รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้ "เศรษฐา" ลางานเช้าวันศุกร์ร่วมกิจกรรมเพื่อไทย แถลง 10 เดือนผลงานรัฐบาล "รมว.กต." ป้ายแดงมั่นใจสานต่องาน "ปานปรีย์" ได้ "ชลน่าน" ขยับครั้งแรกหลังพ้นเก้าอี้ เบรก "แพทย์ชนบท" เสี้ยมสร้างความแตกแยกใน สธ. "ทักษิณ" ควง "สุวัจน์" โผล่ภูเก็ต  ลุยแหล่งเที่ยวป่าตอง-สวนน้ำ

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม 2566 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 1 กันยายน 2566 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลาออกจากตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งให้รัฐมนตรีใหม่ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ในวันที่ 3 พ.ค. เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ   โดยได้มีการจัดเตรียมรถตู้สำหรับ ครม.ชุดใหม่จะออกเดินทางพร้อมกันไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน ในเวลา 15.45 น.

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจัดเตรียมห้องสีเหลือง ภายในตึกสันติไมตรี  หลังนอก เพื่อใช้สำหรับถ่ายภาพ ทำประวัติ และทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรีใหม่ให้กับรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) “เศรษฐา 1/1” ด้วยในเวลา 15.00 น.

ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม., นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือ SCG บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เขตบางซื่อ เวลา 16.30 น. เพื่อตรวจติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากร

จากนั้นเวลา 17.40 น. นายเศรษฐาได้ติดตามรับฟังความคืบหน้าโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากรระยะเร่งด่วนช่วง SCG บางซื่อ-PTT บางเขน โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดทำเลที่ตั้งของ ปตท.มีความเหมาะสมทางกายภาพที่จะเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งของประชาชน ทั้งทางล้อถนนวิภาวดี ทางราง รถไฟฟ้า เรือการสัญจรทางคลองเปรม ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 3 พ.ค.นายเศรษฐาได้ลาราชการในช่วงครึ่งวันเช้า เวลา 10.00-12.00 น. เนื่องจากมีกำหนดการเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมกิจกรรมของพรรค แถลงผลงาน 10 เดือน ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อว่า “10 เดือนที่ไม่รอทำต่อให้เต็ม 10”

ด้านนายมาริษให้สัมภาษณ์ว่า  นายกฯ ยัง​ไม่ได้มีการพูดคุยหรือมอบหมายงานอะไร​ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ส่วนนายปานปรีย์​ พ​หิ​ท​ธา​นุ​กร​ อดีตรอง​นายก​รัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ก็มีการพูดคุยกัน​ แต่ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องงาน นายปานปรีย์ก็​ฝากสานงานต่อว่าอยากจะเห็นอะไร อย่างไร​ แต่ตนยังไม่ขอเปิดเผยเนื่องจากยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ​

มาริษไร้ปัญหาลุยงาน กต.

ถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องสานงานต่อ นายมาริษกล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะตนก็ทำงานร่วมกับนายปานปรีย์​มาโดยตลอด และเคยทำงานตำแหน่งเอกอัครราชทูตมา ก็เป็นลูกหม้อของกระทรวง

ซักว่า การที่ไม่ได้นั่งควบตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ จะส่งผลต่อการทำงานหรือไม่ นายมาริษยืนยันว่า ไม่มี สามารถทำได้ แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่บุคคล สำหรับตนไม่มีความจำเป็น เพราะความเป็นรัฐมนตรีสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายมาริษปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ถึงสไตล์การทำงานและกระแสข่าวว่ามีความสนิทสนมกับนายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยคนใหม่ว่า จะมีการแบ่งงานในส่วนของนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์  ซึ่งดูแล 6 หน่วยงาน ให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์คนใหม่ คนละ 3 หน่วยงาน ส่วนจะเป็นหน่วยงานไหนบ้างนั้น จะต้องพูดคุยกันอีกครั้งว่าแต่ละท่านเหมาะสมกับงานแบบใด

ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานประชุมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธิยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์คนใหม่ ร่วมประชุมด้วย

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการแบ่งงาน รมช.เกษตรฯ คนใหม่ว่า ขณะนี้มีการวางกรอบคร่าวๆ ไว้แล้ว และจะชัดเจนหลังจากการถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว ก็จะมอบหมายงานทันที โดย รมช.เกษตรฯ คนใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยเสริมทัพ ดังนั้นจากนี้การทำงานของกระทรวงเกษตรฯ จะต้องละเอียดขึ้น

 “ในการอภิปรายในช่วงที่ผ่านมางานของกระทรวงเกษตรฯ มีการอภิปรายในสภาอย่างมาก ในเวลาที่เหลือจากนี้เชื่อว่าจะเอาอยู่ สามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะ รมช.เกษตรฯ คนใหม่ ผมปั้นมากับมือ เป็นคนมีฝีมือ เชื่อว่าสามารถทำงานได้ เนื่องจากมีผลงานประจักษ์ เป็นดาวเด่นในสภาอยู่แล้ว” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นครั้งแรก หลังถูกปรับพ้นจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ตอนหนึ่งระบุว่า ต้องขอบคุณเพจแพทย์ชนบทที่โพสต์ให้กำลังใจผม และท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน แต่ก็มีบางอย่างที่ผมคิดว่าข้อมูลยังคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก ซึ่งในสถานการณ์ที่ผมถูกออกปลดออกจากรัฐมนตรี ชมรมแพทย์ชนบทไม่ควรใช้สถานการณ์นี้ออกมาสร้างความแตกแยกในกระทรวงอีก ขอให้ยุติการกระทำ ซึ่ง นพ.สุภัทรได้โทรศัพท์มาหาผม และยอมรับว่าเขียนและให้สัมภาษณ์จากความเห็นของตนเองและคนในกลุ่ม ผมได้ติงไปแล้วว่าการพูดจากความเห็นส่วนตัวแทนผม ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจริง ไม่สมควร ก็ยอมรับและขอโทษ ผมไม่อยากให้ปัญหาส่วนบุคคลลุกลามสร้างปัญหาให้ระบบ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องที่ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กชมรม ระบุว่าระดับบิ๊ก  อืดยังไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง โดยยกเอาคำพูดของผมที่ รพ.อุทัย ว่า เอาข้าราชการไม่อยู่ จริงๆ สิ่งที่ผมพูด คือท่านนายกฯ ให้รัฐมนตรีทุกคน ต้องกำกับดูแลควบคุมข้าราชการให้อยู่ให้ทำงานอย่างเต็มที่ ผมเองชื่นชมผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงทุกคนที่เร่งรัดทุ่มเท การทำงานดีมาก ให้คะแนน ก็ 80 คะแนนขึ้นไป ระดับ A+ สนองนโยบาย สำเร็จตามเป้าหมาย Quick win 100 วัน ได้ทั้ง13 นโยบาย ขับเคลื่อนเข้าสู่ Mid year succes ได้อย่างเป็นรูปธรรม ผมเน้นประเด็นนี้ แต่สื่อที่นำไปเผยแพร่ ตัดบางช่วงคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง เป็น "ผมมีผลงานระดับ A+ ผมคุมข้าราชการไม่อยู่ จึงถูกปลดออกจาก ครม."  อันนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องชี้แจง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการน้องๆ ที่ทำงานใน สธ.ครับ

"ส่วนประเด็นระดับบิ๊ก อืดไม่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ ผมใช้ผลงานเป็นตัววัด ไม่ให้ความสำคัญ กับคำว่า คนของใคร ไม่ต้องมาเป็นคนของผม ขอให้เป็นคนของประชาชนทำงานเพื่อประชาชนก็พอ ไม่สนใจว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ" นพ.ชลน่านกล่าว

นอกจากนี้ ในเฟซบุ๊กดังกล่าว นพ.ชลน่านยังได้ชี้แจงในหลายประเด็น ทั้งเรื่องถูกวางยาให้เป็นคู่ขัดแย้งกับ  สปสช. ซึ่งยืนยันเข้ามาทำงานไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับ สปสช. ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. สามารถทำงานกับเลขาฯ สปสช.ได้เป็นอย่างดี เรื่องวางยาให้กระทรวงสาธารณสุขไปมีอำนาจในการจัดสรรเงิน ก็ยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะมีกฎหมาย กฎ ระเบียบกำหนดหน้าที่และอำนาจไว้ชัดเจน

"ชมรมแพทย์ชนบทเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน นำเรื่องนี้ไปพูดว่า สธ.อยากไปมีส่วนร่วมกับการจัดสรรเงิน ซึ่งไม่จริง  จริงๆ แล้วเป็นคนละส่วน คนละบทบาทหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายทำงานได้ดี ผมอยู่ตรงกลาง สธ.ลุยทำงาน สปสช.สนับสนุนเงินทำงาน เป็นเรื่องที่กำลังไปได้ดี" นพ.ชลน่านกล่าวตอนหนึ่ง

นพ.ชลน่านยังได้อธิบายถึงเรื่องเกียร์ว่างละเลยปฐมภูมิ แก้ปัญหายาเสพติดสะดุด สาธารณสุขรากฐานไม่ก้าวหน้า กระจายอำนาจสับสน ยืนยันปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาเชิงระบบ เกิดขึ้นก่อนเข้ามารับตำแหน่ง และเป็นตนเองที่เข้ามาจัดการแก้ปัญหา

"ผมได้พูดกับคุณหมอสุภัทรไปแล้วว่าการออกมาให้ข้อมูลทางสื่อ Social  โดยอาศัยจังหวะที่ผมถูกปลดออกจากรัฐมนตรี เพื่อขยายความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม กล่าวหาอีกกลุ่มหนึ่ง ถือว่าไม่เหมาะสม คุณหมอสุภัทรเองก็เข้าใจแล้ว และบอกว่าจริงๆ ตั้งใจจะให้กำลังใจผม ซึ่งผมก็ขอขอบคุณ แต่ให้ระมัดระวังในการเขียนเนื้อหาที่บางทีมาจากความไม่รู้ อาจจะบิดเบือน ทำให้มองได้ว่า ผมเป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถ คุมข้าราชการไม่ได้ ถูกวางยา ทำให้งานไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งทำให้ผมเสียหาย โดยเฉพาะความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชน ผมจึงขออนุญาตขอชี้แจงเพื่อปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่เกิดความแตกแยก และไม่ให้ผมถูกทำลายไปมากกว่านี้" นพ.ชลน่านกล่าว

ทักษิณควงสุวัจน์ท่องภูเก็ต

มีรายงานว่า ช่วงค่ำของวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ ‘ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center’ โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ถนนบางลา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยมีประชาชนมาต้อนรับและขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก  ทั้งนี้ มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ปรากฏภาพร่วมลงพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ ในวันที่ 1 พ.ค. นายทักษิณพร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมผู้ประกอบการการท่องเที่ยวที่สวนน้ำอันดามันดา จ.ภูเก็ต และร่วมถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก ทั้งนี้ สวนน้ำอันดามันดาอยู่ในเครือพราวกรุ๊ป ของ น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พราว ลูกสาวนายสุวัจน์

มีรายงานข่าวว่า หลังจากนี้นายทักษิณเตรียมลงพื้นที่จังหวัดในภาคอีสาน โดยจะเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมรับประทานอาหารกับนายสุวัจน์ ในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ด้วย

ที่รัฐสภา นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร  แถลงว่า ถึงวันนี้ยังมีการเคลื่อนไหวให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ออกจากตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ยังยืนยันว่าจะเป็นประธานต่อไปจนครบเทอมของสภาชุดนี้ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะต้องลาออก

"การออกข่าวทำนองว่าจะกดดันให้ท่านประธานลาออกจากตำแหน่งนั้น ขอให้ทุกคนหยุดได้แล้ว เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และทำให้ประชาชนสับสน" นายมุขกล่าว

วันเดียวกัน นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล  กล่าวถึงการปรับ ครม. เศรษฐา 1/1 ว่า ปัญหาของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา คือไม่สามารถปฏิบัตินำส่งนโยบายได้อย่างที่ประชาชนคาดหวัง ไม่สามารถทำงานอย่างมีเป้าหมาย มีรูปธรรมชัดเจน เมื่อมีการปรับรัฐมนตรีเกิดขึ้นประชาชน ก็คาดหวังว่าการปรับครั้งนี้จะตอบโจทย์ 

 “มีรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ทั้งฝ่ายค้านและประชาชนที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ คาดหวังให้รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยน แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อกระทรวง หากฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีรัฐมนตรีหลายคนในหลายกระทรวงที่พูดถึงว่ามีปัญหาเยอะ แต่ยังมั่นคงในเก้าอี้รัฐมนตรี คนที่ควรถูกเปลี่ยนอย่างชัดเจนไม่ถูกเปลี่ยน”นายชัยธวัชกล่าว

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต  สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนเมษายน 2567” พบว่าฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 46.19 รองลงมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 31.46, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ร้อยละ 22.35 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 53.51 รองลงมา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ร้อยละ 29.65 และนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ร้อยละ 16.84.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป