‘พิมพ์ภัทรา’ไล่ส่งอธิบดีกรอ. ก.ก.จวกโรงงานไฟไหม้ถี่ยิบ

"พิมพ์ภัทรา" ปัดยังไม่เห็นหนังสือลาออก "อธิบดีกรมโรงงานฯ" ชี้ทำงานเพื่อ ปชช. มานั่งท้อเสียกำลังใจไม่ได้   ทุกคนไร้ผลงานต้องแสดงความรับผิดชอบ "จุลพงษ์" พ้อทำงานปีกว่ามีข่าวผู้บริหารอยากเปลี่ยนตัว ก็คงถึงเวลาต้องไป "ฝ่ายค้าน" ดาหน้าถล่มโรงงานสารเคมีไฟไหม้ถี่ยิบ พบ 2 โรงงานเกิดเหตุ "ระยอง-อยุธยา" เจ้าของเดียวกัน "ก.ก." ซัดนายกฯ แก้ปัญหาไม่ได้มาเป็นฝ่ายค้านดีกว่า "ศรีสุวรรณ" ร้องศาลสั่งระงับขนย้ายแคดเมียมไป จ.ตาก

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (รมว.อุตสาหกรรม) กล่าวถึงกรณีนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องลาออก ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานฯ ก็พบกันล่าสุดที่ จ.ระยอง หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ

น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวว่า ที่บอกท่านลาออกเพราะเกิดความน้อยใจและความกดดันนั้น ถ้าติดตามข่าวอย่างละเอียดจะเห็นว่าดิฉันได้ให้กำลังใจคนทำงานมาตลอด และไม่ได้ระบุว่าเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรืออธิบดีกรมโรงงานฯ แต่บอกว่าทุกคนต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพราะ 1 เดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมเจอภาวะวิกฤตในหลายด้าน และในทุกปัญหากระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก มันกดดันให้เราต้องทำงานอย่างเต็มที่

 “จะมาบอกว่าน้อยใจหรือเสียกำลังใจไม่ได้ เพราะเราต้องทำงาน เป็นข้าราชการต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ตัวรัฐมนตรีเองก็ต้องทำงาน ถ้าไม่มีผลงานก็ต้องพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้บอกว่าจะปรับเปลี่ยนใคร แต่ถ้าเมื่อไรปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ได้ทำตามหน้าที่ สังคมก็จะต้องตั้งคำถาม ตัวดิฉันเองก็ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบได้ เราต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ไม่มีเวลามานั่งท้อหรือเสียใจ และเมื่อเกิดวิกฤต เราควรใช้โอกาสนั้นแสดงฝีมือให้ประชาชนเห็นว่า เราช่วยประชาชนได้ และที่สำคัญประตูห้องทำงานรัฐมนตรีก็เปิดตลอด มีปัญหาอะไรก็มาคุยกันได้” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว

ถามถึงเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ได้กำชับไปแล้วว่าต้องควบคุมเพลิงให้ได้ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ขณะที่ช่วงกลางดึกวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายพรยศ กลั่นกรอง นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย ได้เดินทางไปที่ สภ.ภาชี เพื่อลงบันทึกประจำและร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนนำผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ มาดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งในข้อหาที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เหตุเพลิงไหม้โกดังเก่าครั้งนี้เกิดขึ้นที่บริเวณอาคาร 3,  4 และ 5 เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมสถานการณ์ด้วยการฉีดโฟมและน้ำ จากการตรวจสอบพบว่าโกดังเก่าดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ มีการลักลอบกอง เก็บกากอุตสาหกรรมประเภทกรดเสื่อมสภาพ สารเคมีอันตราย และสารอื่นๆ จำนวนประมาณ 4,000 ตัน รวม 5 โกดัง

นายจุลพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งว่า ตนตั้งใจทำงานในระยะปีกว่าที่ผ่านมา แต่เราก็ต้องได้รับสนับสนุนจากผู้บริหาร สิ่งที่เกิดขึ้นได้มีข่าวว่าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวอธิบดี เพื่อปัญหาตรงนี้จะดีขึ้น  ตนก็โอเค ตนลาออก แต่ตอนนี้ยังมาทำงานอยู่นะ

"ตอนนี้ได้ยื่นใบลาออกไปแล้ว ไม่ได้น้อยใจ ผมคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว ไม่ขอพูดว่าเกิดจากแรงกดดันหรือไม่กดดัน แต่อย่างไรตรงนี้ผมยังขอทำงานให้เต็มที่เต็มความสามารถ จนกระทั่งเขาอนุมัติให้ลาออก” อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าว

ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และที่อื่นๆ แบบซ้ำซากว่า บริษัทสารเคมีต่างๆ ที่เกิดเหตุไฟไหม้บ่อยครั้ง จนมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าเป็นไฟไหม้เพื่อหลบเลี่ยงประเด็นอื่นหรือไม่ เช่น การถูกสั่งให้ย้ายสารเคมีแล้วไม่อยากเคลื่อนย้าย จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

 “ผมไม่ได้บอกว่าเกิดจากความตั้งใจ  แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตว่าหากเกิดเหตุบ่อยครั้งขึ้น เมื่อมีคำสั่งให้ขนย้าย หรือมีคำสั่งให้ป้องกันสารเคมีของโรงงานท่าน มันก็อดคิดไม่ได้ว่าทุกครั้งทำไมต้องจบด้วยเพลิงไหม้ ผมคิดว่าถ้านายทุน กลุ่มทุนเหล่านี้แก้ปัญหาโดยการเอารัดเอาเปรียบสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ ควรจะลงรายละเอียดเชิงลึกไปถึงว่าเจ้าของโรงงานเดียวกันที่อยู่ในหลายจังหวัด มีพฤติกรรมแก้ไขปัญหาแบบเดียวกันทั้งหมดหรือไม่" นายณัฐชากล่าว

ถามถึงกรณีอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมลาออกจากตำแหน่ง นายณัฐชากล่าวว่า บรรทัดฐานความรับผิดชอบของไทยกับต่างชาติต่างกัน ในต่างประเทศถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นจะแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถให้เสร็จก่อนที่จะลาออก แต่วันนี้พอเกิดเหตุปุ๊บออกปั๊บ มันลอยแพลูกน้องด้วยว่าจะไปในทิศทางไหน แล้วทิศทางในการแก้ไขปัญหายังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหน คิดว่าใจเย็นๆ สักเล็กน้อย ถ้าเกิดมีปัญหาแล้วช่วยกันแก้ปัญหาก่อน และเราอยากประกาศสปิริตแสดงความรับผิดชอบก็ทำได้เลย

เช่นเดียวกับ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง และนายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีไฟไหม้โรงงานวิน โพรเสส รวมถึงเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายชุติพงศ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่าโรงงานวิน โพรเสส ที่ จ.ระยอง และโกดังเก็บสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มีเจ้าของกลุ่มเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี และมีการสั่งย้ายสารเคมีภายในโรงงานออกทั้งหมด จากนั้นมาเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ จ.ระยอง และล่าสุดคือเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โกดังใน จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับผู้สั่งการทำได้แค่สั่ง แต่ไม่มีแผนเผชิญเหตุ

"ฝากไปถึงรัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก และนายกรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่เห็นผลกระทบจากกลิ่นสารเคมี ต้องถามว่าทำงานกันเป็นหรือไม่ เพราะในการลงพื้นที่ไฮไลต์เดียวคือการไปต่อว่าอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมจนต้องประกาศลาออก  ถ้าท่านอยากทำหน้าที่ใช้ปากทำงานต่อว่าคนอื่น ท่านเป็นฝ่ายค้านก็ได้ ท่านไม่ต้องเป็นรัฐบาลหรอก อำนาจสั่งการอยู่ที่ท่าน ก็สั่งเลยว่าให้ตำรวจทำอะไร ให้แต่ละที่ทำอะไร และต้องฟ้องชดเชยเยียวยาอะไร" นายชุติพงศ์กล่าว

ด้านคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ประธาน กมธ.   ประชุมติดตามกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวิน โพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองผู้ว่าฯระยอง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายอำเภอบ้านค่าย มาประชุมหารือ

นายอัครเดชแถลงผลการประชุมว่า  เพลิงไหม้ที่โรงงานวิน โพรเสส 3-5 วัน สร้างมลภาวะในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานอย่างหนัก โดยได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยลงทะเบียนกว่า 600 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ จึงเป็นการตอกย้ำว่ามาจากไฟไหม้โรงงานวิน โพรเสส

ถามว่า ไฟไหม้โรงงานที่ระยองเกี่ยวข้องกับโรงงานที่อยุธยาหรือไม่ นายอัครเดชกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี ตอนนั้นยังไม่ทราบ เพราะเหตุเกิดในช่วงเย็น แต่ได้รับทราบว่าโรงงานทั้ง 2  แห่งเชื่อมโยงกัน เนื่องจาก กมธ.เคยลงพื้นที่ไปศึกษาหน้างานที่ อ.ภาชี มาแล้วเมื่อต้นปี เพราะได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่ ก็พบว่ามีการเก็บสารอันตรายเป็นจำนวนมาก และเก็บไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมโรงงานฯ จึงได้สั่งปิด ต่อมาก็ได้รับทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ โดยสาเหตุคล้ายกับการวางเพลิง หลังจากนั้น กมธ.ก็ไม่ได้ติดตามต่อ จนมาทราบว่ามีไฟไหม้ ดังนั้นวันที่ 15 พ.ค. จะออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม เพราะกรณีนี้ถือว่าไม่ปกติ

"เหตุที่เกิดกับโรงงานอุตสาหกรรม ได้บอกนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่ามันเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ประธาน กมธ.การอุตสาหกรรมฯ ระบุ

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เดินทางมาที่ศาลปกครองกลาง ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อฟ้อง รมว.อุตสาหกรรม, อธิบดีกรมโรงงานฯ, อุตสาหกรรม จ.ตาก และนายกรัฐมนตรี ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กรณีปัญหาการอนุญาตให้บริษัทเอกชนขุดกากสารพิษแคดเมียมขึ้นมาค้าขายกัน จนแพร่กระจายไปหลายจังหวัด และยังมีความพยายามจะนำกลับไปกลบฝังยังจังหวัดต้นทางหลายร้อยกิโลเมตร อันมีความเสี่ยงภัยต่อประชาชน ควรกำจัดในพื้นที่ที่ตรวจพบมากกว่า

"เพื่อไม่ให้มีการการขนย้ายแคดเมียมดังกล่าวไป จ.ตาก อันเป็นการสร้างความเสี่ยงภัยให้กับประชาชนทั่วไปเกินสมควร มีชาวบ้านมาร้องขอให้สมาคมต่อต้านโลกร้อนเป็นตัวแทนประชาชนในการช่วยยื่นฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินและระงับการขนย้ายแคดเมียมเป็นการด่วน" นายศรีสุวรรณกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป