“เศรษฐา” เปิดห้องสีม่วงเคลียร์ปม “ปานปรีย์” ไขก๊อกไม่ร่วมรัฐนาวาเศรษฐา 2 อ้างได้คุยกันก่อนปรับ ครม.แล้ว ซ้ำยังปรึกษา “แพทองธาร” ตลอด รับมีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง แย้มมองหาคนใหม่ตั้งแต่รู้ข่าวลาออก สะพัดชื่อ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” อดีตที่ปรึกษา ดร.ตั๊กเสียบแทน "สรวงศ์" โนคอมเมนต์ชื่อ "นพดล" โยนอำนาจนายกฯ พรรคไม่เกี่ยว "ศิริกัญญา" ปลื้มได้ขุนคลังทำงานเต็มเวลา "แจ๊ก" ตามขยี้เสี่ยนิดชง ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรงหลังดันทนายถุงขนมขึ้นเสนาบดี รุมอัดเสร็จนาฆ่าโคถึกปมเขี่ย "หมอชลน่าน"
เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ โดยเฉพาะกรณีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ลาออกทันทีหลังปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วได้ดำรงตำแหน่ง รมว.กต.ตำแหน่งเดียว
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เปิดห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เคารพในการตัดสินใจของท่าน และโดยส่วนตัวก็รู้จักกันมาหลายสิบปี ลูกก็เป็นเพื่อนกัน จริงๆ ส่วนตัวรักชอบกันดี ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน
“ผมพูดในแง่องค์รวมมากกว่า ในการที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่หรือ ครม.ต่างๆ ผมเชื่อว่าก็คงมีคนที่พอใจ ไม่พอใจ สมหวังและไม่สมหวัง จริงๆ แล้วผมอยากโฟกัสในสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาด้วยเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมาดีกว่า ในเรื่องที่ท่านทำมาและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนก็จะมาสานต่อในเรื่องดีๆ เหล่านี้” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนปรับ ครม.ได้มีการพูดคุยหรือแจ้งกับนายปานปรีย์ก่อนหรือไม่ และหลังนายปานปรีย์ลาออกได้พูดคุยกันแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ได้ส่งข้อความไปหานายปานปรีย์ในกรุ๊ปเรื่องของการต่างประเทศ บอกว่าขอโทษถ้าทำให้พี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร และก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา และเรื่องที่ถามว่าได้แจ้งนายปานปรีย์ก่อนปรับ ครม.หรือไม่นั้น อย่างที่เรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.ได้เชิญหลายๆ ท่านมาพูดคุยกัน และนายปานปรีย์ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ ท่านที่เรียกเข้ามาพูดคุยกัน
ถามว่าจะหาบุคคลมาดำรงตำแหน่ง รมว.กต.โดยเร็วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ซึ่งจะต้องทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อใหม่ โดยขณะนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์จะดูแลไป ซึ่งการมองหาบุคคลมาแทนนั้นได้มองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ยังไม่ได้ ต้องมีการผ่านคณะกรรมการคัดกรองและอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหลายอย่าง ไม่อยากให้รีบบอกไปแล้วเดี๋ยวจะเกิดความสมหวังผิดหวังอีก
เมื่อถามว่า รู้สึกเสียดายนายปานปรีย์หรือไม่ เพราะได้รับคำชื่นชมทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าทำงานได้ดี นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าตรงนี้เสียดายทุกคนที่ต้องเปลี่ยนออกไป แต่ในบริบทของการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ช่วงเวลาที่เราบริหารประเทศ มันจำเป็นหรือมีความต้องการของการแก้ไขปัญหา จึงต้องมีการเปลี่ยนบุคลากร ไม่ใช่แค่ฝ่ายบริหารอย่างเดียว ฝ่ายนิติบัญญัติเองก็ต้องปรับเพื่อให้บุคคลที่เหมาะสมและชำนาญมากกว่าในด้านนั้นๆ เข้าไปทำหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่าท่านที่ถูกปรับออกไม่มีความสามารถในการบริหาร แต่อย่างที่บอกรัฐบาลนี้อยู่ 4 ปี และในอดีตก็ไม่ใช่ว่าท่านออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ก็มีหลายๆ เคสที่ออกไปแล้วได้กลับมาอีก
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าปรับ ครม.ครั้งนี้จะไม่ผิดฝาผิดตัว มั่นใจใช่หรือไม่ว่าไม่ผิดฝาผิดตัว นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจ แต่แน่นอนมุมมองของแต่ละคนมีความเห็นและเข้าใจในบุคคลนั้นๆ ที่เข้ามาทำงานแตกต่างกันไป แต่มั่นใจว่าบุคคลที่ดึงเข้ามาทำงานเป็นคนที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญตรงตามกระทรวงทุกอย่าง
บอกปรึกษาอุ๊งอิ๊งตลอด
“ผมไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงมีคนผิดหวังและสมหวังอย่างที่ผมบอก และเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องบริหารเรื่องของความคาดหวัง และเรื่องของหน้าที่ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย โดยได้พูดคุยกันตลอด วันหนึ่ง 2-3 ครั้ง ซึ่งในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ครม.มีการรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามต่อว่า มีรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนที่แสดงความไม่พอใจคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่การหาเสียงและทำหน้าที่หัวหน้าพรรคก็ควบคู่กันมาตลอด นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ นพ.ชลน่านคนเดียว ยังมีนายไชยา พรหมา อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดในช่วงการเลือกตั้ง แต่เดี๋ยวก็คงมีการพูดคุยกัน ก็หวังว่าทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้
“ส่วนตัวเชื่อว่าแรงกระเพื่อม ความไม่พอใจก็ต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ ที่พอใจคงไม่พูด ส่วนคนที่ไม่พอใจก็เป็นหน้าที่ของผมต้องอธิบาย และพยายามที่จะหาตำแหน่งใหม่ๆ หรือหางานที่เหมาะสมรองรับ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นทีมไทยแลนด์ เราเป็นทีมงานที่มาทำงานเพื่อประชาชน”
ต่อมาในช่วงบ่าย นายเศรษฐาได้เรียกนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง รวมทั้ง รมช.การคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณมาหารือ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวภายหลังว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ แต่เป็นการมารายงานความคืบหน้าเรื่องต่างๆ ยังไม่ได้ลงรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณปี 2567
มีรายงานจากทำเนียบฯ แจ้งถึงการสรรหาบุคคลมาแทนนายปานปรีย์ ว่านายเศรษฐาต้องการคนที่อยู่ในแวดวงของการทูตและการเมือง และทำงานอยู่เบื้องหลังของพรรคเพื่อไทย โดยคนที่เข้าสเปกและเป็นรายชื่อที่นายกฯแต่งตั้งนั้นคือ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.การต่างประเทศ (นายปานปรีย์) และทำงานใกล้ชิดนายเศรษฐา คอยติดตามไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศแทบทุกครั้ง และยังเป็นอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศตั้งแต่ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และยังเป็นคนใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยช่วยงานนายทักษิณตั้งแต่สมัยเป็น รมว.กต.
ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบว่านายกฯ จะหาใครมาแทน เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ พรรคไม่ได้เข้าไปยุ่ง อยากให้เป็นดุลยพินิจและการตัดสินในของนายกฯ ส่วนกรณีนายปานปรีย์นั้นก็คงต้องพูดคุย อาจเชิญมาเป็นที่ปรึกษา แต่ต้องแล้วแต่นายปานปรีย์ด้วย ซึ่งนายปานปรีย์ก็ทำงานให้พรรคมามาก อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด พวกเราก็ให้ความเคารพกับการตัดสินใจของท่าน
ถามถึงคุณสมบัติของ รมว.กต. ที่มีการมองกันว่าเป็นนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยนั้น นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่สามารถตอบได้จริงๆ ส่วนมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคหรือไม่นั้น คิดว่าไม่น่ากระเพื่อม พรรคการเมืองก็คือพรรคการเมือง เราทำหน้าที่ดูแลประชาชนอยู่แล้ว ใครจะมาอยู่ในตำแหน่งไหนอย่างไร เราทำงานร่วมกันได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการวางรัฐมนตรีที่หลุดจากตำแหน่ง อย่าง นพ.ชลน่านและนายไชยาอย่างไร เพราะมีกระแสข่าวว่าจะถูกวางตัวให้ไปช่วยงานสภา นายสรวงศ์กล่าวว่า เป็นปกติของการเมืองมีเข้าก็มีออก ด้วยความรักและเคารพ ทุกท่านที่เคยอยู่ตำแหน่งและออกมาไม่ใช่ที่สิ้นสุด รัฐบาลยังอยู่อีกนาน 3 ปี ยังมีการปรับเข้าออกได้เสมอตามที่นายกฯ เคยพูดเอาไว้
'เสี่ยหนู' ซูฮกปานปรีย์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงหน้าตา ครม.ชุดใหม่ว่า จะพูดถึงเรื่องตัวเองและเพื่อนๆ เป็นเรื่องไม่ดี ให้คนอื่นพูดเราขอฟังดีกว่า และเมื่อถามอีกว่า การเป็น รมว.ครั้งนี้ถือเป็นสมัยที่เท่าไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า 16 สมัย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เราต้องเคารพการพิจารณาของนายกฯ อีกทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้วจะวิจารณ์ทำไม ส่วนกรณีนายปานปรีย์ลาออกนั้นคงไม่มีปัญหา ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลแล้ว ทุกคนมีความคิดของตัวเอง
“ผมว่าต้องแสดงความชื่นชมนายปานปรีย์ ซึ่งท่านคิดว่าไม่ควรเหลือตำแหน่งเดียว แทนที่ท่านจะอยู่แล้วไม่ให้ความร่วมมือหรือทำงานไม่เต็มที่ แต่ท่านก็แสดงสปิริตลาออกก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย”
ด้านนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่า เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจลาออก เนื่องจากมองว่าการที่ถูกปรับออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เหลือตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว เหมือนเป็นการถูกทำโทษจากการทำงานบกพร่อง ทั้งที่ในความเป็นจริงตั้งใจทำงานและมีผลงานอย่างชัดเจนมาตลอด ซึ่งยอมรับว่าตกใจหลังเห็นรายชื่อ ครม.ใหม่ หากที่ผ่านมาตนมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศตำแหน่งเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ผ่านมาเป็นที่เข้าใจว่าตนเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งได้ใช้เวลา 6 เดือนแรกทุ่มเทในการเดินทางไปต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้รู้ว่าไทยมีความพร้อมที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง ทุกประเทศรับรู้ว่าเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ
"วันข้างหน้าหากต้องไปพบเขาอีกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจจะคิดว่าผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจึงถูกลดตำแหน่ง ซึ่งจะทำให้ความสง่างามรวมถึงอำนาจต่อรองในการไปเจรจากับต่างประเทศของผมมีน้อยลง"
นายปานปรีย์เปิดเผยด้วยว่า นายกฯ ได้เรียกไปคุยที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย.) แต่แจ้งเพียงจะมีการปรับ ครม. และจะให้นายจักรพงษ์ แสงมณี ออกจากตำแหน่ง รมช.การต่างประเทศ ตนก็ขอบคุณ แล้วก็รีบกลับเพราะมีภารกิจประชุมกับยูเอ็น ยืนยันว่าแม้วันนั้นท่านจะแจ้งเรื่องตำแหน่งรองนายกฯ ก็จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะถือว่าท่านต้องพิจารณาไตร่ตรองมาดีแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิ์ของนายกฯ แต่เมื่อไม่เห็นด้วยก็ใช้สิทธิ์ที่จะไม่ดำรงตำแหน่งต่อไป
ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า การปรับ ครม. โดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่มีรัฐมนตรี 4 คน ซึ่งน่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี รมว.การคลังคือนายพิชัย ที่มาแทนนายเศรษฐา พูดได้ว่าจะมีรัฐมนตรีที่ทำงานเต็มเวลาเป็นครั้งแรก ไม่ต้องแบ่งเวลามาเป็นรัฐมนตรีกับเซลส์แมนประเทศ
“ดิฉันยังมองโลกในแง่ดีว่า การทำแบบนี้น่าจะทำให้งานของกระทรวงขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ด้วยเหตุผลว่ามีรัฐมนตรีทำงานแบบเต็มเวลา ตำแหน่ง รมว.การคลังไม่ควรเป็นคนเดียวกับนายกฯ เพราะในฐานะนายกฯ จะเป็นผู้ริเริ่มโครงการโปรเจกต์ต่างๆ แต่ในฐานะ รมว.การคลัง ต้องเป็นคนที่คอยให้ข้อเสนอแนะ หรือตักเตือนกรณีที่มีโครงการใช้เงินมากเกินไป ดังนั้นถ้าเป็นคนเดียวกันก็จะไม่มีใครเตือนใคร ยิ่งทำไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้เสียหายทางการคลังได้ ยังหวังว่านายพิชัยจะทำหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะ เพื่อทำให้ฐานะทางการคลังมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น แต่ต้องดูผลงานกันก่อนว่าจะมีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านการคลังมากแค่ไหน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.กล่าวว่า ขอแสดงความเสียดายที่นายปานปรีย์ลาออก เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งด้านการต่างประเทศและด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการที่นายกฯ ให้นายปานปรีย์พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ และเหลือตำแหน่ง รมว.กต.เพียงตำแหน่งเดียว สะท้อนให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการต่างประเทศตามที่เคยแถลงต่อรัฐสภา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรรค ก.ก. กล่าวว่า นายกฯ ควรชี้แจงต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา ว่าการปรับเป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาล โดยมีเกณฑ์ในการวัดคือการจัดสรรคนที่มีประสบการณ์ หรือมีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเด็น ไปทำงานที่ตรงกับจุดที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญ อยากได้ยินนายกฯ อธิบายว่าในการโยกย้ายบางคนไปอีกที่หนึ่งว่าตอบโจทย์ข้อนี้อย่างไร อยากให้กาง KPI และเป้าหมายในการทำงานของแต่ละกระทรวงให้ชัดเป็นอย่างไร
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องขอให้ไต่สวนนายเศรษฐาว่ากระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ จากกรณีชงชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีพยายามนำถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาทไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ของนายทักษิณ ชินวัตร
ชี้ชัดปรับ ครม.ไม่ราบรื่น
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การลาออกจากตำแหน่ง รมว.กต.ของนายปานปรีย์หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือว่าเป็นการตอบโต้การตัดสินใจของนายเศรษฐา เหมือนเป็นการหักหน้า ดิสเครดิต ทำลายภาวะผู้นำของนายเศรษฐาอย่างชัดเจน และเป็นสัญญาณให้เห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปด้วยความราบรื่น
“นพ.ชลน่านเปรียบเสมือนหนังหน้าไฟให้กับพรรคเพื่อไทย ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมถูกสังคมประณาม เหยียดหยาม เย้ยหยันสารพัด การที่พรรคเพื่อไทยปรับหมอชลน่านออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติอดีตหัวหน้าพรรค เหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” นายเทพไทกล่าวและว่า นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็น สส.รุ่นพี่ และเป็นรุ่นพี่ที่รามคำแหง เป็น สส.มาหลายสมัย มีความอาวุโสทางการเมืองมากคนหนึ่งในภาคอีสาน ถ้าหากพรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญ และสนับสนุนผู้อาวุโสให้เป็นรัฐมนตรี ก็น่าจะสนับสนุนให้เป็นรัฐมนตรีบ้าง แต่กลับถูกเด็กรุ่นใหม่กระโดดข้ามหัวไป
ขณะที่เพจชมรมแพทย์ชนบทโพสต์ข้อความว่า "ขอขอบคุณ นพ.ชลน่านในความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ที่ผ่านมา ผลงานเด่นคือการวางรากฐานงานใหม่ทั้งหมด แต่อุปสรรคที่มีมาก โดยเฉพาะจากข้าราชการที่คุมไม่อยู่ ระดับบิ๊กยังอืดไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและยังวางยารัฐมนตรีด้วย จนถูกข้าราชการวางกับดักให้เกิดเป็นคู่ขัดแย้งอย่างไม่รู้ตัวกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งรากฐานที่รัฐมนตรีชลน่านวางไว้ กำลังจะถูกส่งต่อให้รัฐมนตรีสมศักดิ์ ภารกิจทางนโยบายที่สำคัญต่อประชาชนคนไทย และสำคัญต่ออนาคตของพรรคเพื่อไทยด้วย แน่นอนว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะจากข้าราชการที่ขยันเดินตาม แต่ไม่ขยันทำงานยังเป็นอุปสรรค ขยันก็แต่ไหว้พระสายมูงมงายกับการขอพรและสร้างพระทำบุญหวังให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การปรับ ครม.เศรษฐาสะท้อนถึงไม่มีเกียรติภูมิ ไม่เห็นหัวใคร ไม่ร่วมทุกข์สุขกับคนที่เอาชีวิตเข้าแลก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งเก่าที่เกิดขึ้นมายาวนานแล้วของพรรคตระกูลไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย กรณีเช่นนี้เคยสังเวยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จนต้องถูกปลดออกจากหัวหน้าพรรค รองนายกฯ รมว.มหาดไทย และ สส. กระทั่งมาถึงครั้งนี้ยังเกิดขึ้นอีกด้วยการเขี่ยทิ้ง นพ.ชลน่านอย่างไม่อินังขังขอบ
“ต้นทุนที่หมอชลน่านเสียไป กลายเป็นสัจธรรมว่า เมื่อหมดความจำเป็นจากเจ้าของพรรค ก็ต้องเสียผู้เสียคน และถูกสังเวยทางการเมืองให้ผู้มีอำนาจตัวจริงปลดออกจาก ครม. ทั้งที่หมอชลน่านยอมผิดคำพูดที่ประกาศไว้ช่วงเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเพื่อไทยเป็นหนี้เกียรติภูมินี้จนได้ตั้งรัฐบาลตระบัดสัตย์” นายจตุพรระบุ
นายจตุพรกล่าวว่า กรณีนายปานปรีย์ก็ไม่แตกต่างจาก นพ.ชลน่าน และได้แสดงถึงคนมีอำนาจอยู่เบื้องหลังรัฐบาล ไม่สามารถสั่งคนมีเกียรติภูมิให้ขึ้นเขาลงห้วยได้ทุกคน โดยอย่างน้อยก่อนหน้านี้มี พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย สส.เพื่อไทย ที่ไม่อินังขังขอบกับตำแหน่งแห่งหน ซึ่งวันนี้นายปานปรีย์พิสูจน์ให้เห็นว่าเขารักษาหลักการ เขามีเกียรติภูมิ หมอชลน่านก็รักษาความเป็นมนุษย์
วันเดียวกัน นายสรวงศ์พร้อมคณะได้แถลงการจัดกิจกรรม 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 โดยนายสรวงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคจะจัดกิจกรรมสรุปการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย และสรุปผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ภายใต้ธีมงาน 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 ตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินในวันที่ 1 ก.ย. 2566 จนถึงวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 240 วัน หรือประมาณ 9 เดือนแล้ว ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่เดือนที่ 10.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.
'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ