ก้าวไกลหนุนปรับครม. ไล่ส่ง‘เศรษฐา’พ้นคลัง

กรุงเทพฯ ๐ ก้าวไกลไฟเขียว! ปรับครม. มีชื่อ "พิชัย" นั่ง รมว.คลังฟูลไทม์ ชี้ต้องใช้ 1 รัฐมนตรีว่าการ 2 รัฐมนตรีช่วย  รับมือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ห้ามมีช่วงฮันนีมูน "เศรษฐา" ไม่ควรควบแต่ต้น ด้าน "วราวุธ" เมินข่าวปรับ ครม. ลั่นตราบใดที่ยังใส่หมวกรัฐมนตรี กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ต้องทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย ส่วน "น.ช.ทักษิณ" หอบลูกหลานเที่ยวห้าง

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ จะสร้างความแตกต่างหรือไม่ว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรมาตั้งแต่ต้น  เพราะไม่สามารถที่จะทำงานเต็มเวลาได้ งานของกระทรวงที่ฝากรัฐมนตรีช่วยไว้ก็อาจทำไม่ได้เต็มที่ และโดยปกติ นายกฯ จะไม่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพราะต้องเป็นผู้เสนอแนะ หรือตักเตือนเรื่องการคลังที่น่ากังวล ดังนั้นเป็นเรื่องที่ดีหากมีรัฐมนตรีคลังมาทำงานเต็มเวลา  ส่วนนายพิชัยจะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องให้โอกาสเริ่มทำงานก่อน

เธอกล่าวว่า นายพิชัยก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบบริหารราชการมาระดับหนึ่ง ดังนั้นทางพรรคก้าวไกลคงจะไม่ให้โอกาสในช่วงทดลองงาน เมื่อเข้าทำเนียบฯ ก็ต้องทำงานทันที ไม่มีช่วงฮันนีมูนเหมือนรัฐมนตรีคนอื่น เพราะถือว่ารัฐบาลทำงานมา 7 เดือนแล้ว จึงคาดหวังว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ รัฐมนตรีหน้าใหม่คงไม่มาเรียนรู้งานกันใหม่ ขอให้ทำงานเต็มที่ตั้งแต่วันแรก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องให้กำลังใจนายพิชัยหรือไม่ เพราะต้องมาสานต่อนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า เข้าใจว่านายพิชัยอยู่ในทีมที่ทำงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เข้าใจว่าครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ 1 รัฐมนตรี และ 2 รัฐมนตรีช่วย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ก็ฝากกำลังใจไปยังกระทรวงและข้าราชการประจำที่จะต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่มาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลคาดหวังไว้

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์  คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ วันเดียวกันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการส่งสัญญาณเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี เราคาดเดาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนมีการพูดคุยกับพรรคร่วมหรือยัง ไม่สามารถตอบแทนพรรคอื่นได้ แต่ในส่วนของพรรคยังไม่ได้มีการหารือ

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้อยู่ที่เดิมหรือไม่ นายวราวุธบอกว่า ไม่ได้มั่นใจ เพราะยังไม่รู้ ยังไม่มีการติดต่อ ก็ทำงานอย่างเต็มที่

ส่วนรัฐมนตรีที่มีชื่อว่าถูกปรับเริ่มมีการหวั่นไหวเหมือนถอนใจแล้ว พรรคชาติไทยพัฒนายืนยันยังไม่ได้รับสัญญาณใช่หรือไม่ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ตอบว่า ถึงจะมีสัญญาณหรือไม่มีสัญญาณ แต่ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ ก็จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงแม้มีข่าวว่าจะปรับออก หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ตราบใดที่ยังใส่หมวกรัฐมนตรี กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน เราก็จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย

ให้พรรคเพื่อไทยตอบ

“ผมไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลและพรรคแกนนำได้ ว่าทำงานมา 7 เดือน ถึงเวลาต้องปรับ ครม.หรือไม่ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ แต่ยืนยันในส่วนของพรรค 7 เดือนที่ผ่านมา เรามีผลงานมากมาย เปลี่ยนมิติการทำงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”

นายวราวุธยังกล่าวถึงการปรับตัวของพรรคชาติไทยพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้พรรคคงอยู่ต่อไปว่า หัวใจสำคัญของการทำงานการเมืองคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงในงานที่เราทำ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จนถึงวันนี้ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้เห็นแล้ว ไม่ว่าเราจะทำงานอยู่ในกระทรวงใด เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือวันนี้ที่เราดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราเปลี่ยนมิติการทำงานของกระทรวงจากเชิงรับเป็นเชิงรุก ทำงานในรูปแบบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หนึ่งเดียว ดังนั้นการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนาเราเป็นนักปฏิบัติ อยู่ที่ใดเราก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดคุณประโยชน์มากที่สุดให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองสมัยใดก็แล้วแต่ เป้าหมายของการเมืองคือการทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น และตนคิดว่าเราได้ทำออกมาเป็นรูปธรรมอย่างที่สุดให้ประชาชนได้เห็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้     ในการประชุมประชุมสามัญครั้งที่ 1/2567 พรรคชาติไทยพัฒนา มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคน

การประชุมใหญ่สามัญนี้จัดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 43 และมาตรา 61 ที่กำหนดให้หัวหน้าพรรคต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้วเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี โดยพรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีการปรับโครงสร้างแต่อย่างใด ที่ประชุมจะมีการประชุมสามัญตามระเบียบวาระ ได้แก่ เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ, เรื่องรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2566 ของพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

ต้องรับผิดชอบต่อนโยบาย

นายวราวุธกล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทำหน้าที่รับผิดชอบต่อพรรค ต่อสมาชิกพรรคและประชาชนตามนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้ประกาศไว้ และในขณะเดียวกัน ในฐานะหนึ่งในรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายด้านสังคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ตามที่ได้ประกาศไว้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วย สวัสดิการโดยรัฐ อันถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดของฝ่ายการเมืองต่อประเทศชาติและประชาชน

ส่วนพรรคไทยสร้างไทย จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2567 ที่สุบรรณฮอลล์ เขตดอนเมือง โดยมีแกนนำพรรค  คณะกรรมการบริหารพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พร้อมด้วยสมาชิกพรรคกว่า 500 คน ในการประชุมครั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศอุดมการณ์พรรค โดยเฉพาะการสร้างนโยบายเพื่อช่วยคนตัวเล็ก การมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ โดยมีคนรุ่นใหญ่เป็นฐาน และมีคนรุ่นใหม่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนพรรค

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า พรรคจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และก้าวต่อไปอย่างมั่นคง บนพื้นฐานของอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา ไม่ทรยศหักหลังประชาชน ขณะเดียวกันยังเชื่อว่า การเมืองในปัจจุบันและในอนาคตแตกต่างจากในอดีต ที่การใช้อิทธิพล ระบบอำนาจนิยม   รวมถึงการใช้เงินทองในการซื้อเสียงจะไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้

"ตราบใดที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังยากจน มีความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ คนตัวเล็กยังขาดโอกาส ดิฉันและพรรคไทยสร้างไทยจะเดินหน้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อพี่น้อง คนตัวเล็ก จะได้รับโอกาสในการสร้างงานสร้างอาชีพ มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ”

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยยังกล่าวว่า ทุกนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน สร้างความเท่าเทียม เช่นบำนาญประชาชน 3,000 บาท ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงวัย ทำให้ผู้สูงอายุสุขภาพดี และกลับไปทำงานได้ กองทุนเครดิตประชาชน ให้ประชาชนทุกคนมีเครดิตตั้งแต่ 10,000 บาทจนถึง 100,000 บาท เพื่อเป็นทุนตั้งตัวไปตลอดชีวิต โดยรัฐให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้คนยากจนเข้าถึงแหล่งทุน และสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง 

ผู้บริหารพรรคชุดใหม่

"กองทุนเครดิตเครดิตประชาชนจึงมีหลักคิดต่างจากนโยบายแจกเงิน Digital 10,000 บาทของรัฐบาล ที่ใช้เงินมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท กลายเป็นภาระหนี้ชั่วลูกชั่วหลาน เพราะเงินมาจากการกู้ยืม ธ.ก.ส. และการจัดงบแบบขาดดุล ซึ่งก็คือการกู้เงินอยู่ดี โดยเฉพาะการไม่แจกเป็นเงินสด จะไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจหมุนเป็นพายุได้ เพราะคนจนจะไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง จะได้เพียงการซื้อข้าวของมาใช้เพียงชั่วคราว และสังคมยังมีข้อสงสัยเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายว่าทำไมไม่แจกเป็นเงินสดอย่างตรงไปตรงมา" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

ในการประชุมพรรค มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และเลือก สส.ชัชวาล แพทยาไทย เป็นเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย  รวมทั้งเลือกคนรุ่นใหม่เป็นรองหัวหน้าพรรค และรองเลขาธิการพรรค ในอีกหลายตำแหน่งสำคัญ เช่น นายสมชาย เวสารัชตระกูล, นายกิติ วงษ์กุหลาบ,  นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน เป็นรองหัวหน้าพรรค ส่วนนายนรุตม์ชัย บุนนาค, นายรณกาจ ชินสำราญ, นายณัฐวัฒน์ พอใช้ได้, นายภัทรดนัย ใหม่พระเนตร, นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ และนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ เป็นรองเลขาธิการพรรค เป็นต้น

ส่วนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ พรรคไทยสร้างไทย ก็ได้ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ โดยผลักดันให้นายปริเยศ อังกูรกิตติ เป็นโฆษกพรรคไทยสร้างไทย,   นายภัชริ นิจสิริภัช เป็นเหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย และนายศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ เป็นนายทะเบียนพรรค

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษชายที่อยู่ระหว่างได้รับการพักโทษนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์สตอรีอินสตาแกรมส่วนตัว  เป็นคลิปวิดีโอนายทักษิณและ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เดินที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งด้วยกัน และได้แวะร้านของจิ๋ว

โดย น.ส.แพทองธารเขียนระบุว่า  “ซื้อของจิ๋วตามอาชีพ ตอนเด็กๆ” ซึ่งในคลิป น.ส.แพทองธารได้ถามนายทักษิณว่า “ตอนเด็กๆ เคยขายอะไรบ้างคุณพ่อ”  นายทักษิณตอบว่า “ขายกาแฟ หน้าร้านขายโรตี” และได้ถามหาของจิ๋วที่เป็นร้านน้ำแข็งไสด้วย นอกจากนี้ นายทักษิณได้เดินแวะทักทายร้านค้า และมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปกับนายทักษิณด้วยเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง