“เพื่อไทย” ประกาศยุทธศาสตร์เดิน 2 ขา ฝ่าด่านรัฐธรรมนูญ อ้างค่อยเป็นค่อยไป ดีกว่าคว้าน้ำเหลว “ชัยธวัช” ไล่บี้แก้ กม.ประชามติภายใน 1 เดือน เตือนสื่อสารไม่ชัดถูกครหายื้อเวลา “ธนกร” หนุนนิรโทษกรรม แต่แยกคดี ม.112
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในงาน 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 ของ พท. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้าในนโยบายต่างๆ พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคตว่า 7 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยอยู่ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาทางการเมืองมากที่สุดฉบับหนึ่ง เป็นผลพวงของการยึดอำนาจการปกครองประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีที่มาไม่ชอบตามหลักการประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนจำนวนมากต้องการความเปลี่ยนแปลง เรียกร้องให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญเร่งด่วน ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 4 ปีนี้
น.ส.ขัตติยากล่าวว่า ที่ผ่านมา พท. เป็นฝ่ายค้าน เคยชูธงนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่แม้จะถูกปัดตกไปถึง 3 ครั้ง แต่ พท.ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ จากบทเรียนที่ผ่านมา พบว่าการผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่ใช่ภารกิจที่จะทำสำเร็จได้โดยง่าย รัฐบาลเพื่อไทย ต้องเลือกก้าวเดินอย่างมียุทธศาสตร์ ที่เรียกว่า เดินสองขา ฝ่าด่านยกร่างรัฐธรรมนูญ ขาหนึ่ง ฝ่ายบริหารที่นำโดยนายกฯ ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ขึ้น อีกขาหนึ่ง ฝ่ายนิติบัญญัติ ได้เดินหน้ายื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาไปพร้อมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
น.ส.ขัตติยาระบุว่า ในการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อทลายข้อจำกัดใน 3 เรื่อง คือ 1.เปิดให้มีการทำประชามติ ไปพร้อมกับการเลือกตั้งอื่นๆ ได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำประชามติลง 2.เปิดให้มีการลงคะแนนประชามติผ่านช่องทางไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางอื่นๆ ได้ เพื่อลดข้อจำกัดในการเข้าถึงการลงคะแนน และเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน 3.ปรับแก้เงื่อนไขของการผ่านประชามติ ที่ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น หรือที่เรียกว่า double majority ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ขัดกับหลักสากล ให้เหลือเพียงการใช้เสียงข้างมากเพียงชั้นเดียวเท่านั้น
"บางครั้งการค่อยๆ คว้าชัยชนะทีละเล็ก ย่อมดีกว่าการรีบเร่งวิ่งไปให้ถึงเส้นชัยอย่างไม่ระมัดระวังจนสะดุดล้ม รัฐธรรมนูญที่ดี ต้องดีทั้งในแง่ของที่มา ต้องเปิดการมีส่วนร่วมประชาชน เราจะสนับสนุนการทำประชามติที่เสรีและเป็นธรรม และสนับสนุน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน” น.ส.ขัตติยากล่าว
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งส่งร่าง พ.ร.บ.ประชามติ (แก้ไขเพิ่มเติม) ต่อสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่มีมติชัดเจนว่าจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อน เริ่มทำประชามติถามประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งตนมองว่าควรเร่งทำให้เร็วที่สุด ภายในเวลา 1 เดือน และในช่วงเดือน มิ.ย. ที่สภาจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ควรเริ่มพิจารณาได้ เพราะขณะนี้มีร่างแก้ไขที่บรรจุในวาระแล้วคือฉบับของพรรคก้าวไกลและของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ควรร่วมมือกันทำ ให้ พ.ร.บ.ประชามติฉบับแก้ไขประกาศใช้เร็วที่สุด
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ระหว่างที่รอแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ตนมองว่ารัฐบาลมีเวลาที่จะทบทวนคำถามประชามติ ซึ่งฝ่ายค้านได้ท้วงติงไปแล้วว่า คำถามที่รัฐบาลเห็นชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นคำถามที่มีปัญหาและไม่ดีในเชิงหลักการของการตั้งคำถามประชามติ โดยการตั้งคำถามที่ดีต้องไม่ซับซ้อน หรือเป็นคำถามซ้อนคำถาม และคำถามที่ดีที่สุด คือ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ควรเอาความเห็นต่างในรายละเอียดออกไป ขณะที่ความเห็นต่างนั้น รัฐบาลสามารถใส่ไว้ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เตรียมเสนอต่อรัฐสภาได้ หากประชามติผ่านแล้ว ดังนั้นในชั้นประชามติไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดที่คนเห็นต่างกัน หากอยากให้ประชามติผ่านหรือเป็นเอกภาพที่สุด” นายชัยธวัช ระบุ
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลที่ไม่ชัดเจน นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นปัญหาของรัฐบาลที่สื่อสารไม่ชัดเจน เพราะในวันที่ ครม.มีมติต่อการทำประชามติเมื่อ 23 เม.ย. ในเอกสารที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลไม่ชัดเจนว่ามีมติอย่างไร จนล่าสุดมีมติว่าต้องแก้พ.ร.บ.ประชามติก่อนทำประชามติครั้งที่ 1 ดังนั้นการทำประชามติรอบแรกในเดือน ส.ค.จะไม่เกิดขึ้น เพราะต้องรอแก้ พ.ร.บ.ประชามติก่อน
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวถือว่าจงใจยื้อเวลาหรือไม่ นายชัยธวัชย้ำว่า ตนมองว่ารัฐบาลต้องสื่อสารตรงไปตรงมา และชัดเจนกับประชาชน ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่ายื้อเวลา กลับไปกลับมา
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับมติที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ที่มติเห็นชอบ แยกเรื่องคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ออกจากการนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพราะถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างที่ตนเคยย้ำหลายครั้งว่า ตามรัฐธรรมนูญมีกฎหมายปกป้องพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถือเป็นความมั่นคงแห่งรัฐ ทุกคนต่างทราบดีว่าเป็นความมั่นคงของประเทศ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง จึงเป็นเหตุไม่สมควรที่จะเหมารวม และได้รับการยกโทษและนิรโทษกรรม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย
‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา
กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้
กสม.ตบปากทักษิณ ซัดปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ/‘พท.’ชง‘ลูกอิ๊งค์’คุยพ่อลดดีกรี
"ประธาน กกต." ลั่นพร้อมดูแลเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ.แล้ว