"เศรษฐา" ดี๊ด๊าชมเปาะ "สมาคมแบงก์" เด้งรับนโยบาย ลดดอกเบี้ย 0.25% อุ้มกลุ่มเปราะบาง-ลูกค้าบุคคล-เอสเอ็มอี 6 เดือน "กุนซือนายกฯ" ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายรัฐบาล แถลงแล้วต้องทำ เชื่อไปได้ "อนุทิน" ไม่กังวลแบงก์ชาติทักท้วง ชี้หากไม่ถูกกฎหมาย "กฤษฎีกา-สภาพัฒน์" ต้องแจ้งมา ยันพรรคร่วมหนุน "อดีตคน ธ.ก.ส." เคยร่วมแก้กฎหมาย แจงชัดแจกหมื่นไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9
เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ทวีตข้อความผ่าน x ระบุว่า ขอขอบคุณสมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ที่ช่วยลดดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
"ขอชื่นชมการลดดอกเบี้ย ที่สะท้อนให้เห็นว่าสมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เข้าใจถึงภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่หาเช้ากินค่ำ แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ 6 เดือน แต่ช่วยต่อลมหายใจให้สามารถเอากำไรไปต่อยอดได้ ถือเป็นการช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและประชาชนโดยรวม ในส่วนของประชาชนกลุ่มอื่นๆ ทางรัฐบาลจะพยายามหาแนวทาง และมาตรการที่จะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุดครับ" นายเศรษฐาระบุ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประชาชนจะเห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ไม่เพียงแต่ฟื้นตัว แต่ต้องทัดเทียมการเติบโตของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
โดยก่อนหน้านี้ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทยได้ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและเอสเอ็มอี เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัวปรับตัว
ทั้งนี้ เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่าน และมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว สอดคล้องกับมาตรการการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยธนาคารสมาชิกจะเร่งพิจารณาดำเนินการตามหลักการดังกล่าว และเตรียมความพร้อมของระบบงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของแต่ละธนาคารตามบริบทที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
“ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตลาดเงินตลาดทุน สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า และตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง ซึ่งการช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการระยาวในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน” นายผยงระบุ
ไม่กังวล ธปท.ท้วงดิจิทัล
วันเดียวกัน นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังเห็นแย้งอยู่ ในฐานะนักกฎหมายมองว่าจะผ่านได้หรือไม่ว่า ต้องถามนักกฎหมายที่ดูแลเรื่องนี้ ตนไม่ได้ดูแลโดยตรง หากตอบอะไรไปอาจจะมีคนค้านมา หากพูดสนับสนุนจะบอกว่าพวกเดียวกันถึงอย่างไรก็สนับสนุน แต่ถ้าพูดค้านจะมีคนบอกว่าอยู่ดีๆ ทำไมไปพูดตรงข้ามเช่นนั้น ดังนั้นปล่อยให้คนรับผิดชอบเป็นคนพูด
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ปรึกษานายกฯมองว่าเรื่องนี้ต้องเดินต่อหรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า อะไรก็แล้วแต่ที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายต้องพยายามทำให้บรรลุ ไปได้ มีปัญหาอุปสรรคอะไรต้องแก้กันไป ไม่ใช่พูดไปเปล่าๆ แล้วไม่ให้ความสนใจ เราต้องทำเต็มที่ ตนเชื่อว่าน่าจะเดินต่อไปได้และประสบความสำเร็จ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการของผู้ว่าการ ธปท. ซึ่งในที่ประชุม ครม. พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนรูปแบบวิธีการต้องทำให้ถูกกฎหมาย เพราะหากไม่ถูกกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะต้องแจ้งมา ซึ่งส่วนของกระทรวงการคลังจะต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ได้กังวลอะไร
เมื่อถามว่า การที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปยืนด้านหลังนายกรัฐมนตรีช่วงที่มีการแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อวันที่ 23 เมย.ที่ผ่านมา มีนัยอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ใครเป็นหัวหน้ารัฐบาล คนที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลต้องไปสนับสนุนนโยบายของนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ไปยืนเป็นเรื่องแปลก จะปล่อยให้นายกฯ ยืนคนเดียวได้อย่างไร ท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้บังคับบัญชา
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า นายเศรษฐาซื้อเวลาเงินหมื่นสุดท้ายทำไม่ได้ แปลกใจหรือไม่ ทำไมวันที่นายเศรษฐาแถลงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จึงมีบทสรุปแค่ ครม.เห็นชอบหลักการของโครงนี้ แต่ยังไม่ใช่อนุมัติโครงการ และนายเศรษฐายังกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ส่วนข้อห่วงใยใดๆ เช่น ประเด็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้สั่งการหากมีประเด็นข้อสงสัยใดๆ ให้ส่งเรื่องไปสอบถามยังกฤษฎีกา
"ทำไมรัฐบาลจะทำโครงการใหญ่ขนาดนี้ ระดับนายกฯ ลงมาแถลงเองเป็นครั้งที่สาม ยังไม่มีความชัดเจน ไม่ปรึกษากฤษฎีกาให้เรียบร้อยก่อนที่จะมาแถลง โดยเฉพาะประเด็นการใช้เงินของ ธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ผมคิดว่านายเศรษฐาคงซื้อเวลา และสุดท้ายโครงการทำไม่ได้ หรืออาจต้องลดขนาด เพราะผมได้คุยกับ 'อดีตคน ธ.ก.ส.' ที่มีส่วนร่วมแก้ไขมาตรา 9 ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าไม่สามารถเอาเงิน ธ.ก.ส.ไปแจกได้" นพ.วรงค์ระบุ
โดยท่านผู้นี้ได้เขียนคำอธิบายว่าทำไมทำไม่ได้มาให้ตนช่วยเผยแพร่ ให้ประชาชนเข้าใจขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ธ.ก.ส. มาตรา 9 มี 4 ข้อคือ มาตรา 9 (1) (2) (3) และ (4) ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นนโยบายจากภาครัฐหลายโครงการที่สำคัญๆ คือ 1.โครงการรับจำนำข้าว ธ.ก.ส.ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9 (1) ข้อ (ก) ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรสำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม 2.โครงการประกันรายได้ ธ.ก.ส.ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9 (1) ข้อ (ง) ดำเนินกิจการตามโครงการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มรายได้ 3.โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผู้ปลูกข้าว (จ่ายไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกินคนละ 20 ไร่) ธ.ก.ส. ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9 (1) ข้อ (ง) ดำเนินกิจการตามโครงการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มรายได้
ไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส.
ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจ่ายคนละ 10,000 บาท ไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ ตามมาตรา 9 (1) ข้อ (ง) ดังนี้ 1.ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม เพราะโครงการมีวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจ เกษตรกรผู้รับเงิน 10,000 บาท นำไปใช้จ่ายดำรงชีวิตทั่วไป ไม่ได้นำไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างชัดเจน 2.ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มรายได้เพราะเกษตรกรผู้รับเงิน 10,000 บาท สามารถนำใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องการประกอบอาชีพ จึงไม่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบกิจการเพื่อเพิ่มรายได้ 3.ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มรายได้หรือพัฒนาคุณภาพชีวิต เพราะการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามกฎกระทรวง ท้ายมาตรา 9 ขยายความมาตรา 9 (1) ข้อ (ง) นี้จะต้องเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับการศึกษา, การอบรม, การดูงาน, การรักษาพยาบาล, การปรับปรุงการจัดหาที่อยู่อาศัยเท่านั้น
สำหรับวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ตามมาตรา 9 (3) นั้น เนื่องจากมาตรานี้เป็นมาตราที่มีการเพิ่มเติม เพื่อขยายวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.ในปี 2549 โดยสภา เห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ขยายบทบาทจากการให้ความช่วยเหลือจากเดิม ได้เฉพาะเกษตรกรตามมาตรา 9 (1) ให้สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินและการบริหารจัดการไปยังกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ บุคคล กลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการ กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชน ทั้งนี้ เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถให้ความช่วยเหลือเกษตรกรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่สินค้าเกษตร ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป การตลาด
ดังนั้น การพิจารณาการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแก่เกษตรกรว่าอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.หรือไม่นั้น จึงให้พิจารณาขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. ในมาตรา 9 (1) ที่เป็นวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
ส่วนมาตรา 9 (3) เป็นวัตถุประสงค์สำหรับกลุ่มอื่น มีการระบุเจตนารมณ์การเพิ่มเติมมาตรานี้ไว้อย่างชัดเจน ในเอกสารประกอบการขอแก้ไข พ.ร.บ. ธ.ก.ส. ปี 2549 เอกสารการบันทึกการอภิปรายในสภา รวมทั้งได้มีการออกกฎกระทรวง ปี 2550 มารองรับอย่างชัดเจนเพื่อให้เป็นไปเจตนารมณ์ของสภาว่าการให้กู้กับกลุ่มอื่นตามมาตรานี้ ต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดเงินกู้ที่จ่ายทั้งหมดในรอบปีบัญชี (ต้องเป็นเงินกู้ไม่ใช่แจกเงิน)
"การพิจารณาการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแก่เกษตรกรว่าอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.หรือไม่นั้น ให้พิจารณาขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. ในมาตรา 9 (1) ที่เป็นวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งโครงการนี้ไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ข้อนี้ รวมทั้งข้ออื่นๆ ในมาตรา 9 ตลอดจนไม่อยู่ในอำนาจให้กระทำได้ตามมาตรา 10" นพ.วรงค์ระบุ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาทำให้ประเด็นต่างๆ ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมา โดยจะฟันธงไปเลยว่ากฎหมายอนุญาตให้ทำได้หรือทำไม่ได้ เพื่อให้การทำงานของสำนักงานเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ธปท. ออกเอกสารแนะนำให้นำเงิน 5 แสนล้านบาทไปทำโครงการที่ดีกว่าแจกกระตุ้นเศรษฐกิจแบบตำน้ำพริกละลายน้ำ ซึ่งการกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกนั้น ต้องแบกหนี้ดอกเบี้ยกันมากถึง 3 เท่าตัว ดังนั้นเอกสาร 5 หน้าของ ธปท. แนะนำโครงการการใช้เงินกู้ จึงน่าสนใจกว่าการกู้เงินมาแจก โดยหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจที่สัมผัสได้ยากยิ่ง เมื่อ ธปท.ทำเอกสารแนะนำเชิงไม่เห็นด้วยกับดิจิทัล และยังสอดคล้องกับเอกสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด้วย อีกอย่างเชื่อว่าโครงการนี้จบได้ยาก เพราะไม่มีความพร้อมในการทำโครงการ เพียงแต่มาแถลงข่าวทำโชว์ แต่ไม่มีขั้นตอนปฏิบัติเลย ถ้าแน่จริงรีบลงมือทำ อย่าเอาแต่โชว์ไปวันๆ เท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' มอบคำขวัญวันเด็ก ปี 68 'ทุกโอกาสคือการเรียนรู้'
'นายกฯอิ๊งค์' มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 68 ‘ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง‘ ยันรัฐบาลเห็นคุณค่าเด็กทุกคน มีสิทธิ์ทำให้ประเทศนี้น่าอยู่
เปิดภารกิจ 'กิตติรัตน์' ในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ทำหลุดเก้าอี้ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ'
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่