“เรืองไกร” จัดให้ ส่งอีเอ็มเอสถึง กกต.ให้คุ้ยเรื่อง “โทนี่” ขับ “พัลลภ” พ้นพรรค เข้าข่ายแทรกแซงหรือไม่ เหน็บเพื่อไทยเสียหายจะแจ้งความเอาผิดบิ๊กลภหรือเปล่า “ทักษิณ” รีบแจ้นบอกมีพรรคการเมืองได้ประโยชน์หากถูกยุบ ลั่นไม่เคยโทร.หา “พัลลภ” มานมนานแล้ว “ชลน่าน” แจงยิบ 8 ข้อปัดข่าว แต่ยอมรับเคยถูกช่วยเหลือจริง เตรียมไปกราบอธิบายพ่วงซัดลูกน้องมั่วนิ่ม
เมื่อวันอังคารที่ 4 ม.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 (จปร.7) อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่าถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งปลดจากสมาชิกพรรค พท. โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า การให้ข่าวของ พล.อ.พัลลภ อาจเป็นหลักฐานที่มีมูลอันควรเชื่อได้ว่าพรรค พท.เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 หรือไม่ตามมาได้
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.พัลลภ ได้กล่าวอ้างและพาดพิง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. และยังกล่าวอ้างนายทักษิณ เป็นเจ้าของพรรคด้วย กรณีจึงมีเหตุต้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวจาก นพ.ชลน่าน ดังนี้ 1.พล.อ.พัลลภได้โทรศัพท์หา นพ.ชลน่านจริงหรือไม่ เบอร์โทร.อะไร วันเวลาใด 2.พล.อ.พัลลภถูกนายทักษิณปลดออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ 3.พล.อ.พัลลภถูกลบชื่อออกจากการประชุมใหญ่ประจำปีที่จังหวัดขอนแก่นจริงหรือไม่ 4.นพ.ชลน่านทราบเรื่องที่นายทักษิณให้ปลด พล.อ.พัลลภ จริงหรือไม่ และ 5.การกล่าวอ้างของ พล.อ.พัลลภทำให้พรรค พท.เสียหายหรือไม่ และพรรค พท.จะฟ้องร้องดำเนินคดีกรณีนี้อย่างไร หรือไม่
นายเรืองไกรระบุอีกว่า จะขอให้ กกต.สอบ พล.อ.พัลลภ ที่กล่าวอ้างว่า "...เขาเป็นเจ้าของพรรค..." นั้น พล.อ.พัลลภ หมายถึงนายทักษิณเป็นเจ้าของพรรค พท.ใช่หรือไม่ และมีหลักฐานใดหรือไม่ โดยข้อเท็จจริงที่ขอให้ กกต.ตรวจสอบนั้น ขอให้พิจารณาด้วยว่าจะเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 ตามมา หรือไม่ โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ม.ค.จึงได้ส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์ด่วนอีเอ็มเอสถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไปแล้ว
ด้านนายทักษิณให้สัมภาษณ์ The Room 44 ตอบคำถามช่วงหนึ่งที่ว่ามีคนจ้องยุบพรรค พท. เพราะนายทักษิณแทรกแซงว่า มีบางคนได้ประโยชน์ถ้าพรรคเพื่อไทยถูกยุบ มีพรรคได้ประโยชน์อยู่ อย่างกรณี พล.อ.พัลลภ ที่ออกมาระบุเรื่องถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทย ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.พัลลภ มาหลายปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็สงสัยทำไมมาโวยเช่นนี้
“ผมไม่ทราบเลย งานประชุมพรรคที่ขอนแก่นเป็นงานประชุมสมาชิกพรรค ไม่ใช่การประชุมกรรมการบริหารพรรค หลังมีข่าวดังกล่าวออกมาผมก็ไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.พัลลภแต่อย่างใด" นายทักษิณกล่าว
เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพรรค พท.สุ่มเสี่ยงมาก นายทักษิณกล่าวว่า คนกล่าวหาก็กล่าวหาได้ทั้งนั้น ถามว่าทำจริงหรือไม่ ไม่มี ไม่รู้เรื่องเลย และพรรคการเมืองใหญ่เช่นนี้ การยุบเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่ยุบง่ายๆ ถ้าไม่ทำอะไรกระทบความมั่นคง ยืนยันที่ผ่านมาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย เพียงแต่พูดคุยกันในฐานะคุ้นเคยรู้จักในเรื่องทั่วๆ ไป
ขณะเดียวกัน นพ.ชลน่านได้แถลงเรื่องที่ พล.อ.พัลลภเข้าใจผิดว่ามีการปลดออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและมีผู้นำไปร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบและยุบพรรคเพื่อไทยเป็นข้อๆ ว่า 1.กรณี พล.อ.พัลลภอ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2564 เนื่องจากถูกลบชื่อออกไม่ให้เข้าร่วมนั้น ข้อเท็จจริงคือการประชุมใหญ่ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกเลื่อนการจัดงานมาและไม่สามารถจัดประชุมในพื้นที่สีแดงเข้มได้ จึงจัดประชุมที่ขอนแก่น ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ รวมทั้งเชิญสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมก็ต้องไปเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทำให้สามารถเชิญผู้เข้าร่วมประชุมได้เพียง 509 คนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส.และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ขณะที่มีตัวแทนสมาชิกเข้าร่วมประชุมจำนวนน้อยมาก เนื่องจากต้องพิจารณาเอาที่เดินทางสะดวกและไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ดังนั้น สมาชิกอาวุโสจำนวนมากจึงไม่ได้มีการเชิญไปร่วมประชุม อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ดังนั้นการที่ พล.อ.พัลลภระบุว่าได้ให้ตัวแทนไปตรวจดูแล้วพบว่าถูกลบชื่อออกจากที่ประชุมนั้น จึงไม่น่าจะจริง เพราะพรรคได้พิจารณาเชิญเฉพาะผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมประชุมได้จริงๆ ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ
2.สิ่งที่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่าถูกปลดออกจากการสมาชิกพรรค ยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ พล.อ.พัลลภยังคงเป็นสมาชิกหมายเลข P103820442 และเป็นแบบตลอดชีพ เพราะได้ชำระค่าบำรุงสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2561 จำนวน 2,000 บาทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการบอกว่าถูกปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค จึงน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของบุคคลที่ พล.อ.พัลลภสั่งให้มาดูและได้ไปรายงาน 3.ตามข้อบังคับพรรคนั้น ไม่มีใครสามารถปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกได้ นอกเสียจากการทำผิดข้อบังคับหรือคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจะมาสั่งการให้ปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกพรรคได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง
4.พรรคเห็นความสำคัญของ พล.อ.พัลลภมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ตั้งใจไปกราบ พล.อ.พัลลภด้วยตัวเอง แต่เมื่อปรากฏข่าวออกมาเช่นนี้ ก็คิดว่าต้องยิ่งไปกราบเพื่อขอให้ พล.อ.พัลลภเข้ามามีบทบาทต่อพรรค และเพื่อชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากผู้ที่ไปรายงานท่านมากกว่า 5.การกล่าวอ้างว่ามีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับตนเอง โดยระบุถึงบุคคลภายนอกมาสั่งการให้ปลดจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการไปอ้างถึงคนแดนไกลหรือบุคคลภายนอกมาสั่งปลดจึงเป็นไปไม่ได้
6.พล.อ.พัลลภอ้างว่าได้ช่วยเหลือดูแลตนมาตลอดนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะในการเลือกตั้งปี 2562 ก็ได้รับความเมตตาจากท่าน 7.สำหรับกรณีที่มีผู้ไปร้องต่อ กกต. ด้วยการนำเรื่องทั้งหมดไปอ้างว่าอาจเข้าข่ายการยุบพรรคหรือไม่นั้น ต้องฝากไปถึงผู้ร้องที่มีเจตนาที่จะร้องยุบพรรคด้วยว่า กฎหมายพรรคการเมืองหากเกิดกรณีที่มีการร้องเท็จ พรรคก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการอ้างถึงการชี้นำจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นเจตนาที่จะร้องเท็จ เนื่องจากคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคไม่เคยยินยอมให้บุคคลภายนอกมาสั่งการ และสามารถตรวจสอบได้ว่า กก.บห.พรรค และสมาชิกทำงานอย่างอิสระมาโดยตลอด และเมื่อไม่มีการปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค ไม่มีการกระทำใดๆ เกิดขึ้น การจะไปร้องว่ามีการสั่งการให้มีการยุบพรรคจึงเป็นไปไม่ได้
“และ 8.ยังรักและเคารพ พล.อ.พัลลภอย่างสูง และตั้งใจที่จะไปกราบพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับท่านด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ต่อสายกับท่านเป็นครั้งแรก นับจากวันที่ 15 พ.ย.เป็นต้นมา จึงได้เรียนชี้แจง พร้อมพูดคุยถึงความสำคัญของ พล.อ.พัลลภต่อพรรค และจะไปกราบขอให้ท่านเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค แต่ขณะนี้ท่านได้เรียนแจ้งว่ายังติดเงื่อนไขเรื่องการระบาดของโควิด ที่ยังต้องเว้นระยะห่างและจำกัดการพบปะกับบุคคลต่างๆ” นพ.ชลน่านระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"
อิ๊งค์สนอง‘พ่อแม้ว’ ลุยปราบแก๊งโกงล้างบางมาเฟีย/โต้สนธิปั่นMOU44ลงถนน
"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ภาพแฟ้มกองโตเต็มโต๊ะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เปิดศูนย์ปีใหม่ 10วันอันตราย ดื่ม-ง่วงไม่ขับ
นายกฯ เรียก ผบ.ตร.หารือ ห่วงปีใหม่ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัย
30บาทรักษาทุกที่เฟส4 เริ่ม1ม.ค.ลดแออัดรพ.
นายกฯ คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.68
ชงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป มติกพช.ชะลอซื้อพลังงาน
นายกฯ มอบ "พีระพันธุ์" นั่งหัวโต๊ะถก คกก.นโยบายพลังงาน
กกต.ปลุก‘กปน.’ จับโกงเลือกอบจ. พท.ทุบพรรคส้ม
กกต.ติวเข้มวิทยากรเตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบจ. กำชับ 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบต้องทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ