เชื่อ4ปีจบยาก!รื้อ‘รธน.’ เปิดวิสามัญถกแค่งบ68

“นิด้าโพล” เผยคนเกินครึ่งหนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะหมวด 1 และ 2 แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะจบได้ในรัฐบาลนี้ ที่สำคัญมองว่าไม่ช่วยให้การเมืองไทยดีขึ้น “ธนกร” ตีปี๊บเชื่อทำประชามติจริงไม่หนีจากโพล “วิสุทธิ์” ชงเปิดวิสามัญ 5-7 มิ.ย. ถกแค่งบประมาณไม่พูดเรื่องประชามติ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2567   นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย ได้จัดเวทีเพื่อไทยพบประชาชน มีแกนนำพรรคและ สส.ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาร่วมงานอย่างคึกคัก โดยในเวทีดังกล่าวยังมีการปราศรัยให้ประชาชนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนผ่านการทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งเป็นไปตามที่พรรคได้หาเสียงไว้กับประชาชน

 ขณะที่ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  (นิด้า) เผยผลการสำรวจของประชาชนเรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ…เอาไงดี?” โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,310 ตัวอย่าง

โดยเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป  และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ พบว่า    ตัวอย่าง 50.07% ระบุว่าเห็นชอบ รองลงมา 29.24% ระบุว่าไม่เห็นชอบ,    12.37% ระบุว่าไม่ไปลงคะแนน และ 8.32% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสำเร็จภายในระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของ สส.ชุดปัจจุบัน พบว่า 46.03% ระบุว่าไม่เชื่อมั่นเลย รองลงมา 31.37% ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่น, 12.67% ระบุว่าค่อนข้างเชื่อมั่น, 6.80% ระบุว่าเชื่อมั่นมาก และ 3.13% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้การเมืองไทยดีขึ้น พบว่า 37.95% ระบุว่าไม่เชื่อมั่นเลย,   26.03% ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่น, 19.31% ระบุว่าค่อนข้างเชื่อมั่น, 15.11% ระบุว่าเชื่อมั่นมาก และ 1.60% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล เรื่องการแก้ไขและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ พบว่าส่วนใหญ่ 50.07% เห็นชอบ รองลงมา 29.24% ไม่เห็นชอบ       ว่า มองว่าแม้เป็นกลุ่มประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่ใช่เสียงจากทั้งประเทศก็ตาม   แต่เชื่อว่าถือเป็นแนวทางในภาพรวมที่นำมาเทียบเคียงกันได้ และมั่นใจว่าเมื่อถึงการออกเสียงทำประชามติของประชาชนทั้งประเทศ คาดว่าผลก็จะอยู่ในแนวทางนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มองว่าหมวด 1 เกี่ยวกับอธิปไตยการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด  หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไม่ควรมีการแก้ไข

ส่วนคำถามที่ถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้การเมืองไทยดีขึ้นนั้น   พบว่า 37.95% ไม่เชื่อมั่นเลย, 26.03% ไม่ค่อยเชื่อมั่น, 19.31% ค่อนข้างเชื่อมั่น, 15.11% เชื่อมั่นมากนั้น นายธนกรระบุว่า เสียงและคำตอบของประชาชนถือว่ามีความสำคัญมากต่อนักการเมือง   ต่อสภาผู้แทนราษฎร และต่อรัฐบาล ที่ต้องนำมาเป็นโจทย์ให้ตัวเอง พรรคการเมือง ว่าได้ทำหน้าที่ทั้งในสภาและการดูแลรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ดีที่สุดแล้วหรือไม่

 “การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่เอื้อต่อการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศเดินไปข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญคือตัวนักการเมือง พรรคการเมือง สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงรัฐบาล ที่จะทำงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ทุจริตคดโกง ไม่อิงผลประโยชน์ทางการเมือง  หากมีการทำงานที่สร้างสรรค์ ไม่สร้างความแตกแยกวนซ้ำอีก ทำให้ประเทศเข้มแข็ง พัฒนาไปข้างหน้า จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ในระยะยาวได้” นายธนกรกล่าว

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า    เบื้องต้นจะเป็นวันที่ 5-7 มิ.ย. โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระแรก ซึ่งเป็นไปตามปฏิทินของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เนื่องจากงบประมาณในปี 2567 มีความล่าช้า และเป็นงบประมาณจากรัฐบาลชุดที่แล้ว เราจึงทำได้แค่นำมาตัดปรับลดลง แต่งบประมาณในปีนี้เป็นของรัฐบาลที่เราเป็นแกนนำ จึงเป็นงบประมาณที่ถูกเป้าหมาย ถูกจุด และความต้องการของพี่น้องประชาชนมากขึ้น รวมถึงจะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรเพื่อประชาชนจริงๆ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประสานมายังสภาบ้างแล้วหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ที่คุยเบื้องต้นได้มีการประสานกับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง   เพื่อจะประชุมร่วมกับวิปสามฝ่าย เพื่อจัดสรรเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนวันและเวลายังไม่ได้กำหนด แต่เราก็ได้พยายามบอกกับฝ่ายค้านว่าต้องพูดคุยกันแล้ว เพื่อที่แต่ละฝ่ายจะได้เตรียมข้อมูลให้เต็มที่ตามเวลาที่ถูกจัดสรร โดยในส่วนของรัฐบาลเราก็จะได้ให้ สส.ไปเตรียมตัวศึกษาและเน้นย้ำว่าควรอภิปรายสนับสนุนในส่วนไหนบ้าง

เมื่อถามว่า หากมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย จะมีการพูดคุยถึงการถกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญด้วยหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า    ตอนนี้เรายังไม่พูดถึงประเด็นนั้น เบื้องต้นเราจะพูดเฉพาะเรื่องงบประมาณก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป