพราะเกิดจากแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล ฉะนั้นพรรค ภท.จะมีปัญหาเช่นนี้ด้วยหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า “so far so good” ที่ผ่านมาดีอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังดีอยู่
รทสช.ยังเหนียวแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลังการปรับ ครม. และการลาออกของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง รวมทั้งกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า ล่าสุดเช้าวันที่ 9 พ.ค. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นำแกนนำและ สส .พรรค อาทิ นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม, นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี, นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี, นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร เข้าแสดงความยินดีและมอบช่อดอกไม้ให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ หลังเข้ารับตำแหน่ง
รายงานข่าวจากพรรค รทสช.เปิดเผยว่า การเดินทางเข้าแสดงความยินดีกับนายสุชาติของบรรดาแกนนำและ สส.พรรคในครั้งนี้ เพื่อแสดงความเหนียวแน่นภายในพรรคหลังเกิดกระแสข่าวต่างๆ ทั้งนี้ นายเอกนัฏกล่าวยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติยังเหนียวแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พรรค รทสช.เตรียมจัดสัมมนาพรรคในวันที่ 12 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมรีเจนท์ เพชรบุรี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ และระหว่างการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร วันที่ 13-14 พ.ค. โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการพูดคุยกันระหว่างรัฐมนตรีและ สส.ของพรรค
น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี แนวคิดการจัดรายการ "นายกฯ พบประชาชน" ว่า ต้องการให้นายกฯ ได้สื่อสารกับประชาชน ซึ่งมีการคุยรายละเอียดเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ลงตัว ตอนนี้กำลังหารือเกี่ยวกับรูปแบบและรายละเอียดกันอยู่ ส่วนตัวอยากให้ออกมาเป็นภาพที่แตกต่างจากที่เคยมีมา ส่วนจะเป็นรายการสดหรือบันทึกเทปนั้น กำลังพิจารณากันอยู่ว่าจะให้ออกมาแบบไหน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่าย ติดตามและได้ประโยชน์ด้วย คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ และหากมีข้อสรุปรายละเอียดอย่างไร จะแจ้งให้สื่อทราบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เคยระบุจะทำทีวีซอฟต์พาวเวอร์ น.ส.จิราพรกล่าวว่า จะเป็นการใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้ว เช่น ช่องทีวีที่รัฐบาลกำกับดูแล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการรองรับการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เพราะเมื่อเราพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ เราก็ต้องมีที่สำหรับปล่อยของและสื่อสารกับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ต้องหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ และหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของสำนักนายกฯ เพื่อดูว่าสาขาไหนที่น่าจะมีความพร้อมทำได้ก่อน และอะไรที่ควรต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งเป็นการทำสิ่งที่มีอยู่แล้วเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่กำกับดูแล อสมท และกรมประชาสัมพันธ์ จะขับเคลื่อนอย่างไรบ้าง น.ส.จิราพรกล่าวว่า ตอนนี้กำลังเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ ตนอยากให้ทั้งสองหน่วยงานเป็นสื่อที่สะท้อนนโยบายของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็เป็นการสื่อสารให้ประชาชนเข้าถึงนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นสื่อที่สะท้อนเสียงประชาชนด้วย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2567 เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านสถานการณ์การค้าชายแดน สถานการณ์การซื้อขาย ราคาผลิตผลทางการเกษตร การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนพบปะประชาชนชาวเกษตร และหารือประเด็นปัญหาในพื้นที่และการพัฒนาจังหวัด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทุ่ม2.5พันล้าน ฟื้นฟูเกษตรกร แอ่วเหนือไม่ปัง
ครม.อนุมัติ 2.5 พันล้าน ฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด ขณะที่ ศปช.แจ้งเขื่อนเจ้าพระยาน้ำลดต่อเนื่อง คาดสู่ภาวะปกติสัปดาห์หน้า
1ก.พ.68เลือกนายกอบจ. กกต.ยื้อเชือด‘หมอเกศ’
กกต.เคาะเลือกตั้ง "สมาชิก-นายก อบจ." 1 ก.พ.68 เปิดรับสมัคร 23-27 ธ.ค.
นายกฯงัดกม.พีดีพีเอป้อง‘พ่อ’
"มาดามแพ" อ้าง พ.ร.บ.คุ้มครองส่วนบุคคลปมขอเวชระเบียนรักษา "ทักษิณ" จาก รพ.ตำรวจ ยันไม่แทรกแซง
ตั้งJTCลุยMOU44 ชงครม.เคาะภูมิธรรมคุม บี้เคลียร์สัมปทานทับซ้อน
นายกฯ เผยตั้ง คกก. JTC ไทย-กัมพูชา ไม่เกิน 2 สัปดาห์ อุบชื่อ "ภูมิธรรม" นั่งประธาน
สั่งหาที่รัฐสร้างบ้านปชช. แบงก์พักดอกช่วยลูกหนี้
นายกฯ สั่ง “คลัง-มหาดไทย” ตั้งคณะทำงานนำที่ดินรัฐสร้างบ้านให้ประชาชน
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน