นายกฯ เผยสถานการณ์เมียนมารุนแรง หวั่นส่งผลกระทบไทย “ปานปรีย์” นั่งหัวโต๊ะประชุมนัดแรก วางกรอบรับผู้อพยพ-ตั้งรับรุกล้ำชายแดน โฆษก กต.ย้ำหลัก 3 ข้อ ยึดมั่นในอธิปไตย ไม่ใช้ไทยทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล ยันช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม พร้อมเป็นตัวเชื่อมหากเมียนมาประสานเจรจาชนกลุ่มน้อย สธ.ยังไม่ประกาศ "แผนภาวะฉุกเฉินระดับ 5"
เมื่อวันที่ 23 เมษายน เวลา 11.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม รวมถึงการดำเนินชีวิตของประชาชนในบริเวณชายแดน ดังนั้นตนในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงออกคำสั่ง สมช. แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งเป็นกลไกในการติดตามประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวม รวมถึงให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อ สมช. นายกฯ และ ครม. เพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกที่จำเป็น
ที่ตึกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายปานปรีย์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมาครั้งแรก หลังจากนายเศรษฐา ลงนามแต่งตั้ง ทั้งนี้ การประชุมในครั้งนี้ เป็นการหารือประเมินภาพรวมสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ทั้งการเตรียมแนวทางรองรับการรับผู้อพยพจากความไม่สงบในประเทศเมียนมา ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ รวมไปถึงการรุกล้ำเขตแดน แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังคงเกิดขึ้นเป็นเฉพาะจุด ยังไม่มีการขยายวงกว้างมากนัก ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้แถลงข่าว
ขณะที่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมาว่า ที่ประชุมมีการประเมินสถานการณ์ เพราะสถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งต้องมีการประเมินเป็นรายชั่วโมง
การประชุมวันนี้ได้ข้อสรุป 3 หลักการ คือ 1.การยึดมั่นรักษาอธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นเรื่องหลักในการดูแลคนไทยที่ได้รับผลกระทบ 2.ไม่ให้ใช้ดินแดนเขตไทยในการดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งเป็นหลักการปฏิบัติโดยปกติอยู่แล้ว 3.การยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินงาน และให้การช่วยเหลือกับทุกฝ่าย ซึ่งวันนี้นายปานปรีย์ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์ โดยทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. จะเป็นหน่วยงาน กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลฝ่ายต่างประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ในการให้ความช่วยเหลือต่างๆ รวมถึงการประสานอาเซียน
นายนิกรเดชยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มจะมาตั้งกองกำลังต่อต้านในฝั่งไทย ซึ่งเป็นจุดยืนที่เราย้ำ เราไม่อนุญาตให้ใช้ดินแดนไทย การเคลื่อนไหว ซึ่งฝั่งเมียนมาก็ทราบดีถึงแนวปฏิบัติ ไม่มีการใช้ไทยอย่างแน่นอน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันด้วยว่า ทุกหน่วยงานของไทยขณะนี้มีความพร้อมหากมีการอพยพของผู้หนีภัยสงครามเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของผู้หนีภัยสงครามแต่ละวันเมื่อเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยและเดินทางมีจำนวนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละวัน ถ้าเราบอกว่าให้ความช่วยเหลือบนฐานของหลักมนุษยธรรม คนที่หนีภัยคือคนที่ได้รับอันตราย รู้สึกไม่ปลอดภัย เรารับและให้การช่วยเหลือทั้งหมดตามหลักการขั้นตอนการดำเนินการตามหลักมนุษยธรรมของเรา โดยการเดินทางกลับของผู้ลี้ภัยมีอยู่ 2 หลักการ คือหากจะกลับโดยสมัครใจสามารถขอกลับได้ และจะต้องให้ความมั่นใจว่าหากเดินทางกลับแล้วผู้อพยพเหล่านั้นปลอดภัย พร้อมกับระบุว่าบางคนอาจไม่เดินทางกลับ ซึ่งตัวเลขของผู้เดินทางเข้า-ออกไม่นิ่ง มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
ส่วนการพูดคุยกับกองกำลังแต่ละกลุ่ม ไทยไม่สามารถดำเนินการเองได้ ต้องได้รับการร้องขอจากเมียนมา เพื่อให้ใครเข้าไปมีบทบาทในการให้การช่วยเป็นตัวกลางในการพูดคุย ซึ่งไทยพร้อมอยู่แล้ว จะเข้าไปเจรจาจะต้องได้รับการประสาน และขณะนี้ยังไม่มีขั้นตอน จะให้ไทยเข้าไปช่วยในการเจรจาหรือไม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นการเจรจากันภายใน
นายนิกรเดชกล่าวว่า ประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันกว่า 2,000 กิโลเมตร เราก็มีความกังวล ไม่อยากให้มีการสู้รบในประเทศของเขา เราพูดมาตลอดอยากให้มีเสถียรภาพ ความมั่นคงในเมียนมา ซึ่งมองไปถึงอนาคตหากทุกฝ่ายเห็นว่าไทยพร้อมต้องการให้ใครเข้าไปมีบทบาท
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่าวันนี้ (23 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ได้มอบหมายให้ตนร่วมเดินทางไปกับคณะของนายปานปรีย์ เพื่อลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อดูสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมาด้วย ทั้งนี้ อย่างน้อยเราก็ต้องให้การดูแลในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งเป็นการดูแลตามหลักมนุษยธรรม เมื่อเขามีความเดือดร้อนมีอันตราย ถึงขั้นเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตแล้วหลบหนีเข้ามา ก็เป็นการหนีร้อนมาพึ่งเย็น
เราก็ต้องกำกับดูแลควบคุมให้เขาอยู่ในที่ที่เราได้เตรียมไว้ ซึ่งในจังหวัดที่มีสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเตรียมที่พัก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนเผชิญเหตุที่อาจจะเกิดการปะทะหรือสู้รบกันได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกินความคาดหมาย เพียงแต่คนที่เข้ามาก็ต้องอยู่ในความควบคุมของเรา เมื่อสถานการณ์คลี่คลายคนเหล่านี้ก็จะเดินทางกลับ จึงไม่น่ากังวลอะไร
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ติดตามสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา วานนี้ (22 เม.ย.) ว่าเราไม่ได้ประกาศเป็นแผนภาวะฉุกเฉิน ซึ่งมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน สื่อบางสำนักเขียนว่าประกาศเป็นแผนภาวะฉุกเฉินระดับ 5 ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ แต่เป็นประกาศแผนภายในของสถานพยาบาลเวลามีอุบัติเหตุ ซึ่งโรงพยาบาลแม่สอดสูงสุดมี 3 แผน หลังจากประกาศแผนแล้วใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ก็ประกาศยุติการประกาศแผนได้ และเข้าสู่การรักษาดูแลตามปกติ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.20 น. นายปานปรีย์พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม, พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกเดินทางด้วยเครื่องบินของกองทัพบก รุ่น บ.ท.135 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ในเวลา 15.20 น.
จากนั้น เวลา 16.00 น. รองนายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดตรวจเยี่ยมและพบปะราษฎรชาวไทย ตลอดจนศึกษาสภาพภูมิสังคมและการค้าชายแดนบริเวณ บ.ริมเมย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ก่อนเดินทางกลับในเวลา 17.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
นายกฯ สั่งเกาะติด 7จังหวัดภาคใต้ที่เจอฝนถล่มหนัก
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนักในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้