ทร.มัดมือ "สุทิน" สานฝันเรือดำน้ำให้เป็นจริง บอกรอมา 10 ปีเต็ม อยากได้กำลังทางเรือเพิ่มเพื่อทำหน้าที่ป้องกันประเทศ โอดตอนนี้เราฟันหลอ รั้วทางทะเลดูแลไม่พอ ขณะที่ “ผบ.เหล่าทัพ” เสริมเขี้ยวเล็บยกระดับความมั่นคง กางแผนพัฒนา UAS อากาศยานไร้คนขับ หนุนงานรัฐบาลรับมือภัยคุกคามที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
เมื่อวันจันทร์ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงแผนงานโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในงบประมาณปี 2568 ว่า กองทัพเรือได้เสนอไปเรียบร้อยแล้ว ขอความกรุณาท่านที่เกี่ยวข้องช่วยผลักดันให้กองทัพได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องการด้วย และเห็นความสำคัญของการมีกำลังทางเรือไว้เพื่อรักษาอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยในปี 2568 กองทัพเรือได้เสนอโครงการจัดซื้อเครื่องบินลำเลียง 2 เครื่อง โดยเรือฟริเกตจะไปเสนอในงบฯ ปี 2569 แทน
เมื่อถามว่า ในแผนงบฯ ปี 2569 กองทัพเรือจะเสนอซื้อเรือฟริเกต 2 ลำใช่หรือไม่ พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า ตอนนี้กำลังรบทางเรือเราน้อยมาก เราเดินหน้าเพื่อเรือดำน้ำมา 10 ปีเต็ม อยากได้กำลังทางเรือเพิ่มมากขึ้นเพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ปัญหาการสู้รบในประเทศต่างๆ คิดว่าคนไทยทุกคนคงเห็นภาพแล้วว่า ไม่ใช่สงครามจะไม่เกิดแล้ว และในประเทศเพื่อนบ้านเราก็ไม่ใช่จะสงบเรียบร้อย ก็ขอความกรุณาทุกท่านเข้าใจว่า การมีกำลังรบไว้ก็เพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“ขอยืมคำพูดบางคนที่กล่าวไว้ว่า ตอนนี้เราฟันหลอ รั้วเราทางทะเลไม่สามารถจะดูแลได้พอแล้ว จึงขอเรือกับเครื่องบินช่วยเติมความสามารถกองทัพเรือ ให้พร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยด้วย” พล.ร.อะดุงกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องเผื่อใจไว้เจ็บด้วยหรือไม่ ผบ.ทร.หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อถามว่า จากการได้ร่วมคณะนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไปคุยกับคณะทำงานจีนเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเรือดำน้ำมีความคืบหน้าอย่างไร พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า ก็มีความคืบหน้า โดย รมว.กลาโหมรับรู้แล้วว่ามีคนหวังดีพยายามเจรจาให้ แต่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้นก็คงรายงานตรงถึงท่านรัฐมนตรีแล้ว เมื่อซักว่าใครเป็นคุยตรงให้ รมว.กลาโหม พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“ตอนนี้ท่านสุทินอยู่เป็นรัฐมนตรีต่อ ผมก็ขอความกรุณาท่านให้สานต่อเรื่องเรือดำน้ำให้กองทัพเรือให้เสร็จเรียบร้อย” พล.ร.อ.อะดุงกล่าว
ผบ.ทร.กล่าวด้วยว่า ส่วนที่นายสุทินจะหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยในวันที่ 30 เม.ย.นั้น ขอให้รอรัฐมนตรีกลาโหมได้ชี้แจง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าจะต้องจบ เมื่อถามย้ำว่าคาดหวังเรื่องเรือดำน้ำไว้อย่างไร ผบ.ทร. กล่าวว่า รัฐมนตรีได้สัญญากับพวกเราว่าจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด ซึ่งขอรอนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีกลาโหมดำเนินการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
เมื่อถามต่อว่า แต่บริษัท CSOC ของจีนที่ต่อเรือดำน้ำ S26T ให้กองทัพเรือไทยไม่ยินยอมหากต้องมีการยกเลิกสัญญา พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า ตรงนี้ตนไม่ทราบ คงรายงานตรงถึงท่าน อย่างไรก็ตามขอความกรุณาช่วยผลักดันและเป็นกำลังใจให้กองทัพเรือ
พล.ร.อ.อะดุงยังกล่าวถึงการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ต่อการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมว่า น่าจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน จริงๆ เป็นการทำงานของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้ง อยู่ระหว่างการพิจารณา และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหม เพื่อรับทราบเฉยๆ ว่ามีคณะกรรมการชุดนี้ ขอให้รอฟังผลการพิจารณา
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นตัวแทนผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 และรับฟังการบรรยายสรุป ในหัวข้อภารกิจการจัดและบทบาทหน้าที่ของกองทัพบกในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มินิ วปอ.ยังมีกำหนดการเดินทางไปศึกษาภูมิประเทศ และการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 โดยวางแผนไว้ว่าอาจจะไปดูพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบ จากการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องจากติดภารกิจและได้แจ้งขอลาไว้แล้ว
ที่หอประชุมกองทัพเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) ได้จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
ผูัสื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการพัฒนาศักยภาพของอากาศยานไร้คนขับ และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ เพื่อใช้ในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
สำหรับสาระสำคัญมีดังนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย บูรณาการการใช้ระบบอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aircraft System: UAS) และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Counter-Unmanned Aircraft System: CUAS) ของกองทัพไทย ให้มีขีดความสามารถในการสนับสนุนงานด้านการทหารและด้านความมั่นคง สามารถรับมือภัยคุกคามซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมกำลัง อาทิ การจัดทำหลักนิยม การฝึกอบรมกำลังพล การปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วย และการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์
สำหรับการใช้กำลัง ในระยะสั้น กองบัญชาการกองทัพไทยได้มอบให้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล รับผิดชอบภารกิจต่อต้าน UAS โดยมุ่งเน้นรองรับการก่อเหตุที่มาจาก UAS ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงภายใน รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถการใช้ UAS เชิงรุก
ในระยะยาว มุ่งเน้นการบูรณาการการป้องกันภัยทางอากาศในภาพรวมของกองทัพไทย ให้มีขีดความสามารถในการต่อต้าน UAS ทางทหารที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงอาวุธยิงระยะไกล โดยจะประสานความร่วมมือกับเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร.บวงสรวง เรือพระที่นั่ง นำลงน้ำ4ก.ค.
สิริมงคล "กองทัพเรือ" บวงสรวงเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค
ไฟเขียวรบ.ก่อหนี้ใหม่ กู้ทะลุ1ล้านล้านบาท
ครม.อนุมัติปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะครั้งที่สอง ปีงบ 67
ครม.สัญจรหนีม็อบ ทุ่มงบเอาใจอีสาน
"เศรษฐา" หลบม็อบเหมืองโปรแตช เปลี่ยนเส้นทางพร้อมเลิกชมนิทรรศการ
กฤษฎีกาเบรกชาญนายกอบจ.
เลขาฯ ป.ป.ช.แจงปมชี้มูล “ชาญ” ทุจริตอยู่ขั้นสืบพยานในชั้นศาล
วุ่น!เลื่อนรับรองสว. กกต.ไม่ทันแห่ร้องฮั้วอื้อ จับตาเลือก‘ปปช.-ตศร.’
"กกต." วุ่น! เจอแห่ร้องเรียนเลือก สว.รายวัน ต้องเพิ่มเวลาตรวจสอบ
ไทม์ไลน์เคาะเครื่องบินรบ แง้มเส้นทางเรือดำน้ำเข้าครม.
เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่กองทัพอากาศจะคัดเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ทดแทน เพื่อนำเข้าประจำการแทนเครื่องที่กำลังปลดประจำการ